[Generation Alpha Insight] เด็กในวันนี้ อยากเป็น YouTuber ในวันหน้า

[Generation Alpha Insight] เด็กในวันนี้ อยากเป็น YouTuber ในวันหน้า

เมื่อถามเด็กหลายคนในวันนี้ว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร คำตอบที่ได้กลับไม่ใช่ หมอ พยาบาล ทหาร หรือนักกีฬาแบบเด็กรุ่นก่อนหรือรุ่นเราอีกต่อไปแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าเด็กสมัยนี้โตขึ้นอยากเป็น YouTuber หรือคนดังบนออนไลน์ ลองมาดูข่าวนี้กันครับ แล้วเราจะได้รู้ว่าควรรับมืออย่างไรกับอนาคตที่จะเปลี่ยนไปด้วยเทคโนโลยีในวันนี้

YouTuber อาชีพในฝันของหนูๆ

มีใครไม่เคยดู YouTube บ้างไหมครับ ผมเชื่อว่าคงแทบจะหาได้ยากมาก โดยเฉพาะถ้ามีสมาร์ตโฟนของตัวเองแล้วยากที่จะไม่โหลด YouTube มาด้วย และเคยเห็นใช่ไหมครับ พ่อแม่ที่มักเปิด YouTube ให้ลูกดู เพราะใน YouTube แอปฯ เดียว มีการ์ตูน มีเพลง ให้เด็กได้ดูเป็นล้านๆ เรียกได้ว่าต่อให้ช่องการ์ตูนทางเคเบิลทีวีที่บ้านก็ไม่สามารถสู้ได้

และวิดีโอทั้งหลายบน YouTube ก็ไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่เกิดขึ้นจากบรรดา YouTuber หรือคนที่คอยคิดและผลิตคลิปต่างๆ ขึ้นมาเพื่อเรียกให้เราเข้าไปดู ยิ่งคนไหนทำคลิปให้คนดูได้เยอะๆ ก็จะยิ่งเอาไปเรียกค่าโฆษณา หรือยิ่งทำให้มีแบรนด์อยากมาจ้างให้เค้าโฆษณาให้ นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ทำไมคนเหล่านี้ถึงทำคลิปออกมาไม่หยุดหย่อน ทำออกมาแข่งกันแม้จะยังไม่ได้เงินทันทีนั่นเอง และบรรดา YouTuber เหล่านี้แหละที่กลายมาเป็นไอดอลของเด็กในวันนี้ครับ

การสำรวจที่ประเทศอังกฤษจากเด็กกว่าพันคนที่อายุต่ำกว่า 17 ปี ว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร รู้ไหมครับว่ากว่า 34% ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากเป็น YouTuber ที่ได้ทำคลิปสนุกๆ ให้คนเข้ามาดู เหมือนที่ตัวเองชอบเข้าไปดูนี่แหละครับ เพราะการเป็น YouTuber นั้นไม่ต้องง้อช่อง ไม่ต้องง้อแมวมอง แค่ทำคลิปออกมาให้ถูกใจคน แล้วก็จะมีคนเข้ามาดูจนเราดังได้ และลำดับที่ 2 ก็บอกว่าอยากเป็น Blogger หรือ Vlogger มากกว่า 18% และตามมาด้วยอาชีพนักดนตรีกับดาราในอันดับที่ 3 และ 4 ครับ

ส่วนอาชีพหมอและพยาบาลที่เคยยอดนิยมน่ะหรือครับ จากผลสำรวจตกไปอยู่ถึงลำดับที่ 6 ได้คะแนนแค่ 13.4% ส่วนอาชีพอย่างครูที่เคยเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ ก็ตกไปอยู่ลำดับที่ 8 ร่วมกับอาชีพนักกีฬาที่ได้คะแนนอยู่ที่ 11.9% เท่านั้นครับ

จากข่าวนี้เราอาจจะรู้สึกแปลกใจว่าทำไมเด็กสมัยนี้ถึงอยากเป็น YouTuber หรือคนดังบนออนไลน์ไปหมดแล้วนะ รู้ไหมครับว่าขนาดลำดับที่ 5 ที่สูงกว่าหมอ กลับเป็นอาชีพ Film Maker หรือคนทำภาพยนตร์ คนทำคลิปวิดีโอนี่แหละครับ 
ที่เด็กๆ อยากเป็น YouTuber ก็เพราะว่าเขาใช้ YouTube กันหนักมากตั้งแต่เด็ก รู้ไหมครับว่าเด็กที่อายุแค่ 3-4 ขวบนั้นใช้ YouTube กันเป็นประจำถึง 48% แล้ว และพออายุถึง 12-15 ปี ก็ใช้ YouTube กันถึง 90% ด้วยซ้ำ ผมยังอดคิดไม่ได้ว่าที่หายไป 10% ที่ไม่ได้ใช้ น่าจะโทรศัพท์เสียหรือเปล่าช่วงนั้น

เห็นไหมครับว่าเทคโนโลยีในวันนี้ส่งผลถึงอนาคตของอาชีพใหม่ๆ มากขนาดไหน ยังมีอีกหลายอาชีพใหม่ที่เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปไม่เคยหยุด อย่างอาชีพนักเล่นเกมที่สามารถทำรายได้เป็นปีละสิบๆ ล้าน หรือมีคนดูการแข่งขันกันมากกว่าหลายสิบล้านคนพร้อมกันทั่วโลก

เทคโนโลยีพื้นฐานอย่างอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงกับสมาร์ตโฟนค่อยๆ เปลี่ยนอนาคตเราไปทุกวัน ถ้าเห็นเด็กคนไหนอยากเป็น YouTuber ก็สนับสนุนให้เขาเป็น YouTuber ที่ดีด้วยนะครับ เราห้ามเขาไม่ให้เดินตามฝันนั้นคงยาก สู้สนับสนุนเขาให้เดินในทางที่ถูกนั้นง่ายกว่า

และนี่ก็เป็นข้อมูลรายงานจากสำนักข่าว Dailymail ครับ

TOP 10 CAREERS KIDS WOULD LIKE TO DO WHEN THEY GROW UP

1. YouTuber – 34.20 per cent
2. Blogger/Vlogger – 18.10 per cent
3. Musician/Singer – 16 per cent
4. Actor – 15.7 per cent
5. Film Maker – 13.6 per cent
6. Doctor/Nurse – 13.4 per cent
7. TV Presenter – 12.4 per cent
8. Athlete – 11.9% / Teacher – 11.9 per cent
9. Writer – 8.4 per cent
10. Lawyer – 6.4 per cent

7 OF THE BEST THINGS ABOUT BEING A YOUTUBER

1. CREATIVITY – You get to make cool videos and content (24 per cent)
2. FAME (11.4 per cent)
3. SELF EXPRESSION – You get to make the content you want to make (11 per cent)
4. MONEY – It pays well (9.8 per cent)
5. PEOPLE – Working with cool people (8.4 per cent)
6. RECOGNITION – people recognise you (6.10 per cent)
7. TRAVEL – You get to go to cool places (4.2 per cent)

TOP 3 REASONS WHY KIDS LOVE TO WATCH YOUTUBE VIDEOS

1. ENTERTAINING – 71.1 per cent
2. MORE INTERESTING THAN TV SHOWS (33.5 per cent)
3. LIKE TO KEEP UP WITH WHAT THEIR FAVORITE YOUTUBERS ARE UP TO (25.3 per cent) 

อ่านบทความเกี่ยวกับ Generation Alpha ต่อ https://www.everydaymarketing.co/?s=alpha

Nattapon Muangtum

เจ้าของเพจการตลาดวันละตอน / อาจารย์พิเศษวิชา Data-Driven Communication / เขียนหนังสือมาแล้ว 5 เล่ม Personalized Marketing, Data-Driven Marketing, Data Thinking, Contextual Marketing และ Social Listening / ที่ปรึกษา Data-Driven Advisor

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

คุณคิดว่าปัญหา PM 2.5 ที่เชียงใหม่วิกฤตหรือยัง ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถามก่อนอ่านการตลาดวันละตอน แล้วเราจะเอาไปทำเป็น Infographic โชว์หน้าเพจให้รู้ด้วยกัน