SMART Goal สำหรับการเป็นนักการตลาดที่ดีขึ้น
การวางแผนในหลายๆ เรื่องในบริษัท บางครั้งแผนที่ทำก็พังไม่เป็นท่าไม่สำเร็จอย่างที่คิดไว้ นั่นก็อาจจะเกิดจากวางแผนที่คลุมเครือ ไม่ชัดเจน เกิดความสับสนระหว่างทีม หรือเรียกว่าการทำงานที่ไม่เป็นระบบ จึงทำให้นักการตลาดต้องหันมาใช้หลัก SMART Goal เพื่อให้เป้าหมายสำเร็จได้จากการวางแผนที่ชัดเจนนั่นเองค่ะ
ความหมายของหลักการ SMART
SMART ย่อมาจากคำว่า Specific / Measurable / Achievable / Relevant และ Time-bound โดยแต่ละองค์ประกอบของกรอบงานจะทำงานร่วมกัน เพื่อสร้างเป้าหมายที่มีการวางแผนอย่างรอบคอบ ชัดเจน และติดตามได้ วันนี้ปลื้มจะมาเล่าถึงการหลักการใช้ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จทางธุรกิจนั่นเองค่ะ เพราะว่ามันสามารถวัดปริมาณ อย่างเช่นพวก ยอดขาย หรือ จำนวนรายได้ โดยการกำหนดวัตถุประสงค์และสร้างแผนงานที่ชัดเจน ดังนั้นเรามาดูกันดีกว่าค่ะ หลักการดังกล่าว เราต้องทำอะไรบ้าง
SMART Goal ที่นักการตลาดต้องตั้งเป้าหมายไว้
S – Specific : เป้าหมายจะต้องมีความเฉพาะเจาะจง คล้ายๆ กับการตั้งคำถามแบบ 5W1H เช่น ทำเพื่อใคร ทำเมื่อไหร่ ทำเพราะอะไร หรือ มีกลยุทธ์ไหนบ้าง แล้วตอบคำถามให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เป้าหมายคลุมเครือ มันจะช่วยลดจำนวนความสงสัยของทีมคุณได้ และสามารถตอบคำถามด้วยความเป็นเหตุเป็นผลได้ดีขึ้น
M – Measurable : เป้าหมายนั้นจะต้องวัดผลได้ คุณต้องมีหลักเกณฑ์การในวัดความคืบหน้าที่สามารถระบุเป็นจำนวนได้ชัดเจน เช่น จะทำยอดขาย 1 ล้านบาท หรือ จะทำรายได้ 1 ล้านบาทในเดือนกรกฎาคม แบบนี้คือวัดผลได้ค่ะ แต่ถ้าบอกแค่ว่า จะทำยอดขายสูงกว่าเดือนที่แล้ว แบบนี้วัดไม่ได้นะคะ ดังนั้นต้องวัดผลเป็นเชิงปริมาณ เพื่อแสดงตัวเลขที่วัดได้เท่านั้นค่ะ
A – Attainable : เป้าหมายจะต้องหาที่มาที่ไปได้ หมายถึงต้องระบุได้ว่ายอดขายที่พูดถึงจะได้มาจากไหน อย่างเช่น รายได้ 1 ล้าน จะได้มาจากการขายผ่านช่องทางออนไลน์ แพลตฟอร์ม Facebook ซึ่งจากข้อมูลจะทำให้รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้เกิดรายได้เหล่านั้น
R – Relevant : เป้าหมายนั้นจะต้องมีความสมเหตุสมผล เกิดขึ้นจริงได้ ไม่เพ้อฝัน เเละเป็นไปได้จริง เพราะถ้าตั้งเป้าเกินความสามารถก็จะทำให้รู้สึกท้อและไม่ยากทำมัน ส่วนนี้จะช่วยให้คุณได้ทบทวนก่อนที่จะตั้งเป้าแบบนั้นจริงๆ
T – Time bound : ต้องกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน ว่าเรื่องนี้สามารถมันได้ภายในกี่ปี เช่น ภายในปี 2565 บริษัทจะขยายสาขา 2 แห่ง เป้าหมายจะชัดเจนขึ้น และในระยะเวลาดังกล่าวทีมจะสามารถจัดแบ่งความสำคัญของแผนงาน โดยที่ไม่เอ้อระเหย ว่าเป้าหมายดังกล่าวจะสำเร็จเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น 2 สาขา ที่ได้ตั้งเป้าหมายอาจจะล่าช้าและไม่สำเร็จสักที
เหตุใดนักการตลาดจึงควรใช้ตั้งเป้าหมายแบบ SMART
การตั้งกรอบเป้าหมายด้วยหลักการ SMART จะกำหนดขอบเขตและกำหนดขั้นตอนที่เราต้องดำเนินการแบบชัดเจน อย่างเป็นระบบ และสามารถบ่งบอกถึงความคืบหน้าของงานไปได้พร้อมๆ กัน ด้วยการตั้งเป้าหมายแบบ SMART จะทำให้เรามีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ตัวอย่างเป้าหมาย SMART Goal
ตัวอย่างเป้าหมาย เช่น ‘ ร้านเสื้อผ้าแฟชั่นยอดนิยมแห่งหนึ่ง ต้องการยอดขาย 200,000 บาท ภายใน 3 เดือน ตั้งแต่ เดือนตุลาคม ถึง เดือนธันวาคม จากการขายผ่านออนไลน์ใน Shopee ‘
Specific : เป้าหมายคือต้องการยอดขาย
Measurable : จะทำยอดขาย 200,000 บาท ภายใน 3 เดือน
Attainable : ยอดขาย 200,000 บาท มาจาก Shopee
Relevant : วางแผนทำ Ads กำหนดกลุ่มเป้าหมาย และจัดโปรโมชั่นช่วงเทศกาล
Time bound : ระยะเวลา ตั้งแต่ ตุลาคม ถึง ธันวาคม รวมทั้งหมด 3 เดือน
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะขึ้นอยู่กับวิธีหรือกลยุทธ์ที่ใช้ เพียงแต่หลักการที่กล่าวมาจะเป็นตัวกระตุ้นให้เป้าหมายมีความชัดเจน ไม่ดูเพ้อฝัน หรือตั้งขึ้นลอยๆ โดยไม่ใช้เหตุผลซัพพอร์ต นอกจากนี้จะทำให้เห็นภาพรวมของแผนงานทั้งหมด เเละสามารถวิเคราะห์ความเป็นได้ก่อนลงมือทำตามแผนจริงค่ะ
จะเห็นว่าหลักการ SMART Goal สามารถเอาไปใช้ได้กับเป้าหมายทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกิจ แผนการเรียน รวมถึงการเป้าหมายในชีวิต และปลื้มคิดว่าหลักการนี้จะช่วยพัฒนาประสิทธิภาพการทำงาน การวางแผน หรือการลงทุนในด้านการตลาดของธุรกิจได้ดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอนค่ะ หากใครยังไม่เคยใช้หลักการนี้ต้องลองศึกษาแล้วไปใช้ดูค่ะ
ทุกคนสามารถศึกษาบทความเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มเติมก่อนได้ ที่นี่ ติดตามไว้จะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ นะคะ
Source : https://www.thebalancesmb.com/leadership-smart-goals-examples-4685981