12 รูปแบบ Content ที่ควรมีใน Content Pillar ให้ Feed สดใหม่ไม่จำเจ

12 รูปแบบ Content ที่ควรมีใน Content Pillar ให้ Feed สดใหม่ไม่จำเจ

แน่นอนว่า Content ที่ต้องทำทุกวัน แถมหลายครั้งวันละหลายๆ โพสต์ หลายๆ ช่องทางอีก พอทำมาซักพักมันก็ต้องมีปวดหัว ตันคิดไม่ออกว่าจะทำ Content อะไรต่อไปดีเนี่ย วันนี้ลองมาดู 12 รูปแบบ Content ที่นักการตลาดสาย Content Creator ต้องมีใส่ไว้ใน Content Pillar เพื่อให้ไอเดียการเขียนคอนเทนต์ของเราไม่ตันหรือไม่มีทางไป แถม Feed ช่องทางเราก็จะได้มีอะไรใหม่ๆ อยู่ตลอด Followers ก็จะได้ไม่เบื่อด้วยค่ะ

ก่อนจะเข้าสู่เรื่องของรูปแบบ Content ทั้งหลาย เพลินต้องขอเตือนนักการตลาดสายคอนเทนต์ก่อนว่า หลายครั้งเราเป็นเจ้าของแบรนด์เอง หรือเราอยู่กับแบรนด์นี้มานานๆ เราก็จะรู้สึกว่าเนื้อหาหรือเรื่องอะไรก็ตามที่เคยลงไปแล้ว ไม่อยากลงซ้ำอีก บางทีเราก็คิดไปเองว่ามันน่าเบื่อ เดือนก่อนเพิ่งลงเรื่องนี้ไปเอง’ เป็นต้น ซึ่งข้อนี้เนี่ยแหละที่เพลินจะบอกว่า เราคิดแบบนั้นเพราะเราอยู่กับแบรนด์นี้มายาวนาน ในขณะที่ลูกค้าข้างนอกเค้าไม่ได้จะตามแบรนด์ของเรา 24/7 แบบเรา ทำให้เนื้อหาเรื่องที่เราคิดว่ามันน่าเบื่อเพราะโพสต์บ่อยไปนั้น ยังสดใหม่สำหรับลูกค้าเสมอๆ ยิ่งเป็นคำถาม FAQ ด้วยแล้ว ยิ่งต้องโพสต์ถี่ๆ เลยด้วย เพราะลูกค้าใหม่เวลาเค้าทำ Research เรื่องสินค้าบริการของเรา จะรู้สึกว่า ‘มันช่างหาข้อมูลยากจัง ต้องเลื่อน Feed Facebook กับ Instagram เท่าไรถึงจะเจอสิ่งที่ต้องการู้กันนะ’

รู้แบบนี้ก็อย่าเพิ่งเบื่อการทำ Content เรื่องเดิมๆ ของแบรนด์เราเองเลยนะคะ แต่สิ่งนึงที่จะช่วยให้ทั้งลูกค้าและเราเบื่อน้อยลงก็คือ การรู้จักปรับ Content เรื่องเดิมให้ดูใหม่ โดยวิธีก็คือการทำมาดัดแปลงให้เป็นเนื้อหารูปแบบใหม่ หลากหลายการพรีเซนท์มากขึ้นนั่นเองค่ะ แต่จะมีรูปแบบไหนบ้างนั้น ลองมาดูกันได้เลย จะได้เอาไปใส่ใน Content Pillar สำหรับเดือนถัดๆ ไปได้เลยค่ะ

เขียนบล็อก

การเขียนบล็อกต้องบอกว่าเป็นอะไรที่การตลาดวันละตอนถนัดมาก เพราะเขียนกันตั้งแต่วันละตอนจนจนตอนนี้วันละหลายๆ ตอนแล้ว ข้อดีของการเขียนบล็อกก็คือการที่แบรนด์จะได้ลงลึกในเรื่อง Specific ต่างๆ ได้มากขึ้นตามความถนัดค่ะ ซึ่งเมื่อเราได้เจาะลึกในประเด็นต่างๆ แล้ว แบรนด์ของเราก็จะเหมือนการได้สร้าง Expertise ในส่วนนั้นๆ ไปด้วย 

อย่างถ้าหากคุณขายอาหารแมว อาหารสัตว์เลี้ยงต่างๆ การที่เราทำบล็อก เขียนลงรายละเอียกให้ความรู้ผู้คนที่เลี้ยงสัตว์เพิ่มด้วย ก็จะทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์คุณไม่ได้สักแต่ว่าขายของอย่างเดียว แต่เป็นการเพิ่มความเชี่ยวชาญในเรื่องสัตว์เลี้ยงจนผู้คนเชื่อถือ ให้ความไว้วางใจ โดยเพลินขอแนะนำว่าเรื่องที่แบรนด์ควรเอามาเขียนบล็อกนั้น ควรเป็นเนื้อหาจำพวก Evergreen หรืออยู่ได้ยาวๆ เป็น FAQ ของแท้อะไรแนวนั้นค่ะ ซึ่งบทความบล็อกเก่าๆ ที่เคยไปแล้ว ก็อาจจะไม่ต้องเขียนใหม่ซ้ำๆ แต่อาจจะเอามาเกา มาปรับรูปแบบ หรือ Repost แชร์ใหม่อะไรแบบนี้แทนก็ได้ค่ะ

eBooks

อย่าบอกว่า eBooks ไม่มีคนอ่าน แต่ควรถามว่าเนื้อหา eBooks แบบไหนที่คนจะอ่าน จะสนใจมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นพวกรูปเล่ม Report เลย หรือไกด์บุค พวกนี้สามารถเอามารวมกันเป็นหนังสือได้ 1 เล่ม ถ้าเราเขียนบล็อกมาเยอะๆ เข้าก็สามารถเอามา Publish เป็นหนังสือออนไลน์ eBook ให้คนดาวน์โหลดหรือซื้อในราคาเอื้อมถึงง่ายก้ได้ อย่างการเขียนบทความของการตลาดวันละตอนเอง ก็มีการรวบเคสน่าสนใจ เจ๋งๆ เก็บไว้ในหนังสือที่เราเคย Publish เช่นกันค่ะ

Case studies หรือ Testimonials 

การที่เราขายของ มีลูกค้ามารีวิวให้ หรือ Comment อะไรเป็น Positive Feedback ดีๆ เราก็ควรที่จะหยิบข้อความเรานั้นมาขยี้ต่อบ้าง และเพื่อไม่ให้เราเหมือนสร้างเรื่องขึ้นมาเอง เราก็ต้องแปะรูปเข้าไปด้วยว่านี่ลูกค้าซื้อจริง ใช้จริง รีวิวจริง ไม่ได้จ้างนะ ทั้งนี้ก็เข้าข่ายการใช้ Social Proof ในการสร้างความน่าเชื่อถือในลูกค้าใหม่ๆ เห็นแล้วรู้สึกมั่นใจในตัวแบรนด์เราตามลูกค้า Testimonials หรือ Case Studies เหล่านั้นนั่นเองค่ะ

เนื้อหาเบื้องหลัง

ฮอตฮิตมากในช่วงนี้กับเนื้อหา Storytelling เบื้องหลังว่ากว่าจะมาเป็นสินค้านี้นั้น แบรนด์ของเราเจอ Pain point อะไร หรือมีไอเดียเริ่มจากไหน หรือว่ามีการเอาใจใส่ผู้บริโภคอย่างไร กระบวนการผลิตสะอาดได้มาตรฐานแค่ไหน เป็นต้น ซึ่งข้อดีของการบอกเบื้องลึกเบื้องหลังก็คือ เนื้อหาที่ไม่ต้องสร้างภาพมากเกินไปนัก เป็นเนื้อหาเน้นอะไรเรียลๆ หน่อย อย่างถ้าเป็นการทำการตลาดพวกหนัง ซีรีส์ หรือโฆษณาก็อย่าลืมเก็บภาพเบื้องหลังเอาไว้ด้วย เพราะขายดีนักเชี่ยว ทำให้การหนังโฆษณาไม่ได้ได้แค่ชิ้นเดียว แต่ยังมีเบื้องหลังอีกหลายๆ ชิ้นด้วย ทั้งนี้ก็อย่าลืมคำนึงถึงความน่าสนใจของเนื้อหาเบื้องหลังด้วยว่า Appeal อะไรที่จะดูดให้คนมาดูเบื้องหลังต่อค่ะ เช่น ตลกไหม มีดาราดังหรือเปล่า เซ็กซี่ไหม หรือว่าจะเป็นความอลังการ แปลกใหม่อะไรหรือเปล่าที่คนต้องมาดูเบื้องหลังต่อแน่ๆ เป็นต้น

Curated Content

หลายครั้งเราไม่จำเป็นต้องคลอดเนื้อหาใหม่สดแบบ Original เองตลอดเวลาก็ได้ เพราะอย่างเนื้อหาจำพวก Related Topic กับแบรนด์เราแต่มีผู้อื่นเชี่ยวชาญกว่า เช่นเราขายอาหารแมวก็จริง แต่ถ้ามีสัตว์แพทย์พูดถึงเรื่องแมวขึ้นมา เราก็สามารถแชร์เรื่องนั้นจากหมอได้เลย ไม่จำเป็นต้องรอสร้าง Content ใหม่ของตัวเองก็ได้ แล้วถ้าหากเรื่องนั้นที่คุณหมอแชร์เป็นเรื่องอะไรที่น่าสนใจจริงๆ หลังจากการแชร์ข่าวไปแล้ว เราก็สามารถนำ Topic นั้นไปทำ Content ต่อเนื่องเพื่อขยี้ในจุดที่คุณหมอไม่ได้พูดถึง พูดไปแล้วแต่ยังเป็นภาษาหมอ เป็นต้นค่ะ 

Tips

เนื้อหาจำพวก Tips ลูกเล่นต่างๆ ของสินค้าและบริการของเรามีอะไรบ้าง ใครจะรู้ดีเท่าเจ้าของแบรนด์หรือเคนที่อยู่กับมันมานานจริงไหมคะ เนื้อหาพวกนี้รวบเก็บไว้ ทำโพสต์ ทำภาพ หรือ Present ออกมาได้อยู่เรื่อยๆ โดยอาศัยการดัดแปลง Format ของเนื้อหาได้ ภาพจริง ภาพการ์ตูน ภาพ Infographics หรือภาพเคลื่อนไหว อะไรก็ได้ 

Quotes

พวกโควทคำพูดเก๋ๆ แชร์แล้วดูไลฟ์สไตล์มาเหนือหรือดูฉลาดแน่นอนใครก็อยากแชร์ แถม Content ภายใต้ Content Pillar ประเภทนี้ยังทำได้ง่าย เร็ว อาจจะทำบนภาพ Background บางอย่างเพื่อเพิ่มความน่าสนใจหรือจะทำเป็นภาพเปลือยบนปกสีเปล่าๆ ก็ได้ ยิ่งเป็นพวก Quotes จากคนดังในเรื่องที่แบรนด์เรากำลังจะสร้าง Expertise ละก็ ยิ่งมีข้อดีในการตอกย้ำความเชี่ยวชาญให้กับแบรนด์เราละค่ะ อย่างถ้าเราขายอาหารแมวก็อาจจะหยิบยก Quotes จากดาราที่รักแมวมากๆ ทาสแมวทั้งหลาย หรือคำพูดจากคุณหมอ จากพระที่มีคนชอบนำแมวไปปล่อยที่วัด หรือองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรด้านสัตว์เลี้ยงก็ได้ค่ะ

Video อธิบาย

Content Pillar ประเภท Video

แน่นอนว่า Video อธิบายหรือ Explainer Video ก็มีไว้เพื่ออธิบายเรื่องบางอย่างให้คนฟังเข้าใจ ซึ่งต้องขอแนะนำว่า เรื่องอะไรที่ทำเป็นภาพหรือเขียนแล้วจะเข้าใจยากนั้น ลองปรับมาอธิบายด้วยภาพเคลื่อนไหวแบบ Video ดูบ้าง ทั้งนี้จะได้ทั้งอรรถรสมากกว่า และทำให้คนอยากติดตามมากกว่าด้วยค่ะ

Events

ทำคอนเทนต์มาก็ตั้งมากมาย เคยลองจัดพวก Webinars หรือ Event บนออนไลน์แล้วหรือยัง ถ้ายังลองหยิบใส่ใน Content Pillar เดือนถัดไปได้เลย เพราะเป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่นอกจากจะได้เข้าใกล้กับผู้บริโภคมากขึ้นแล้ว ยังเป็นรูปแบบเนื้อหาที่ทำให้ลูกค้าพูดคุยกับแบรนด์ได้แบบ 2-ways-communication จริงๆ เลยด้วย แถมยังเป็นการดีที่จะให้เราได้ผลักดันความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นอีก ถ้าคิดอะไรไม่ออก ไม่ต้องถึงขั้นจัด Zoom อะไรหรอกค่ะ เอาแค่ระดับ Clubhouse หรือ Twitter Spaces ก็ได้

โพสต์งานเทศกาล

เห็นเป็นประจำและเชื่อว่านักการตลาดสายคอนเทนต์ไม่เคยพลาดกับการทำโพสต์งานเทศกาล วันสำคัญต่างๆ เพราะทุกเดือนก็ต้องมีการกางปฏิทินแล้วว่าเดือนนี้เล่นเรื่องอะไรดี มีวันสำคัญอะไรที่ต้องทำโพสต์รอไว้บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือากรหาวันสำคัญที่ตรงกับแบรนด์หรือธุรกิจของเราด้วย เช่น วันแมวโลกหรือวันที่แมวชื่อดังซักตัวในโลกเสียชีวิต ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการสร้างสีสันและ Engagement ให้ช่องของเราด้วยค่ะ

ประกาศจากแบรนด์หรือ PR

แน่นอนแบรนด์ไหนๆ ก็ไม่เคยพลาดเรื่องการโพสต์ถึงตัวเองอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามถ้าหากทำให้ข่าวที่เราได้รางวัลหรือจับมือร่วมกับใครซักคนน่าสนใจขึ้นได้ ก็อาจจะลองปรับดู รวมไปถึงการโพสต์ข่าวแบบนี้ให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะเราต้องห้ามลืมว่า คนเข้าช่องทางของเราเพื่อเสพเนื้อหาเกี่ยวกับสินค้าของเรา ไม่ใช่ข่าวผู้บริหารลงทุนเพิ่ม หรืออะไรที่ไม่ได้มีประโยชน์มาก หรือลองบิดๆ มุมการเล่าข่าวเหล่านี้ให้เป็นมุมที่เอื้อประโยชน์กับ Consumer ดูบ้างก็ได้ค่ะ

User-Generated Content หรือ UGC

ในยุคนี้ที่ Consumer หรือลูกค้าสร้างคอนเทนต์กันตลอดเวลา เราก็ต้องคอยพยายามกระตุ้นให้ลูกค้าของเราออกมาพูดถึงเราเรื่อยๆ ส่งเข้ามาตลอด ให้เรา Featured เนื้อหาของพวกเค้าเป็นส่วนนึงของเนื้อหาบนช่องทาง Social Media ของเรานะ เช่น การใช้งานผ่าน Hashtag หรือการ Tag Brand เป็นต้น ทั้งนี้เรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการทำ Social Proof เช่นกัน แถมถ้าเราเอามา Repost แล้วละก็ มันก็อาจจะวนไปสู่เรื่องของ Case studies และ Testimonials ด้วย ยังไงก็ลองให้พวก Feature ของสื่อโซเชียลเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์นะคะ

ทั้งหมดนี้ก็คือ 12 รูปแบบ Content ที่นักการตลาดสายคอนเทนต์ห้ามพลาดที่จะใส่ไว้ภายใต้ Content Pillar เดือนถัดๆ ไปเลยนะคะ เรื่องๆ เดียวอาจจะลองดัด บิดเพื่อทำออกมาให้หลายๆ Format หรือหลายรูปแบบก็ได้ เช่น ทั้ง Video อธิบาย ทั้งบล็อกโพสต์ แบบนี้ อย่าลืมคัด FAQ หรือ Frequently Asked Question ของแบรนด์เราออกมา โพสต์ถึงมันบ่อยๆ อย่าเบื่อมันมากนัก ลองคิดถึงเวลาเราเพิ่งรู้จักแบรนด์ใหม่สักแบรนด์ แล้วเวลาเราเข้าไปดู ไปศึกษา Profile ของแบรนด์นี้แต่สิ่งที่เราต้องการกลับหายาก หาเย็น แบบนี้คงไม่เวิร์คแน่ใช่ไหมคะ ดังนั้นลองดูค่ะ อย่าเพิ่งเบื่อ แล้วดัดรูปแบบใหม่ดูนะคะ ส่วนรูปแบบคอนเทนต์ไหนเหมาะกับการลง Platform ไหนบ้างลองดูตามข้างล่างนี้หรือคลิก Reference ไปดูเพิ่มเติมได้เลยค่ะ

Reference: https://blog.red-website-design.co.uk/2021/06/25/fresh-social-feed/

Plearn Wisetwongchai

Marketing Strategic Planner ในเครือการตลาดวันละตอน | A Creator สาวพลัสไซส์ @Fabfatkid | A Travel Lover ที่หมดเงินเกือบ 80% ไปกับการเดินทางแบบแมสๆ | An Instagrammer @theplearn ที่ชอบเล่น Story เป็นชีวิตจิตใจ | สุดท้ายคือ Data Researcher ทั้ง Social และ Search Data etc. ค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *