แคมเปญย้ำ Brand Purpose Wholly Veggie ขายขนมผัก ให้คนไม่กินผัก

แคมเปญย้ำ Brand Purpose Wholly Veggie ขายขนมผัก ให้คนไม่กินผัก

สวัสดีค่ะชาว Marketer นักอ่านทุกท่าน สำหรับบทความนี้ ผู้เขียนได้เลือกแคมเปญของผลิตภัณฑ์ Wholly Veggie ของว่างที่ทำจากผัก ที่มี Brand Purpose ของตัวเองว่า “เป็นขนมผักที่อร่อย จนเหมือนไม่ได้กินผัก”  มาฝากคนไม่กินผักค่ะ และสำหรับใครที่ทำ Marketing แนวพรีเซนต์สินค้ามากันเยอะจนไอเดียเริ่มตันแล้ว เราลองมาดูแคมเปญสนุก ๆ ที่ช่วยสร้าง Awearness ให้กับสินค้าในแบบมันส์ ๆ ไปกับเพลงเมทัลกระตุ้นอารมณ์โกรธ เพื่อสร้างความสนใจให้กับลูกค้าแบบคาดไม่ถึงกันได้เลยในบทความนี้ค่ะ ~ ≧ω≦ ~

Wholly Veggie แบรนด์อาหารแปรรูปแช่แข็ง ที่วาง Positioning ว่าเป็น Snack แช่แข็งที่ทำจากผัก มีแนวคิดโดยอยากทำตลาดในกลุ่มลูกค้า Gen Z และ กลุ่ม Millennials ซึ่งกลุ่มนี้ก็คือ Gen Y นั่นเอง ซึ่ง Insight ของกลุ่มนี้ นั่นก็คือ

  • เป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ และช่างเลือก 
  • เลือกรับประทานอาหารที่ดี มีประโยชน์
  • ไม่มีเวลามากมาย ชีวิตค่อนข้างเร่งรีบ
  • เป็นคนที่มีไลฟ์สไตล์คนเมือง ตั้งแต่พ่อแม่มือใหม่ ไปจนถึงผู้หญิงที่ทำอาหารไม่ค่อยเป็น

และนี่ก็เป็นคำตอบของการเป็น target ของ Wholly Veggie นั่นเองค่ะ

ต้องยอมรับเลยค่ะว่า ตลาดอาหารเพื่อสุขภาพ ในอเมริกาเหนือ มีการแข่งขันค่อนข้างสูง ทั้งการแข่งขันกับคู่แข่ง และแข่งกับความรู้สึกของลูกค้ากลุ่มที่ไม่ชอบทานผักค่ะ ด้วยเหตุนี้  Wholly Veggie จึงสร้าง Brand Purpose ของตัวเองว่า “เป็นขนมผักที่อร่อย จนเหมือนไม่ได้กินผัก” แต่ถึงแม้ว่าจะทำจากผัก ก็ยังคงรูปลักษณ์ และรสชาติเหมือน นัตเกต เพื่อให้ลูกค้าได้ทานเป็นของว่าง แต่ได้ประโยชน์มากกว่าการทานของว่างทั่ว ๆ ไป เอ๊ะ ไม่งง ใช่ไหมคะ 555

และจาก Brand Purpose และ Target Segment ที่วางเอาไว้ของ  Wholly Veggie จึงเป็นที่มาของแคมเปญที่มีชื่อว่า Haha You Just Ate Vegetables เป้าหมายหลักของแคมเปญนี้ก็ คือการตอกย้ำ Brand Purpose และ สร้าง Awearness ให้กับสินค้า แต่ใช้สไตล์การพรีเซนต์สินค้าออกมาในรูปแบบของความตลก และใช้เพลงเฮฟวีเมทัล มาเป็น Gimmic อีกด้วย..น่าสนใจใช่ไหมล่ะคะ ใครมันจะไปคิดว่าจะเอาเพลงมันส์ ๆ มาใช้โฆษณา ของว่างที่ทำมาจากผักกัน!

3 โฆษณาตอกย้ำ Brand Purpose ของ Wholly Veggie จับกลุ่ม Target ที่แตกต่างกัน

แคมเปญนี้ได้เปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2022 ค่ะ โดยออกโฆษณามา 3 ตัว ที่มี Concept ว่า “หลอกคนที่รักให้กินผัก” ค่ะ ในโฆษณาพรีเซนต์ออกมาด้วยความสนุกสนาน จากการเล่าเรื่องออกมา 3 แบบ ดังนี้ค่ะ

Photo : Wholly Veggie

กลุ่มพ่อแม่ที่ลูกเกลียดผัก : ลูก ๆ หิว อยากกินของว่าง พ่อแม่จึง เอา Wholly Veggie เข้าเตาอบ และนำมาเสริฟให้กับลูก ๆ ปรากฎว่าลูก ๆ ชอบ กินกันอย่างเอร็ดอร่อย แล้วพ่อแม่ก็บอกลูกค้า เธอกำลังกินผักอยู่ เลยทำให้เด็ก ๆ บ้าคลั่งเลยว่าดับไปอร่อยกับผักที่ตัวเกลียดเข้าให้แล้ว(∀<●)

Photo : Wholly Veggie

คู่เพื่อนซี้ที่มีเพื่อนไม่กินผัก : นั่งดูทีวีกันแบบเบื่อ ๆ แล้วก็รู้สึกอย่างหา Snack มาทานกันระหว่างดูทีวี เพื่อนเลยลุกขึ้นไปอบ Wholly Veggie มาให้กิน แล้วเมื่อเพื่อนคนที่ไม่ชอบกินผัก ได้กิน Wholly Veggie เข้าไป ก็ชอบ เพราะมันอร่อยค่ะ กินไปสักพัก เพื่อนอีกคนก็เฉลยว่าสิ่งที่คุณกำลังกินเข้าไปมันคือผัก อร่อยใช่ไหมล่ะ 555

Photo : Wholly Veggie

ผู้หญิงหิวกลางดึกแต่อยากกินอาหารที่ไม่ทำให้ตัวเองรู้สึกผิด : เปิดฉากมาด้วยผู้หญิงที่หิวตอนกลางคืน เดินเข้าครัว เปิดตู้เย็นเจอ Wholly Veggie ยิ้มแบบสะใจ แล้วเอาเข้าเตาอบ เสร็จแล้วกินอย่างสบายใจเพราะไม่รู้สึกผิดกับตัวเองที่กินผักเข้าไปเป็นมื้อดึกค่ะ

โฆษณาทั้ง 3 ตัวนี้ ถูกขับเคลื่อนด้วยเพลงเฮฟวีเมทัล มันส์ ๆ ที่มีชื่อแบรนด์ Wholly Veggie อยู่ในเพลงเป็น Gimmic อีกด้วยค่ะ

Wholly Veggie ย้ำจุดยืน Brand Purpose ขนมผักที่อร่อย จนเหมือนไม่ได้กินผัก

เป้าหมายหลักของการทำแคมเปญนี้คือ การย้ำจุดยืน Brand Purpose ของตัวเอง ที่ว่า Wholly Veggie = เป็นขนมผักที่อร่อย จนเหมือนไม่ได้กินผัก เป็นการย้ำจุดยืนของสินค้าว่า เมื่อคุณเดินเข้าซุปเปอร์มาร์เกต แล้วคิดจะหยิบ Snack ลงตะกร้า จะอยากลองเลือกหยิบ Wholly Veggie เพราะมันอร่อย และมีประโยชน์ และนอกจากนี้ในโฆษณายังแฝงไปด้วย อีก 2 กลยุทธ์ ที่สร้างการจดจำให้กับสินค้าอีกด้วย คือ

  • สร้าง Awearness ให้กับสินค้า โดยกระตุ้นให้เกิดการรับรู้จากการปรับรูปแบบ Concept ของการเสนอขายสินค้าแบบเดิม ๆ มาเป็นขายความตลก สนุกสนานของโฆษณา รวมไปถึงการนำเพลงเฮฟวีเมทัลมาใช้กระตุ้นอารมณ์จนเป็นจุดเด่นให้คนดูอยากดูโฆษณาจนจบ
  • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ด้วยเนื้อหาของโฆษณาที่มี Key Massege บอกเล่าให้เห็นว่า คนที่เกลียดผัก เมื่อได้กิน Wholly Veggie แล้วมันอร่อย ติดใจ จนถ้าไม่บอกว่าคือผักก็ไม่รู้ ก็ถือเป็นการหยิบเอา Insight ของคนเกลียดผักทั้งหลายมาแชร์ให้เห็นนั่นเองค่ะ ว่าถึงแม้คุณเป็นคนที่ไม่กินผักคุณก็กินได้นะ เพราะมันอร่อยจนคุณไม่รู้สึกถึงการได้กินสิ่งที่คุณไม่ชอบเลย ถือเป็นการกระตุ้นให้คนเกลียดผักอยาก ลองซื้อสินค้าตามโฆษณาเลยล่ะค่ะ

Photo : Wholly Veggie

เพลงเมลทัล ย้ำการจดจำของโฆษณาจากเสียงเพลง

และอีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ รู้ไหมคะว่าทำไมเค้าต้องใช้เพลงเมทัลด้วย?

 1. เพราะเพลงเมทัลเป็นตัวแทนของ Symbolic = ความโกรธแค้น :  เพลงเมทัล มันสะท้อนความรุนแรงของอารมณ์โกรธ เกลียด ที่สื่อถึงคนที่เกลียดผักได้เป็นอย่างดีค่ะ ทำให้คนดูมีความรู้สึกร่วมกับโฆษณาค่ะ

 2. สร้างความแตกต่าง = สร้างการจดจำสินค้า : เพราะที่ผ่านมาการช่วงชิงพื้นที่ในความทรงจำของผู้บริโภค คือหน้าที่หลักของการทำโฆษณาใช่ไหมล่ะคะ การสร้างความแตกต่างจะสร้างภาพจำของสินค้าในใจของลูกค้าได้อย่างดี คงจะมีสินค้าไม่กี่แบรนด์หรอกค่ะ ที่ใช้เพลงะเฮลวีเมทัล มาเป็นเพลงประกอบโฆษณา และแน่นอนหากคุณได้ดูโฆษณานี้แล้ว ถ้ามีใครถามว่า เห้ย จำได้ไหมโฆษณาอะไรนะ ที่มันมีเพลงเฮลวีเมทัลประกอบโฆษณา คุณต้องจำแบรนด์ Wholly Veggie ได้แน่นอนค่ะ

3. สื่อถึงความสนุกเร้าใจ : หากใช้เพลงโทนอื่น ก็อาจจะสื่อสารออกมาไม่ครบถ้วน และไม่สื่อสารให้เข้าถึงความเกลียดชังได้ขนาดนี้ถูกไหมคะ ลองนึกดูนะคะ หากเราใช้เพลงป๊อปประกอบโฆษณามันอาจจะดู นุ่มนิ่มไป อารมณ์โฆษณาอาจสื่อถึงความเกลียดผักของคนได้ไม่เท่านี้ก็เป็นได้ค่ะ

สรุปท้ายบทความ ฝากชาว Marketer

1. ชัดเจนกับ Beand Purpose ให้มาก : เหตุผลที่หยิบเอาแคมเปญนี้มาแชร์ให้ชาว Marketer ได้อ่านกัน เพราะเห็นความน่าสนใจจากการทำแคมเปญที่หยิบเอา Purpose ขอแบรนด์มาย้ำ และกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดภาพจำค่ะ จึงอยากย้ำเตือนกับทุกท่านด้วยค่ะว่าเวลาทำการตลาด อย่าลืมคำนึงถึงแก่นของแบรนด์ ก่อนคิดว่าธีการสื่อสารด้วยนะคะ หากแก่นของสินค้าไม่ชัดจะทำให้มีผลกับการส่งสารนั้น ๆไปถึงลูกค้าแบบผิดเพี้ยน และขาดประสิทธิภาพ ทำให้เสียเวลา และเสียเงินในการทำแคมเปญนั้น ๆ ไปเลยค่ะ

2. ให้ความสำคัญกับวิธีการสื่อสารที่แตกต่าง เพื่อดึงดูความสนใจ : และสิ่งที่จะช่วยดึงดูดความน่าสนใจนั่นก็คือ วิธีการสื่อสารค่ะ ทำไมแบรนด์ขนมต้องใช้เพลงเมทัลมาใช้ประกอบโฆษณาด้วยนะ?

ด้วยในยุคนี้ใคร ๆ ก็แย่งกันชิงพื้นที่สื่อสาร และมีข้อความโฆษณามากมาย กรอกหูลูกค้าทุกวัน ฉะนั้นหากเราเลือกสื่อสารแบบเดิม ๆ ให้กับลูกค้า เราก็อาจจะอยู่ในจุดที่แค่ผ่านหู ผ่านตาลูกค้า แต่ไม่ได้อยู่ในความทรงจำของลูกค้าเลยแต่กลับกันเพียงแค่การสร้างการรับรู้มุมที่ความแตกต่างในการนำเสนอสินค้า เราก็จะสร้างพื้นที่จดจำในใจของลูกค้าได้เลยล่ะค่ะ เหมือนกับการเอาส้ม ไปวางในตะกร้าแอปเปิ้ลเลย คนจะมองเห็นส้มได้ชัดเจน และจำภาพส้มนั้นได้ แต่ถ้าถามหาแอปเปิ้ลในตะกร้าแอปเปิ้ล คงจะงงไม่น้อยเลยค่ะว่าจะเลือกหยิบแอปเปิ้ลลูกไหนดีล่ะ การสร้างภาพจำของการสื่อสารก็เช่นกันค่ะ

สำหรับบทความนี้ต้องขอลาไปก่อน แล้วกลับมาพบกับแคมเปญดี ๆ จึ้ง ๆใหม่ในบทความหน้านะคะ สวัสดีค่ะ≧ω≦

อ่านข้อมูลการทำการตลาด อื่น ๆ เพิ่มเติม  คลิกที่นี่ได้เลยค่ะ

อัพเดทข่าวสาร เพื่อติดปีกให้คุณเป็นนักการตลาดที่ไม่ OUT !!!  อ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มเติม คลิกที่ลิ้งค์นี้ได้เลยค่ะ เพจการตลาดวันละตอน เว็บไซต์ Twitter Instagram YouTube และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนค่ะ

Chulee.

นักพัฒนาผลิตภัณฑ์และสื่อสารการตลาด / นักเขียนบทความการตลาด ชอบงานศิลปะ งานครีเอท ไอเดีย เจ๋ง ๆ จึ้ง ๆ! น้องใหม่ทีมการตลาดวันละตอน ฝากผลงานด้วยนะคะ :) ♥รักเวลา... เวลามีค่ามากที่สุด⏰

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *