ทำความรู้จัก Instagram Features ที่ช่วยขายของได้ดี

ทำความรู้จัก Instagram Features ที่ช่วยขายของได้ดี

หลายธุรกิจในตอนนี้คงหนีไม่พ้นที่จะใช้ Social Media อย่าง Instagram ในการสื่อสารและการขายสินค้าใช่ไหมคะ ซึ่งฟีเจอร์ส่วนใหญ่เบสิกๆ ของไอจีอย่างการโพสต์รูป ลงสตอรี่ ลงวิดีโอนั้น ปลื้มเชื่อว่านักการตลาด Gen ใหม่น่าจะทราบกันดีอยู่แล้ว วันนี้ปลื้มก็เลยจะมาแชร์ Instagram Features ที่ช่วยขายของให้ได้ดีขึ้นกว่าเดิมให้นักการตลาด พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ รวมไปถึงเจ้าของธุรกิจได้นำไปปรับใช้กันเพิ่มค่ะ

1.  Instagram Shop ฟีเจอร์สำหรับร้านค้าออนไลน์

สำหรับ Instagram ตอนนี้ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าแอปฯ กำลังให้ความสำคัญกับร้านค้า จากการใส่ฟีเจอร์ Shop บนแถบด้านล่างหน้าจอเพิ่มไป เพราะจะทำให้ผู้ใช้สามารถกดเข้าดูสินค้าในแอปฯ ได้ง่ายขึ้นนั่นเอง อีกทั้งยังมีระบบ Search โดยผู้ใช้สามารถค้นหาสินค้าของเราได้จากแท็ก และเมื่อผู้ใช้เข้าไป Search ในฟีเจอร์ Shop อินสตราแกรมก็จะรวบรวมสินค้าต่าง ๆ จากการดึงข้อมูลเหล่านั้นเข้ามาให้ลูกค้าได้เลือกชมรูปภาพสินค้าได้ในช็อป ปลื้มว่าก็ง่ายต่อการช้อปดีนะคะ

ต้องบอกก่อนว่า Instagram Shop เป็น Features ที่สามารถ Checkout หรือชำระเงินในแอปฯ ได้เลย ซึ่งตอนนี้ใช้ได้ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น สำหรับในไทยอินสตราแกรมยังไม่สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ได้ เลยต้องปิดการขายผ่านลิงก์เข้าไปชำระเงินบนเว็บ E-commerce ไปก่อน แต่ถึงอย่างนั้น Instagram ก็สามารถดึงดูดให้ผู้เข้าชมไปยังร้านค้าอีคอมเมิร์ซได้ 

ทั้งนี้ Instagram Shop ทำให้ผู้บริโภคเห็นสินค้าได้ทุกพื้นที่ในอินสตราแกรมจากเครื่องหมาย Shop ที่อยู่บนโพสต์นั้นๆ อีกทั้งช่วยในเรื่องของการค้นหาร้านค้าได้ง่ายขึ้น และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงสินค้าของเราได้มากขึ้นกว่าเดิม 

2. ฟีเจอร์ Product tagging บน Post ใน Instagram 

หากลองนึกถึงพฤติกรรมผู้ใช้อินสตราแกรม ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้เข้ามาใน Instagram เพื่อซื้อสินค้า ดังนั้นรูปภาพที่โพสต์ไม่ควรเป็นภาพโฆษณาจนเกินไป แต่ควรนำเสนอในรูปแบบอื่น ๆ ให้เห็นไลฟ์สไตล์ เพื่อดึงดูดสายตาและกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วม 

สำหรับการใช้ฟีเจอร์ Product Tagging จะช่วยแท็กชื่อสินค้าและราคาในรูปภาพได้เลย โดยที่ไม่ต้องรอให้ลูกค้า Inbox ถาม เพราะพฤติกรรมของคนส่วนใหญ่จะอยากทราบราคาเป็นอันดับแรกหลังจากที่สนใจสินค้านั้นๆ และประโยชน์อีกอย่างของฟีเจอร์นี้ คือ ทำให้ผู้ซื้อสามารถแตะที่แท็กเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้านั้นๆ ได้เลย โดยไม่ต้องเข้าไปโปรไฟล์หาลิงค์อะไรให้วุ่นวาย

ส่วนการติด Product Tagging ให้มีประสิทธิภาพ เราต้องติดแท็กเฉพาะสินค้าที่อยากแนะนำจริงๆ หากมากเกินไปเพราะอาจจะเกิดความสับสนได้ว่าแท็กไหนคือสินค้าที่เขาสนใจกันแน่ และสุดท้ายไม่ควรวางแท็กซ้อนทับกันเพราะจะทำให้ลูกค้ากดเข้าไปไม่ถูกแท็กที่ต้องการได้นะคะ

3. ฟีเจอร์ Product tagging บน Video Post ใน Instagram

การใช้ IG Stories / Reels หรือ IGTV ให้เกิดประโยชน์ที่สุด สำหรับร้านค้าบน Instagram โดยการติด Product tagging เพื่อให้คนคลิกเข้าช้อปสินค้าเราได้ ไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ หรือ วิดีโอ ก็ตาม ซึ่ง Video Post บนแอปฯ ทำหน้าที่ต่างกันอย่างไรมาดูกันค่ะ 

Instagram Stories

เป็น Features แรกๆ ที่ได้รับความสนใจจากผู้ใช้เป็นอย่างมาก ซึ่ง IG Stories ได้กำหนดระยะเวลาของวิดีโออยู่ที่ 24 ชั่วโมง ทำให้ร้านค้า โพสต์คอนเทนต์ลงสตอรี่ได้มากกว่า 1 คอนเทนต์ต่อวัน  จะช่วยในเรื่อง Awareness ได้ดีมากๆ เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สามารถใช้สื่อสารระหว่างแบรนด์กับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญเลยคือหากติด tagging บน IG Stories ด้วยจะทำให้คนที่สนใจสินค้าของเราได้คลิกลิงก์เข้าไปที่ร้านทันที อาจจะส่งผลให้เกิดการซื้อหรือไม่ก็ช่วยเพิ่มการเข้าชมร้านค้าบนแอปฯ ของเราได้

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Instagram story highlight เป็นวิธีที่ดีสำหรับผู้ชมใหม่ที่จะเข้ามาดูในโปรไฟล์ของเรา ซึ่งสามารถเปิดสตอรี่ที่เราได้ไฮไลต์ไว้ตลอดเวลา ดังนั้นเราสามารถเข้าไปตั้งค่าใน Stories ที่ติด tagging เกี่ยวกับร้านค้าหรือสินค้าของเราทั้งหมด ลงในหน้าไฮไลต์ จะทำให้ลูกค้าคลิกลิงก์ไปช้อปได้ง่ายขึ้นค่ะ 

Reels

สำหรับ Instagram Reels เป็นฟีเจอร์ที่ความความคล้ายกับ Video บน TikTok เพราะสามารถใส่ลูกเล่นและเอฟเฟกต์ได้เหมือนกัน แต่ความน่าสนใจสำหรับร้านค้าออนไลน์บน IG คือฟีเจอร์นี้สร้างการมองเห็นได้กว้างขึ้นโดยที่ไม่ต้องติดตามก็สามารถที่จะมองเห็น Video ของเราได้ และการติด Tagging จะทำให้โอกาสการเข้าถึงร้านเพื่อซื้อสินค้าก็มีมากขึ้นกว่าเดิม 

IGTV

ใครที่ยังไม่ได้ใช้ IGTV อาจต้องพิจารณาอีกครั้งนะคะ เพราะ IGTV จะทำให้ผู้ชมใช้เวลาอยู่กับเราได้ยาวขึ้น เราสามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ได้แบบจุใจ เหมาะสำหรับการพูดคุยกับลูกค้า โฆษณา  รีวิวสินค้า การสัมภาษณ์ หรือ ทดลองใช้สินค้าให้เห็นชัดๆ เป็นต้น นอกจากนี้เรายังสามารถติด tagging สินค้าใน Shop จากวิดีโอได้เหมือน เมื่อสนใจสินค้าก็คลิกดูรายการสินค้าหรือราคาได้เลย บอกเลยค่ะว่าแต่ละฟีเจอร์บนไอจีเชื่อมกันหมด เพียงแต่เราต้องต้องหาวิธีใช้ประโยชน์จากมันให้ได้มากที่สุดค่ะ

4. Instagram Guides กับการสร้าง Blog

Instagram Guides เป็น Blog หรือนิตยสารที่อยู่ในอินสตราแกรม ที่เปิดให้ใช้เฉพาะกลุ่มที่เป็นร้านค้ากับครีเอเตอร์เท่านั้น โดยการใช้งานฟีเจอร์นี้ คล้ายกับการเขียนบทความสั้นๆ ลงไปในโปรไฟล์ของเรา อาจจะเป็นการบรรยาย แนะนำตัวเอง แนะนำสินค้า แบ่งปันเรื่องราว เล่าประวัติแบรนด์ ซึ่งเป็นตัวเลือกเพิ่มเติมสำหรับการ Tie-In สินค้าของ Influencer ได้ดีทีเดียว เพราะ Blogger ส่วนใหญ่มีโปรไฟล์ที่มีผู้ติดตามใน IG แต่ต้องไปสร้าง Blog บนเว็บใหม่ แต่ต่อไปนี้ก็สามารถเขียนรีวิวต่างๆ ได้บนแอปฯได้เลย แถมยังมีฐานผู้ติดตามอยู่แล้วด้วย ยิ่งทำให้ง่ายต่อการเข้าถึง

โดยฟีเจอร์นี้ ผู้ใช้ทั่วไปสามารถแชร์ Guide ไปยังสตอรี่ตัวเอง หรือ DM ได้โดยการกดแท็บแชร์ที่มุมขวาบน แต่น่าเสียดายที่ฟีเจอร์นี้ใช้ได้เพียง 6 ประเทศ ได้แก่ แคนาดา สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และ ไอร์แลนด์ เท่านั้น 

5. ฟีเจอร์ Saved เก็บบันทึกสินค้า

Instagram มี Features สำหรับเก็บบันทึกรายการสินค้า ซึ่งจริงๆ แล้วก็คล้ายกับการเลือกสินค้าใส่ตะกร้าไว้ แต่ยังไม่ไปจ่ายเงินนั่นเองค่ะ เพราะเมื่อคนเข้ามาดูสินค้าใน Shop ลูกค้าอาจจะอยากเลื่อนดูสินค้าเรื่อยๆ ก่อน เมื่อเจอสินค้าที่สนใจ ก็อยากบันทึกเก็บเอาไว้ โดยฟีเจอร์นี้ จะเป็นการแนะนำให้เซฟสินค้าเก็บเอาไว้ก่อน โดยการสร้าง Album Wishlist ไว้ 

ซึ่งปลื้มมองว่า Features นี้มีความสำคัญกับเราตรงที่ ระหว่างการชมวิดีโอของผู้ใช้ในพื้นที่ต่างๆของ Instagram สามารถคลิกเก็บบันทึกสินค้าไว้ก่อนได้ โดยไม่ต้องออกจากคอนเทนต์วิดีโอที่รับชมอยู่ และยังเพลิดเพลินกับรับชมต่อไปแบบไม่รู้สึกว่าการช้อปมารบกวน และนั่นมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับสินค้าที่ผู้ซื้อใช้ระยะเวลาพิจารณานาน

5. Commerce Manager เพื่อดู Insights ของผู้บริโภค

นักการตลาดสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึก โดยการใช้ Commerce Manager ที่ใช้ได้ทั้งร้านค้าบน Facebook และ Instagram ซึ่งเป็นประโยชน์มากสำหรับร้านค้าออนไลน์ของเรา เพราะว่าเครื่องมือนี้เชื่อมกับ Instagram Shop ซึ่งสามารถสร้างแค็ตตาล็อกและเพิ่มสินค้าเข้าไป ให้เชื่อมต่อกับบัญชีการร้านของเรา เพื่อที่จะดูภาพโดยรวมเกี่ยวกับสถิติของร้าน รวมไปถึงสินค้าขายดีของร้านด้วย

เรายังสามารถเข้าใจ insight ของผู้ชมร้านค้า Instagram ของเราด้วย ซึ่งในหน้านี้จะบอกไปถึงเรื่อง เพศ อายุ และ สถานที่ เป็นต้น และสามารถตรวจสอบประวัติการเข้าชมร้านค้า การขายสินค้า รวมไปถึงดูยอดไลค์ คอมเมนต์ และ แชร์ ด้วยค่ะ

ส่วนหน้า Discovery จะรวบรวมข้อมูลจากร้านค้าบน Instagram ของเรา จะมีข้อมูลโดยละเอียดตั้งแต่การคลิกเข้าชม ไปจนถึงการซื้อ หรือแม้แต่ข้อมูลที่มีคนคลิกเข้ามาดู แต่ไม่ซื้อ ทำให้นักการตลาดต้องเรียนรู้ ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมคนยังไม่คลิกซื้อ จากนั้นค่อยมาปรับกลยุทธ์โดยการหาจุดที่เป็น Issue แล้วลองปรับมันในการทำการตลาดครั้งต่อๆ ไป เพื่อให้ลูกค้า Checkout ให้ได้

จะเห็นว่า Features บน Instagram สามารถเชื่อมต่อกันไปมา เพื่อเพิ่มการเข้าถึงและขายสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆค่ะ ตั้งแต่ การติด Product Tagging บน รูปภาพ และ วิดีโอโพสต์ ไปจนถึง การแสดงผลข้อมูลเชิงลึก จากการใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ดึงดูดให้ผู้ใช้อินสตราแกรมคลิกเข้าไปช้อปสินค้าของเรา นอกจากนี้ร้านค้าออนไลน์หรือนักการตลาด ที่ใช้แอปฯ นี้อยู่แล้ว สามารถลองใช้ Instagram Features จากวิธีที่ปลื้มได้เล่ามา อาจจะทำให้ผู้บริโภคเห็นสินค้าของเราได้เยอะกว่าเดิมค่ะ

Source : https://www.socialmediaexaminer.com/instagram-shopping-how-to-get-more-exposure-and-sales/?fbclid=IwAR3IvunQ07wqud5UkMbA7tHV10d1nfTuFtxhEayAYEzn0MM2Qm9jvYAukAk

Yoswimol

🎡PLEUM | Data Research Executive ในเครือการตลาดวันละตอน | สนใจเรื่องการตลาด ชอบดูการแข่งขันทางการตลาด และเป็นทาสตลาด... ทุกบทความตั้งใจเขียนมาก ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ มันเป็นกำลังใจที่ทำให้อยากเขียนต่อไปเลย☺️

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

คุณจะไปงานหนังสือเดือนนี้มั้ย ?

อยากรู้ว่างานหนังสือเดือนมีนา เมษา ที่กำลังจะจัดนี้ คุณจะไปหรือเปล่า

การตลาดวันละโพล ช่วยตอบหน่อยจะเอาไปทำโพสให้หน้าเพจ