Guideline แบบสับ ๆ เพื่อตกลูกค้ากลุ่ม Gen Z บน Twitter
กลุ่มเป้าหมายของใครเป็น Gen Z ที่ชอบเล่น Twitter บ้างคะ? วันนี้นุ่นมี Cultural trend ที่นักการตลาดต้องเข้าใจเกี่ยวกับ Gen Z ก่อน แล้วจะสามารถทำการตลาดบนแพลตฟอร์มนี้ได้มีทิศทางมากขึ้นแน่นอน
นุ่นเข้าใจว่าแบรนด์ที่ยังไม่เคยทำการตลาดบน Twitter จะมีความกลัวว่าจะไม่เวิร์ค ด้วยความไม่คุ้นชินกับการใช้งานส่วนนึง และอีกส่วนนึงคิดว่าต้องยิงโฆษณาอย่างเดียวถึงปัง แบบนั้นไม่ผิดนะคะเพราะตอนนี้หลาย ๆ แบรนด์ก็ยิงโฆษณาบน Twitter กันเป็นเรื่องปกติ
แต่ถ้าเราเป็นแม่ค้าที่เข้ามาขายของให้ชาวบ้านบนแพลตฟอร์มนี้ ด้วยความรู้จักชาวบ้านเป็นอย่างดีด้วยล่ะ? ต้องมั่นใจในผลลัพธ์ได้มากกว่าหลับหูหลับตายิงโฆษณาอย่างเดียวบ้างล่ะ? นี่คือข้อได้เปรียบถ้าอ่านไกด์ในบทความนี้จบค่ะ
เพราะนุ่นจะมา Highlight Cultural Trend อ้างอิงจากทีม Twitter ที่เค้าวิเคราะห์ร่วมกับ Agency Sparks & Honey เพื่อทำความเข้าใจ Gen Z ทั่วโลก และเรียนรู้กลุ่มเป้าหมายกลุ่มนี้
และคัดจุดที่น่าสนใจมาย่อยโดยคนที่ใช้ชีวิตอยู่บน Twitter ทุกวันอย่างนุ่นเองค่ะ มาทบทวนไปด้วยกัน แล้วค่อยเจาะเลเยอร์ต่อให้เป็นแนวนางของแบรนด์ตัวเองดูน้า
#1 อย่าพยายามตีกรอบ Gen Z เพราะพวกเค้าคิดว่าโลกมันกว้างมาก
ไม่ใช่ว่า Gen Z เน้นแหกอย่างเดียวนะคะ แต่ทีม Twitter เขาพยายามจะสื่อว่า เจนนี้ไม่คิดว่าการจำกัดหมวดหมู่ แบ่งแยกเป็นสิ่งที่ถูก 100% ค่ะ เราสามารถภูมิใจกับตัวเองได้ในแบบที่ไม่เดือดร้อนใคร
นี่คือสิ่งที่แบรนด์ต้องทำความเข้าใจ และพยายามเปิดกว้างไปพร้อมกับลูกค้า เพราะตอนนี้ไม่ใช่กระโปรง = ผู้หญิงเท่านั้นที่ใส่ได้อีกแล้วค่ะ
มันไม่ใช่เรื่องผิดแผกที่จะให้ Gen Z ใช้ช่วงเวลาชีวิตที่สนุกที่สุดไปกับการค่อย ๆ ค้นหาตัวเอง แบรนด์ไหนซัพพอร์ตแนวคิดคล้ายกันนี้ก็มักจะได้ใจไปเต็ม ๆ เลย มีบทความที่ใส่เคสตัวอย่างแบรนด์ Gucci ออก Collection MX โดยจะใช้ Model ที่มีลักษณะเป็น Non-Binary เพื่อโปรโมทความเท่าเทียมกันทางเพศมากขึ้น จิ้มบทความด้านล่างเพื่ออ่านต่อได้เลยค่ะ
#2 77% ของ Gen Z บน Twitter คิดว่าตัวเองเป็นผู้มีอิทธิพล
แว๊บแรกบางคนอาจคิดว่า เห๋ยย… หลงตัวเองไปป่าวว จริง ๆ ก็แอบใช่ แต่ถ้าใครสังเกตทวิตที่ป้ายยาแบบธรรมชาติแต่ดันแมสไม่ใช่ดาราเซเลป เป็นคนธรรมดา ๆ หลังจอที่มีวิธีทวีตเกี่ยวกับของที่อยากพรีเซ็น
ทวิตเตอร์รายงานว่ามี Gen Z ถึง 77% ที่มั่นใจว่าตัวเองเป็น Influencer ได้อย่างไม่รู้สึกว่าแอคเคาท์ต้องมีคนติดตามหลักแสน แค่หลักพันหลักร้อยแล้วทำไม อยากป้ายยาของดีก็ทำเลยเริ่ม!
เมื่อแบรนด์เข้าใจถึง Insight ส่วนนี้แล้วก็ขอให้เชื่อมั่นใน Gen Z บนทวิตเตอร์ว่าส่วนใหญ่มีความมั่นใจในการบริโภคและบอกต่ออย่างล้นเหลือเลย ต้องคอยอัปเดตศัพท์ใหม่ ๆ หน่อยนะคะ จะได้จอย ๆ กับสังคมทวิตเตอร์ เช่น เกาหลีเกาใจ แอดมินจะได้คุยกับลูกค้ารู้เรื่อง ><
#3 Gen Z ยกแพลตฟอร์มนี้ให้เป็น Twittertainment
เพราะเรื่องข่าวเร็วข่าวไว ความไวรัลนี่ Twitter เค้าไม่แผ่วอยู่แล้วค่ะ แต่ไม่ได้ใช้เพื่อความบันเทิงหรือดราม่าอย่างเดียว ทวีตที่มีประโยชน์แมสก็เยอะแยะ ถ้าทวิตค้างโทษสัญญาณอินเทอร์เน็ตก่อนเลยหนึ่ง ใครติดแพลตฟอร์มนี้จะรู้ตัวว่าโอ๋ทวิตสุด ๆ ไม่ได้ไถนี่ใจจิขาด
และสำหรับ Gen Z แล้ว ทวิตเตอร์ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่สำหรับแชร์สื่อใหม่ แต่เป็นช่องทางสำหรับความคิดสร้างสรรค์และการคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ ด้วยน้า
สิ่งที่แบรนด์ควรต่อยอดคือย่อยคอนเทนต์ที่ซีเรียสให้มีจุดน่าสนใจ น่ารีทวีต จะมีคอนเทนต์ความรู้จัดหนักอัดแน่นแค่ไหน เอาไปทวีตก็ต้องพยายามใส่อีโมจิ ปรับคำให้สั้นกระชับกว่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ ค่ะ
แปะแบรนด์ที่ตกลูกค้า Gen Z (และอาจจะ Gen อื่น ๆ ด้วย) บนทวิตเตอร์ได้น่ารักดี
แบรนด์แรกที่นึกถึงคือน้อง GON ค่ะ ถือเป็นลูกรักทวิตเตี้ยนอยู่นะคะ เพราะจอยกับการขายของบนทวิตสุด ๆ ^^ บางครั้งนุ่นคิดว่าเราควรผ่อนคลายลงเมื่ออยู่บนทวิตเตอร์ แค่สถานการณ์ปัจจุบันก็เดือดพอแล้ว แบรนด์กับลูกค้ามาทำบรรยากาศให้จอย ๆ กันเถอะค่ะ
เพราะการจะตก Gen Z บน ทวิตเตอร์ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ต้องยอมรับความคิดและความเป็นตัวตนที่เปิดกว้างของเจนนี้เสียก่อน รวมทั้งความมั่นใจที่เป็นประโยชน์ต่อคนทำแบรนด์มาก สุดท้ายที่นุ่นเลือกมาคือพื้นที่ทวิตเตอร์ก็เป็นแพลตฟอร์มที่ฟรีสร้างสรรค์ ลดความตึงโบลงหน่อย นี่คือสิ่งที่นุ่นเข้าใจหลังอ่านบทความจากทีมทวิตเตอร์และเล่าเป็นภาษาของนุ่นเองสั้น ๆ ค่ะ แล้วพบกันในบทความหน้าน้า
ปล.1 ใครอยากอ่านเต็ม ๆ สามารถเข้าไปอ่านได้ที่รีพอร์ตตัวเต็มได้ที่นี่ และที่นี่เลยนะคะ ^^
ปล.2 อ่านบทความเกี่ยวกับ Gen Z เพิ่มเติมได้ที่ > https://www.everydaymarketing.co/?s=GEN+Z
