Short Video Content เทรนด์การตลาดเพิ่มยอดขายด้วยคลิปวิดีโอสั้นๆ ที่กำลังมาแรง มาดู 5 วิธีเคล็ดลับที่จะทำให้ประสบความสำเร็จกัน
ทุกวันนี้เราอยู่ในโลกที่ทุกอย่างเคลื่อนไหวเร็วขึ้น และนั่นก็ส่งผลให้ผู้บริโภค ไม่มีความอดทนมากพอสำหรับเนื้อหาในรูปแบบ long-form content มากนัก แต่กลับ กันสิ่งที่คนสนใจและมองหามากขึ้นกลับเป็น คอนเทนต์ ใน รูปแบบ วิดีโอสั้นๆ ที่เข้าใจง่าย ที่มีความยาวไม่เกิน 3 นาที กลยุทธ์การตลาดแบบการตลาดแบบ Short Video Content นั้นจะช่วยให้แบรนด์ สามารถ เสิร์ฟ สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการรับชมได้เท่านั้น
ทำความรู้จัก short video content ถึงดีกว่า long-form content รูปแบบเดิมๆ? ถึงแม้ว่าแบรนด์ ของเราจะโพสต์ เนื้อหาที่น่าสนใจมากแค่ไหน แต่ถ้าเนื้อหาที่สร้างขึ้นยาวเกินไป ก็มีโอกาสสูงมากที่คนที่เข้ามาอ่านจะอ่านไม่จบ อาจจะด้วยปัจจัย หลายๆ อย่าง เช่น สมาธิสั้น หรือมีดวลาไม่มากพอที่จะจดจ่อ อยู่ กับบทความนั้น นั่นจึงเป็นสาเหตุ ว่าทำไม ผู้คนถึงหันมาสนใจเนื้อหาที่มีขนาดสั้นมากกว่า
สำหรับ Short Video Content ส่วนมาก มักถูกกำหนดให้มีความยาวไม่เกิน 60 วินาที โดย วิดีโอแบบสั้นที่ได้รับความนิยมจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียใน ปัจจุบัน ก็เช่น TikTok, Instagram Reels และ Snapchat ซึ่งวิดีโอ สั้นเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีเนื้อหาดึงดูดใจ เข้าถึงอารมณ์ ได้ดี รวมถึงสามารถแชร์ข้ามแพลตฟอร์ม ได้ง่ายๆ ด้วย
นอกจากนี้ หมัดฮุกที่ Short Video Content ที่ สามารถ เอาชนะ long-form content รูปแบบเดิมได้เต็มๆ ก็ คือ ข้อได้ในเรื่องของเวลาและทรัพยากรที่ใช้ในการสร้างวิดีโอที่ประหยัด ว่านั่นเอง
ดังนั้น จึง ไม่ น่าแปลกใจเลยค่ะ ที่ แบรนด์ชั้นนำในทุกอุตสาหกรรมไม่ว่าแบรนด์ ไหนก็ต่างก็หันมาให้ความสำคัญ กับ Short Video Content ที่สร้างง่ายและสอดคล้องกับกระแสโซเชียลมีเดียในปัจจุบันกันทั้งนั้น
Top 3 แพลตฟอร์มที่คนไทยชอบโพสต์ Short Video Content จริงๆ แล้วในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นักการตลาด จะสังเกตได้ว่าเนื้อหาในรูปแบบวิดีโอขนาดสั้นนั้นได้กลายเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมพุ่งสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด จนทำให้แพลตฟอร์ม โซเชียล มีเดียเกือบทุกแพลตฟอร์ม พยายามพัฒนาฟีเจอร์ เพื่อ ให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างและแชร์เนื้อหา ใน รูปแบบ Short Video ได้
เราบองมาดูกันดีกว่าว่า Top 3 แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลักๆ ที่คนไทย ใช้ในการลงเนื้อหาวิดีโอแบบสั้นนั้นมีแพลตฟอร์ม ไหนกันบ้าง
1.TikTok TikTok เป็นแพลตฟอร์ม น้องใหม่มาแรงที่ทำให้กระแสในโลกโซเชียล ฮือฮาเป็นอย่างมาก ตั้ฝแต่เริ่มเปิดตัวในปี 2016 ด้วยความโดดเด่นในเรื่อง Short Video Content ที่ให้ใช้งานสามารถ สร้างและแชร์วิดีโอสั้น ซึ่งตอนนี้มีความยาวสูงสุด 10 นาทีได้ และด้วยการดาวน์โหลดมากกว่า 2 พันล้านครั้ง จึงทำให้ TikTok จึงเติบโตเร็วกว่าโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook และ Twitter
ซึ่ง ปัจจุบัน ทาง TikTok ก็ได้มีการพัฒนา ฟีเจอร์ใหม่มากมายที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้แบรนด์ต่างๆ เพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ชมให้มากขึ้น จึงทำให้มีแบรนด์ และธุรกิจจำนวนมากกระโดดเข้าสู่แพลตฟอร์มนี้ เพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์ของตัวเอง และถึงแม้ว่าจะมีผู้เล่นจำนวนมาก อยู่ในสังเวียน ของ TikTok แต่ก็ยังมีที่ว่างแีกมากมายสำหรับแบรนด์ที่จะได้รับส่วนแบ่งการตลาดบน TikTok
ซึ่งการที่นักการเริ่มลงสนามเพื่อใช้ TikTok เพื่อ เป็น หนึ่งใน กลยุทธ์ ทางการตลาด ในตอนนี้ ถือเป็นความคิดที่ดีทีเดียว เพราะแพลตฟอร์ม นี้จะเป็นเครื่องมือที่สามารถ ช่วย กระตุ้นการมีส่วนร่วมและการแสดงผลแบบออร์แกนิกได้เป็น อย่างดี
2.Instagram Reels Instagram Reels นั้น เป็นรูปแบบเนื้อหาที่ให้คุณสามารถ สร้างและแชร์วิดีโอสั้นๆ ได้ ซึ่งแตกต่างจาก Instagram Stories ที่หายไปหลังจาก 24 ชั่วโมง
สำหรับ Instagram Reels นั้นได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นตั้งแต่มีการเปิดตัวเลยทีเดียว โดยสาเหตุหลักมาจากความสามารถในการกระตุ้นการเข้าชมแบบออร์แกนิกจำนวนมหาศาลมายังเพจของคุณได้ จะเห็นได้จากการที่ แบรนด์ต่างๆ เช่น Sephora, Walmart และ Beardbrand รวมถึงแบรนด์ ไทยทั้งแบรนด์ เล็ก แบรนด์ ใหญ่ รวมถึง SME ต่างก็หันมาใช้ Reels ร่วมกับแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นอื่นๆ กันมากขึ้น แพลตฟอร์ม Instagram นั้นไม่เพียงแค่สามารถเข้าถึงฐานผู้ใช้ที่ใหญ่กว่าคู่แข่งเท่านั้น แต่ยังมีเครื่องมือ Instagram มากมายที่สามารถช่วยอำนวยความสะดวกในการสร้างและเผยแพร่เนื้อหาของคุณบนแพลตฟอร์ม
ถ้าเปรียบ เทียบ กันระหว่าง Instagram Reels กับ TikTok นั้นถึงแม้จะเป็นแพลตฟอร์ม วิดีโอ สั้นเหมือนกัน แต่ก็มีจุดที่ต่างกัน อยู่ เล็กน้อย เช่น ในเรื่องของเวลา ที่ Instagram Reels กำหนดไว้เพียง 60 วินาที เท่านั้น ในขณะที่ TikTok นั้นสามารถสร้างเนื้อหาได้สูงสุดถึง 10 นาทีเลยทีเดียว นอกเหนือจาก เรื่องของเวลาแล้วความแตกต่างอีกอย่างหนึ่งก็คือการสร้างเนื้อหาบน Instagram Reels จะเน้นภาพและการวางองค์ประกอบ ที่ดูสวยงามต่างจาก TikTok ที่จะเน้นรูปแบบวิดีโอ ที่ให้ความบันเทิงเสียมากกว่า
สำหรับนักการต ลาดนั้นไม่จำเป็นต้องเลือกใช้แพลตฟอร์ม ใดแพลตฟอร์ม หนึ่ง เท่านั้น เพียงแต่เราต้องมี กลยุทธ์แยกกันเพื่อให้ทั้งสองแพลตฟอร์มประสบความสำเร็จและตอบ โจทย์ ที่เราตั้งไว้ทั้งคู่
3.YouTube Shorts YouTube เป็นแพลตฟอร์มวิดีโอที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 1.9 พันล้านคน นอกจากนี้ YouTube ยังมีอัตราการมี Engagement ที่สูงสุดในบรรดาแพลตฟอร์มวิดีโออื่นๆ ถึงแม้ว่า Facebook จะมีผู้ใช้งานมากกว่าเกือบสามเท่า แต่อัตราการมีส่วนร่วมนั้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวของ YouTube เท่านั้น
ซึ่งผลจากการเข้าชมจำนวนมากของ YouTube ในรูปแบบปกตินั้น ส่งผลให้มียอดการเข้าชม YouTube Shorts มากขึ้นตามไปด้วย เพราะภายในเวลาไม่กี่เดือนของการเปิดตัวในอินเดีย ยอดดูรายวันที่สะสมของ YouTube Shorts ก็ทะลุถึง 6.5 พันล้านครั้งเล ยทีเดียว
สำหรับ YouTube Shorts นั้นมีข้อได้เปรียบที่เหนือ Instagram และ TikTok เพราะมี Target ที่ค่อนข้าง Mass จึสามารถ เข้าถึงผู้ชมได้จากทุกกลุ่มอายุ ประเทศ อุตสาหกรรม และกลุ่มเฉพาะ ในขณะที่ Instagram และ TikTok นั้นกลุ่มผู้ใช้งานมันจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นเสียส่วนใหญ่ ดังนั้น YouTube Shorts จึงเป็นตัวช่วยที่ดีที่จะช่วยให้แบรนด์ต่างๆ นำเสนอเนื้อหาของตนแก่กลุ่มเป้าหมายได้หลากหลายมากขึ้นด้วย
ตัวอย่างเช่น แบรนด์ B2B อาจประสบความสำาเร็จบน TikTok ได้ยาก แต่อาจประสบความสำาเร็จกับมืออาชีพที่มองหาเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมบน Shorts ในทำนองเดียวกัน หากคุณกำหนดเป้าหมายไปยังผู้ชมรุ่นเก่า (เช่น Gen X) วิดีโอแบบสั้นของคุณจะได้รับการมีส่วนร่วมบน YouTube มากกว่าบน TikTok หรือ Instagram เป็นต้น
แบรนด์ สามารถเพิ่มการเข้าชมและยอดขายด้วย Short Video Content ได้อย่างไร 1.ใช้ Influencer มาเป็นตัวช่วย การใช้ Influencer นั้นจะช่วยเพิ่มองค์ประกอบ ความเป็นมนุษย์ให้แบรนด์ ของเรามากขึ้น จึงทำให้แบรนด์ สามารถ สื่อสารไปถึงผู้บริโภค ได้อย่าง มีประสิทธิภาพ เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่มักให้ความไว้วางใจกับคนมากกว่าแบรนด์
แต่ก็ยังมีสิ่งที่แบรนด์ และนักการตลาด ควรคำนึงถึง ในการเลือก Influencer ดังนี้
Content ที่ Influencer สร้างขึ้นควรเป็นเนื้อหาที่ดูเป็นธรรมชาติและไม่ส่งเสริมการขายมากเกินไป Influencer.ควรให้สิทธิ์แบรนด์ ในการเผยแพร่เนื้อหาซ้ำได้ แบรนด์ และนักการตลาดควรมีวิธี การวัดผลที่ชัดเจน เพื่อจะได้สามารถติดตาม ROI ได้ ไม่ว่าจะเป็นการขาย การเข้าชมเว็บไซต์ การลงชื่อสมัครใช้ และอื่นๆ แบรนด์ และ นักการตลาด ควร ความเกี่ยวกับเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของแคมเปญให้ชัดเจน เพื่อป้องกัน ความสับสนและเข้าใจไม่ตรงกันระหว่างแบรนด์และ Influencer เนื้อหาของ วิดีโอควรมีส่วนผสมของเอกลักษณ์ทั้งทางแบรนด์และตัวตนของ Influencer 2.ยิง โฆษณา เพื่อเพิ่มการมองเห็น แม้คุณจะทำ เนื้อหาวิดีโอสั้นออกมาได้เจ๋งขนาดไหน แต่ถ้าไม่มีคนเห็นก็เท่ากับว่าเราใช้เวลาและทรัพยากรไปอย่างศูนย์ เปล่า จริงไหม คะ?
การยิงโฆษณา นั้นจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้คนได้เห็นวิดีโอ ของคุณมากขึ้น และถ้าวิดีโอ ของคุณ น่าสนใจมากพอ ผู้ชมก็จะแชร์และส่งต่อ ให้คนได้เห็นกันในวงที่กว้างมากขึ้นด้วย
แต่ทั่งนี้ทั้วนั้นแบมขอแนะนำ ทริกเล็กๆ น้อยๆ แต่สำคัญมากๆ นั่นก็คือ ตัวเนื้อหาวิดีโอ ที่จัดทำขึ้นนั้นจะต้องเป็นเนื้อหาที่น่าสนใจและเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ โดยที่ไม่จำเป็น ต้อง ขายแบบโจ่งแจ้ง แต่ใช้วิธีนำเสนอ แง่มุมที่มีคุณค่าที่สุดของสินค้า และ บริการ แทน จะดีที่สุด
3.ขอให้ลูกค้ารีวิวด้วยวิดีโอสั้นๆ การขอให้ลูกค้าของเรานั้นช่วยทำรีวิวด้วยวิดีโอสั้นๆ นั้นมีพลังมากกว่าที่เราคิด พลังของปากต่อปากนั้นได้รับการศึกษาแล้วว่าสามารถทำให้ลูกค้าเต็มใจที่จะจับจ่ายใช้สอยสินค้าของเรา มากขึ้นถึง 30% หลังจากที่ได้เห็นรีวิวจากผู้ใช้ จริง
ซึ่ง การศึกษาล่าสุดพบว่าลูกค้ามีแนวโน้มที่จะเชื่อถือรีวิวจากคนแปลกหน้าพอๆ กับจากเพื่อนของพวกเขา ดังนั้นการมีรีวิวเป็นวิดีโอสั้นๆ เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือแนะนำข้อดีของผลิตภัณฑ์ จากลูกค้าที่เคยใช้สินค้าของเรานั่นเป็นการสร้างความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจของคุณได้อีกทางหนึ่ง
4.เพิ่ม Short Video Content ลงในเว็บไซต์ การ เพิ่ม Short Video Content ลงในเว็บไซต์เป็นกลยุทธ์ ทางการตลาด ที่จะช่วยให้คุณสามารถ ตอบคำถามต่างๆ ของลูกค้าได้ง่ายขึ้น เพราะเมื่อไหร่ ก็ตามที่มีคนเข้ามาดูเว็บไซต์ ส่วนมากมักจะตามมาด้วยคำถามหรือข้อสงสัยเป็นล้านข้อที่พวกเขามีเกี่ยวกับสินค้าของเรา ซึ่งรูปแบบ ข อง เนื้อหาวิดีโอสั้น นั้น จะช่วยให้เราสามารถตอบคำถามทั่วไปหรือข้อโต้แย้งอื่นๆ ให้ ลูกค้า เข้าใจได้อย่างง่ายดายภายในเวลาสั้นๆ นั่นเอง
5.รีโพสต์ Short Video Content ไปยังโซเชียล มีเดีย แพลตฟอร์ม อื่นๆ ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการยิงปืนนัดเดียว แต่ได้นกหลายตัวหรอก จริงไหมคะ?
อุตส่าห์ ทำ Short Video Content เจ๋งๆ ทั้งที ถ้าเอาไปใช้ได้แค่ครั้งเดียว หรือลงไปแค่ในแพลตฟอร์ม ใดแพลตฟอร์ม หนึ่ง ก็คงจะเป็นการสูญเสีย ทรัพยากรทั้ง เงิน กำลังคน และเวลาไปโดยใช่เหตุ เหมือนกับการซื้อเสื้อผ้าราคาแพงแต่ใส่แค่ครั้งเดียวแล้วก็โยนทิ้งไป
คงจะดีกว่าแน่ๆ ถ้าผลิตชิ้นงานสักชิ้นขึ้นมาแล้วสามารถใช้งาน ได้ซ้ำๆ หรือได้เผยแพร่ให้คนเห็นหลายๆ ที่ เพราะฉะนั้น เมื่อคุณโพสต์ ตัววิดีโอลงบน TikTok แล้ว เดบมแแนะนำว่าให้ดาวน์โหลดต้นฉบับและโพสต์บน YouTube shorts รวมถึง Instagram Reels และ Facebook ด้วย แบบนี้นอกจากจะไม่สิ้นเปลือง ทรัพยากร ไปอ ย่างน่าเสียดายแล้ว ยังช่วยให้บูกค้าได้เห็นเนื้อหาที่เราอุตส่าห์ ลงแรงสร้างสรรค์ มันขึ้น มา อีกด้วย
สรุป Short Video Content นั้นเป็นหนึ่ง ใน กลยุทธ์ การทำการตลาด ผ่านวิดีโอ ที่ช่วย เพิ่มการเข้าชมและการมีส่วนร่วมผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียได้เป็น อย่าง ดี
แต่จะเห็นได้ว่าวิธีการที่แบมบอกไปข้างต้นนั้นไม่มีวิธีไฟนที่จะใช้ได้ผลแบบเพียวๆ หรอกนะคะ เพราะฉะนั้น นักการตลาด เองก็ต้องพยายามคิดหากลยุทธ์ ในการประยุกต์ ใช้แต่ละวิธีเข้าด้วยกัน เพื่อให้ Short Video Content ของคุณถูกใช้งานได้อย่างเต็ม ประสิทธิภาพ มาก ที่สุด
ส่วนใครที่อยากเรียนรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์และความรู้การตลาดอื่นๆ ที่น่าสนใจ แบมแนะนำให้ไปอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่ เลยค่ะ
ในบทความหน้าแบมจะมีอะไรมาอัปเดตอีกบ้าง สามารถติดตามได้ผ่านเพจการตลาดวันละตอน รวมถึง Twitter และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนนะคะ
ที่มา