แนวคิดของ L’Oréal ที่ใช้ Deep Consumer Insight พลิกกลยุทธ์การตลาดให้ปัง
แนวคิดของ L’Oréal ประเทศ Indonesia ที่ใช้ Deep Consumer Insight จาก Consumer Research พลิกกลยุทธ์การตลาดให้ปัง
ถ้าพูดถึงเป้าหมายสำคัญของนักการตลาด คงหนีไม่พ้นการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ Market Share ตามสเกลของแบรนด์ใช่ไหมล่ะคะ และนอกจากปัจจัยอื่น ๆ เพื่อไปถึงเปาหมายแล้ว หนึ่งในหัวใจสำคัญคือนักการตลาดต้องเข้าใจลูกค้าเป้าหมายให้ลึกและตรงเป้ามากที่สุด อาจจะใช้เวลาหน่อย แต่มักได้ผลระยะยาวดีกว่ารีบหว่านเม็ดเงินไปกับจุดอื่นแน่นอน
และการจะเข้าใจ Deep Consumer Insight ให้ได้ในยุคที่ทุกคนชอบใช้ Social Media แบบนี้ยิ่งง่ายกับนักการตลาดนะคะ การบ้านที่ต้องเร่งทำคือหาเครื่องมือและวิธีเก็บเทรนด์ เก็บ Insight ให้มัน Real Time และมีประโยชน์กับแบรนด์ ซึ่งปัจจุบันก็มีเครื่องมืออย่าง Social Listening หรืออื่น ๆ ที่สามารถทำ Consumer Research ได้ให้เลือกหลากหลายราคาที่ดึลมาใช้ได้ไม่ยาก อย่าลืมเตรียมบุคลากรที่ต้องนั่งอยู่กับข้อมูลโดยเฉพาะด้วยนะคะ
เพื่อให้นักการตลาดได้เห็นภาพมากขึ้น นุ่นไปเจอข้อมูลดี ๆ จาก Brandwatch ที่แชร์แนวคิดโดยแบรนด์ L’Oréal ประเทศ Indonesia เกี่ยวกับการใช้ Consumer Research ขุดหา Deep Insight ของลูกค้าเพื่อเอามาพลิกโฉมกลยุทธ์การตลาด ปรับตัวเองให้มีพื้นที่บน Beauty Market Share มากขึ้นในฐานะแบรนด์ใหญ่ นักการตลาดที่อยู่ทุกกลุ่มธุรกิจลองอ่านและเก็บไว้เป็นไอเดียเพื่อนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับแบรนด์ตัวเองดูกันได้เลยนะคะ
เริ่มจากการรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เพื่อขุด deeper insights
นุ่นอยากให้นักการตลาดมองภาพเป็นเลเยอร์ จากภาพกว้าง ๆ จนค่อย ๆ ขุดให้ลึกลง อย่างเช่นแต่เดิม L’Oréal Indonesia มีคลัง Data เกี่ยวกับผู้บริโภคของตัวเองอยู่แล้ว และนุ่นเชื่อว่าตอนนี้ทุกแบรนด์ต้องมีอยู่ในมือไม่มากก็น้อย เพียงแต่ว่าจะต้องเริ่มตีวงอุตสาหกรรม และข้อมูลอื่น ๆ ที่อาจเกี่ยวข้องเช่นกัน เพื่อไม่ให้เราวนอยู่ในอ่าง ไม่ใช่แค่ลูกค้าเก่าหรือลูกค้าคู่แข่ง แต่เป็นคนที่เอาเงิน เอาเวลาไปทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่ใกล้เคียง หรือแทนที่สินค้าเราได้เหมือนกัน
นอกจากนี้นักการตลาดต้องนำข้อมูลแนวโน้มของตลาด ที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตหรือการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคมาอยู่ใน dashboard ด้วย ตัวอย่างเช่น การทำความเข้าใจความวิตกกังวลในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด19 ยอดผู้ติดเชื้อที่ยังสูง กิจการบางประเภทยังไม่สามารถให้บริการได้ 100% มีช่องว่างตรงไหนที่สินค้าหรือแบรนด์จะเข้าไปทดแทนหรือปรับแพลนการตลาดให้เข้ากับสถานการณ์ความรู้สึกตรึงเครียดของผู้บริโภคได้บ้าง
ถ้าคุณแม่บ้านที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเราในช่วงนี้ต้องดูแลคนในบ้านเป็นพิเศษเพราะทั้งเรียนออนไลน์และ Work From Home จากที่ขายผงซักฟองขจัดคราบธรรมดา ๆ ลองให้แคมเปญบิดไปทางกลิ่นหอมมากเอาใจคนในบ้าน ช่วยให้เสื้อผ้า ผ้าปูที่นอนส่งกลิ่น Relax คลายเครียดได้แม้จะต้องนั่งหลังแข็งจ้องจออยู่ในห้องทั้งวันดูน่าจะเวิร์คกว่าไหมนะ?
ใช้เทคนิคหา Deep Consumer Insight จากการทำ Campaign analysis
ข้อนี้สามารถใช้ได้กับแคมเปญเก่า ๆ ของแบรนด์ หรือจะยิ่งดีถ้าเป็นแบรนด์ในหมวดเดียวกันหรือใกล้เคียงแบรนด์เราค่ะ นุ่นคิดว่าขาดไม่ได้เลยที่เราจะทำการบ้านเยอะ ๆ กับส่วนนี้ เพราะนอกจากจะได้เห็นมุมที่ไม่เคยคิดเกี่ยวกับผลตอบรับผู้บริโภคเราแล้ว ยังได้ Case Study ว่าแบบไหนดีไม่ดี ทำแบบไหนถึงจะอุดรอยรั่วแคมเปญเก่า ๆ ได้ และมีลูกเล่นอะไรมาเสริมได้บ้าง L’Oréal Indonesia เองก็ให้ความสำคัญกับ Feedback แคมเปญไม่น้อยค่ะ
ถ้าจะให้ยกตัวอย่างสมมุติว่านักการตลาดได้ข้อมูลเกี่ยวกับตลาด K-POP มาว่าถ้าเอามาเล่นจะได้ Engagement ถล่มถลาย แฮชแท็กติดเทรนด์ ยอดขายกระฉูดแน่นอน สิ่งที่ควรทำต่อคือลองศึกษาแคมเปญที่เกิดขึ้นจริง เพื่อขุดหา Deep Insight ที่เกิดขึ้น เทรนด์ที่ติดเนี่ยมาจากสแปมหรือด่าแบรนด์เพราะใช้รูปโป๊ของศิลปินหรือเปล่า อธิบายง่าย ๆ คือต้องศึกษาเคสที่เกิดขึ้นจริง เก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุดเพื่อปั้นเป็นกลยุทธ์ที่ดีกว่าคู่แข่งหรือแคมเปญเก่า ๆ
นุ่นยกตัวอย่างแบรนด์ที่ค่อนข้างเป็นที่รู้จักในวงการ Beauty อย่าง Benefit (ประเทศเกาหลี) ที่ทำแคมเปญการตลาดโดยใช้คุณฮาซองอุน ไอดอลเกาหลีที่ถูกพูดถึงอย่างมาก ในเรื่องริมฝีปากสวยดึงดูด มาโปรโมท Tint ที่เป็นไลน์สินค้าหลัก ๆ พร้อมมีกระจกลายเซ็นฮาซองอุนแถมให้สำหรับลูกค้าที่ซื้อตามข้อกำหนด
จากแคมเปญนี้เราจะเห็นวิธีการเลือกพรีเซ็นเตอร์แถมมาด้วย รวมทั้งสามารถศึกษา insight การซื้อสินค้าความสวยความงามคู่กระจก พฤติกรรมของแฟนคลับหรือกลุ่มเป้าหมายว่ามีผลตอบรับดี ยอดเป็นอันดับ 1 ของเว็บไซต์ Shopping เกาหลีในวันที่เปิดขายวันแรก ถ้าแคมเปญที่มีแฮชแท็กนักการตลาดก็สามารถเข้าไปดูข้อมูลเบื้องต้นของคนซื้อ นักเรียนนักศึกษาชอบซื้อผ่านเว็บใหม่ หรือมีข้อความที่บอกว่าอยากซื้อที่เคาท์เตอร์มากกว่า
หรืออีกแคมเปญจาก Estee Lauder (ประเทศเกาหลี) ที่ใช้ไอดอลเกาหลีชื่อดังวง Twice เพื่อขายสินค้าลิปสติกพร้อมลายเซ็นของเมมเบอร์แต่ละคน เราก็สามารถเข้าไปดูผลตอบรับของแคมเปญนี้ว่าการที่มีลายเซ็นคนดังบนสินค้าผลตอบรับเป็นอย่างไร เหมาะกับเป้าหมายการตลาดเราไหม เป็นต้นค่ะ
สรุปแนวคิดของ L’Oréal ที่ใช้ Deep Consumer Insight พลิกกลยุทธ์การตลาดให้ปัง
L’Oréal Indonesia เน้นการใช้ข้อมูลในเทคนิคเบื้องต้นเพื่อนำมาใช้กับการตลาดของแบรนด์อย่างจริงจัง มีการปรับปรุงทั้งสินค้าและแผนการตลาดตามข้อมูลเชิงลึกและจาก Social Listening ของ Brandwatch รวมทั้งให้เวลากับ Campaign Analysis ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
รวมทั้งเชื่อในการทำ Consumer Research อย่างละเอียดและ Real Time ค่ะ นอกจากนี้นักการตลาดต้องอย่าลืมให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันในองค์กร ให้เข้าใจข้อมูลไปในทิศทางเดียวกัน รับรู้ปัญหาเดียวกัน มี Data นำทางลดเวลาเถียงกันไปได้เยอะเลยค่ะ ยังไงนักการตลาดลองนำไปเป็นแนวทางการทำงานดูนะคะ
source : www.brandwatch.com
สำหรับผู้ที่สนใจอยากเรียนรู้การใช้ Social Listening Tool เพื่อเข้าถึง Consumer Insight ที่แท้จริงจาก Data การตลาดวันละตอนเปิดคอร์สเรียนออนไลน์ Social Listening Analytics Boostcamp หลักสูตรเร่งลัดสอนจากประสบการณ์จริงที่ทำ Data Research ให้ลูกค้าหลายราย เรียนวันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2564 ค่าเรียนคนละ 9,900 บาท สนใจอ่านรายละเอียดและสมัครก่อนเต็มได้ที่ > https://bit.ly/SLAB3