Voo ใช้ Emotional Marketing กระตุ้นความต้องการซื้อด้วยอารมณ์โกรธ!

Voo ใช้ Emotional Marketing กระตุ้นความต้องการซื้อด้วยอารมณ์โกรธ!

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย แคมเปญการตลาดที่เล่นกับอารมณ์ความรู้สึกของคน หรือ Emotional Marketing นั้นก็ยังได้รับผลตอบรับที่ดีเสมอ  โดยปกติแล้วเราจะสามารถแบ่งความรู้สึกของคนเราได้ออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ ด้วยกันคือ ความสุข ความเศร้า ความกลัว และความโกรธ ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกนั้นจะทำให้กลุ่มเป้าหมายของเราอินขนาดไหน ก็ต้องขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละบุคคลด้วย

เพราะ “Emotional Marketing” หรือ “การตลาดแบบอารมณ์” เป็นกลยุทธ์การตลาดที่อาศัยอารมณ์ของผู้บริโภคเป็นหลักในการสร้างแรงจูงใจให้กับการตัดสินใจซื้อหรือการกระทำทางการตลาดอื่นๆ โดยทั่วไปแล้ว, การตลาดแบบอารมณ์จะเน้นที่การเชื่อมต่อแบรนด์กับลูกค้าในระดับอารมณ์, สร้างความจดจำ และการเข้าถึงอย่างลึกซึ้งผ่านการเรื่องราว, ภาพ, และข้อความที่กระตุ้นอารมณ์นั่นเองค่ะ

การตลาดประเภทนี้มักจะอาศัยประสบการณ์ของผู้บริโภคและการใช้งานผลิตภัณฑ์หรือบริการในชีวิตประจำวันเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่าแค่การซื้อขายทั่วไป. โดยมีการใช้เทคนิคต่างๆ เช่น:

  • การเล่าเรื่อง (Storytelling): เล่าเรื่องราวที่มีความหมายและสร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์กับผู้ฟัง.
  • การใช้ภาพและวิดีโอ: ใช้ภาพหรือวิดีโอที่มีความโดดเด่นและสามารถสร้างความรู้สึกได้ทันที.
  • การใช้ดนตรีและเสียง: เลือกใช้ดนตรีและเสียงที่สามารถสร้างบรรยากาศและกระตุ้นอารมณ์.
  • การสร้างประสบการณ์: จัดการประสบการณ์ผ่านกิจกรรมหรือการทดลองใช้สินค้าที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกเชื่อมโยง.
  • การสร้างความรู้สึกคุ้นเคย: ทำให้แบรนด์หรือสินค้าดูเป็นมิตรและน่าเชื่อถือ.

การตลาดแบบอารมณ์ไม่ได้แค่เน้นที่การขายสินค้าเท่านั้น แต่ยังเน้นที่การสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า ซึ่งสามารถนำไปสู่ความรักและ Loyalty ต่อแบรนด์และการแนะนำแบรนด์ต่อ ๆ ไป

เหมือนอย่างที่ Voo บริษัทผู้ให้บริการด้านอินเทอร์เน็ตของประเทศเบลเยียมที่ต้องการจับกลุ่ม Gamer จึงได้ดึงเอาอารมณ์โกรธ มาใช้ในการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงคุณภาพเยี่ยม ซึ่งวิธี​การและผลลัพธ์​จะเป็นอย่างไรบ้าง​ เหล่า Gamer จะอินแค่ไหน เราลองมาดูกันค่ะ

สร้างแคมเปญจากอารณ์แบบเรียลไทม์

เชื่อว่า Gamer ทุกคนต้องเคยผ่านจุดโมโห​ หัวร้อน​ หงุดหงิด​ อารมณ์​เสียเวลาที่เน็ต​ช้า​ เน็ตอืด​ จะรีใหม่อีกกี่ทีก็ยังหมุนติ้ว​กันมาทุกคน​ โดยเฉพาะที่กำลังจะถึงจังหวะสำคัญ​แต่เน็ตดันไม่เป็นใจ​ ทำเกมค้าง​จนแพ้ไปอย่างน่าเสียดาย​ จนอดไม่ได้ที่จะก่นด่าความห่วยแตกของบริการอินเทอร์เน็ต​นั้นๆ

Voo บริษัทผู้ให้บริการด้านอินเทอร์เน็ตของประเทศเบลเยียมก็เลยปิ๊งไอเดียในการเลือกที่จะจับเอา Emotional ของความโกรธเกรี้ยวนี้มาใช้เป็นโอกาสในการกระตุ้นความต้องการซื้อ ด้วยการติดต่อไปยังเหล่า Gammer ติดตั้งปลั๊กอินอย่าง OBS plug-in ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้บ่อยที่สุดสำหรับการสตรีมเกมออนไลน์ โดยเชื่อมต่อกับไมโครโฟนของผู้ใช้และตรวจจับในสิ่งที่เกมเมอร์พูด

จากนั้นปรับแต่ง OBS plug-in ด้วยการใส่คียเวิร์ดที่เป็น “คำด่า” ลงไป ทำให้เมื่อไหร่ที่อินเทอร์เน็ตช้า กระตุก หรือมีปัญหาจนเหล่า Gamer เผลอด่าออกมา แบนเนอร์ข้อความขายของของ Voo ก็จะโผล่ขึ้นมาทันที เรียกได้ว่าอารมณ์โกรธ​มาปุ๊บ​ โฆษณา​ก็ขึ้นปั๊บแบบเรียลไทม์กันเลยทีเดียว

กลยุทธ์กระตุ้นความต้องการซื้อด้วยอารมณ์โกรธของ Voo นี้นอกจากจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายได้แบบถูกที่ถูกเวลาแล้ว ยังสามารถพิสูจน์ให้เราเห็นได้ว่าเราไม่จำเป็นต้องประดิษฐ์คำโฆษณา หรือภาพกราฟิกให้เริศหรูเลยก็ได้ ถ้าหากเราสื่อสารออกไปได้ตรงจังหวะ ตรงตามอารมณ์ของกลุ่มเป้าหมายแล้วล่ะก็ การแสดงออกแบบตรงไปตรงมาด้วยถ้อยคำธรรมดาๆ อย่าง “ถ้าไม่อยากแพ้เพราะเน็ตช้า ลองเปลี่ยนมาใช้อินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วสูงกว่า 4 เท่าของ Voo ดูสิ” แค่ประโยคสั้นๆ ง่ายๆ ก็สามารถเรียกความสนใจได้ดีเลยทีเดียว

อารมณ์โกรธกระตุ้นการซื้อได้อย่างไร

หลายคนคิดว่าการจะทำแคมเปญทางการตลาดควรหลีกเลี่ยงความโกรธหรือความเกรี้ยวกราดไว้น่าจะดีที่สุด แต่ความเป็นจริงแล้วในบางครั้งความโกรธก็ช่วยกระตุ้นให้เราสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ ได้ ซึ่งในส่วนของการทำโฆษณา การใช้การตลาดแบบ Emotional โดยเล่นกับอารมณ์โกรธของคนก็สามารถทำให้แคมเปญนั้นกลายเป็น Viral ได้ไม่แพ้อารมณ์อื่นๆ ถ้าโฆษณาชิ้นนั้น เข้าทำให้ผู้ชมรู้สึกเซอร์ไพรส์ หรือทำให้กลุ่มเป้าหมายมีอารมณ์ร่วมได้มากพอ 

ซึ่งในการเปิดตัวแคมเปญ​ Raging Banners ของ ​Voo ก็ถือว่าเป็นอีกตัวอย่างของการเล่นกับอารมณ์คนที่ประสบความสำเร็จมากเช่นกัน เพราะเพียงแค่ 5 วันแรกของการโปรโมตแคมเปญนั้นตัวโฆษณาแบนเนอร์ก็ไปปรากฏบนสตรีมต่างๆ กว่า 78 สตรีม และสามารถเข้าถึงผู้ชมได้ถึง 3.8 ล้านคน นอกจากนี้ตัวแคมเปญยังมำให้เว็บไซต์ของ Voo มีปริมาณ​การเข้าชม​เพิ่มขึ้นจากเดิมกว่าสองเท่าเลยทีเดียว 

โดยการเลือกวิธีการเล่นกับอารมณ์​ของคน​ โดยเฉพาะ​การใช้อารมณ์โกรธนั้นก็เป็นวิธีที่ฉลาดมากเช่นกัน เพราะความโกรธมักเป็นแรงจูงใจในการตัดสินใจโดยไม่ได้ตั้งใจ​ หรือว่าตัดสินใจแบบฉับพลัน​ ไม่ทันได้คิดหน้าคิดหลัง​นั่นเอง

อยากเริ่มต้นทำ Emotional Marketing ต้องทำอย่างไรบ้าง?

Emotional Marketing นั้นเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการทำการตลาดที่น่าสนใจ โดยการใช้อารมณ์หรือความรู้สึกสุข เศร้า กลัว โกรธ เป็นตัวกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกอิน เป็นการโน้มน้าวให้กลุ่มเป้าหมายนั้นมีอารมณ์ร่วมกับแบรนด์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในแง่การสร้างเรื่องราวให้แบรนด์ดูมีคุณค่าและน่าสนใจมากขึ้น การทำให้คนตระหนักถึงปัญหา การทำให้คนรู้จักและพูดถึงแบรนด์ในวงกว้าง ไปจนถึงการการกระตุ้นการซื้อหรือเพิ่มโอกาสในการขาย 

สำหรับนักการตลาดที่อยากเริ่มต้นเองกลยุทธ์ Emotiona ไปใช้ในการสร้างแคมเปญบ้างแบมแนะนำว่าอย่างแรกเราจะต้องกำหนดเป้าหมายกับอารมณ์ให้ชัดเจนก่อน ว่าเป้าหมายของเราในแคมเปญนี้ต้องการอะไร หรืออยากโน้มน้าวกลุ่มเป้าหมายไปในทิศทางไหน หลังจากนั้นค่อยมาเลือกดูว่าสิ่งที่เรากำลังจะสื่อนั้นเล่าด้วยอารมณ์แบบไหนถึงจะเหมาะสมที่สุด ยกตัวอย่างเช่น บริษัทประกันชีวิตต้องการให้คนตระหนักในเรื่องของอุบัติเหตุว่าหากเกิดอุบัติเหตุต้องเข้าโรงพยาบาลเป็นเวลานาน แต่ไม่มีเงินสำรอง ต้องทำอย่างไร? ก็อาจจะให้อารมณ์กลัวมาเป็นตัวกระตุ้นให้เราซื้อประกันที่จะช่วยป้องกันเราจากสิ่งที่เราหวาดกลัว เป็นต้น

จริงๆ แล้ว Emotional Marketingนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เท่าไหร่ แต่ก็เป็นกลยุทธ์ที่ไม่ว่าหยิบมาใช้เมื่อไหร่ก็ได้ผลทุกครั้ง หลักสำคัญที่อยากจะย้ำนักการตลาดอีกสักครั้งคือ ต้องวาง Objective ให้ชัด มองหาอารมณ์ในการเล่าที่เหมาะสม แล้วทำให้กลุ่มเป้าหมายอินให้ได้!

ส่วนใครที่อยากศึกษาตัวอย่างเรื่องการทำการตลาดแบบ Emotional ในแง่มุมอื่น ๆ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่

ในบทความหน้าแบมจะมีอะไรมาอัปเดตอีกบ้าง สามารถติดตามได้ผ่านเพจการตลาดวันละตอน รวมถึง Twitter และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนนะคะ

ที่มา: campaignsoftheworld.com

Bambinun*

Content Creator แห่งการตลาดวันละตอน ที่หลงรักการเล่าเรื่องผ่านตัวหนังสือ พอๆ กับการกินของอร่อย และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเป็นทาสแมว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *