ในยุคที่แบรนด์กลายเป็นส่วนหนึ่งของการเมืองอย่างเลี่ยงไม่ได้ นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า Brand Democracy ที่ผู้คนในสังคมทุกวันนี้รู้สึกว่าภาคธุรกิจไม่อาจเอาแต่ขายของโดยไม่ใยดีกับสิ่งที่กำลังเป็นประเด็นในสังคมได้อีกต่อไป เพราะถ้าแบรนด์ใดเมินเฉยก็จะถูกคนติดป้ายว่าเป็น Ignorant หรือพวกไม่ใยดีกับสังคมโดยเฉพาะในประเด็นที่พวกเขาสนใจ จนทำให้เกิดทัวร์ลงได้ง่ายๆ พาลทำให้แบรนด์ที่พยายามสร้างมานานนับสิบปีด้วยงบการตลาดนับไม่ถ้วนหายวับไปกับตา วันนี้เลยจะพามาดูอีกหนึ่งเคสแคมเปญการตลาดที่ของแบรนด์ Patagonia ที่ไม่ต้องรอให้ใครมาบอกว่าพวกเขาต้องวางตัวอย่างไรกับประเด็นในสังคม แต่แบรนด์นี้เลือกที่จะเป็นผู้นำในการนำพาผู้คนที่มีจุดยืนร่วมกันในเรื่องนี้ มาร่วมกันแสดงพลังให้สังคมรับรู้ถึงปัญหาเมื่อครั้งหนึ่งประธานาธิบดีอย่าง
Search Results for: democracy
เพราะปัญหาในสังคมนั้นมากขึ้นทุกวัน และผู้บริโภคทั่วโลกในวันนี้นั้นต่างก็ได้เห็นถึงปัญหานั้นเร็วขึ้นและบ่อยขึ้นทุกที ดังนั้นการทำ CSR แบบเดิมไม่ตอบโจทย์การสร้างแบรนด์ให้คนรัก แต่ต้องเป็นการแสดงจุดยืนของแบรนด์ว่าจะทำอย่างไรกับประเด็นที่กำลังเกิดขึ้นในสังคม หรือ Social Issues นั้นๆจนกลายเป็นเทรนด์ใหม่ในการสร้างแบรนด์ที่เรียกว่า Brand Democracy ครับ เมื่อผู้บริโภคในคาดหวังกับแบรนด์สูงขึ้นกว่าทุกวันที่ผ่านมา ว่าแบรนด์จะทำในสิ่งที่ถูกที่ควร
สรุป Insight ทุก Generation 2022 ตั้งแต่ Baby Boomer Generation X Millennials หรือ Gen Y Gen
ในปี 2020 อย่างที่เราทุกคนรู้กันว่าชีวิตเราทุกคนล้วนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ตั้งแต่เจ้าเชื้อไวรัสโควิด19 แพร่ระบาดออกไปทั่วโลก เราไม่สามารถออกไปไหนมาไหนได้เหมือนเคย เราต้องเปลี่ยนมาเรียนและทำงานแบบออนไลน์ภายในไม่กี่วันทั้งที่เคยพยายามทำมาหลายปีแต่ไม่เคยสำเร็จผลพร้อมใจเท่าครั้งนี้ และนอกจากการแพร่ระบาดของเจ้าเชื้อไวรัสโควิด19 เรายังเจอกับปัญหามลพิษทางอากาศขั้นสูงสุดในหลายพื้นที่บนโลกในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน (บ้านเราก็ PM 2.5) เราได้เจอกับปัญหาโลกร้อนที่รุนแรงขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา (แต่ก็ฟื้นฟูได้ทันตาพอต้องล็อคดาวน์โลกทั้งใบ) เราได้เห็นการประท้วงเพื่อเรียกร้องสิทธิต่างๆ
Brand for Prople เมื่อปลายปี 2017 ประชาชนคนสหรัฐอเมริกาไม่ได้ตระหนักถึงปัญหากฏหมายใหม่ที่ชื่อว่า Net Neutrality ที่จะทำให้อินเทอร์เน็ตไม่ได้มีเสรีภาพอย่างทุกวันนี้ ทาง Burger King เลยอาสาเป็นตัวแทนในการตีแผ่ปัญหาที่ฟังดูเข้าใจยากและซับซ้อนสำหรับคนทั่วไปผ่านแคมเปญการตลาดที่เรียกว่า Whopper Neutrality
จากข้อมูลสรุป insight ทุก generation ตั้งแต่ Baby Boomer ยัน Alpha ประจำปี 2020 ที่มีคนแชร์มากกว่า 22,000 ครั้ง (คลิ๊กอ่านได้ที่นี่)
สรุปหนังสือ Business as Unusual เล่มนี้ถ้าให้สรุปสั้นๆก็คือแนวทางการสร้างแบรนด์ ในยุค 5.0 ในวันที่สินค้าหรือบริการแทบไม่เหลืออะไรให้ต่าง จนต้องใช้ความดีของการทำธุรกิจจากแต่ละแบรนด์มาเป็นเกณฑ์ใหม่ในการสร้างความต่างขึ้นมา ดังนั้นถ้าธุรกิจคุณใหญ่โตไปจนถึงขึ้นสุด แบบว่าไม่รู้ว่าจะ Growth ไปทางไหนต่อ หนังสือเล่มนี้ก็จะเป็นแสงสว่างให้คุณเห็นทางออกว่าจะโตไปต่อได้อย่างไร ขอเกริ่นก่อนเข้าสรุป
A BETTERMENT MARKETING การตลาดยุคใหม่ ธุรกิจต้องไปต่อ…เพื่อโลกที่ดีกว่าเดิม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (7 ต.ค. 2562) เหตุการณ์ที่สำคัญยิ่งในวงการการตลาดเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อ Philip Kotler “Godfather of
แคมเปญการตลาดแบบ CSR ที่เราคุ้นเคยกันก็คงหนีไม่พ้นการบริจาคอะไรซักอย่างใช่มั้ยครับ แต่แคมเปญ CSR ที่ผมกำลังจะเล่าให้ฟังในวันนี้ คุณเชื่อได้เลยว่าจะไม่เคยเห็นการบริจาคอะไรแบบนี้มาก่อน (เพราะขนาดผมเองยังไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย) เพราะนี่เป็นแคมเปญ CSR ที่บริจาคนมที่ไม่ธรรมดาจากช็อคโกแลต Cadbury ที่เอานมหนึ่งแก้วครึ่งในแท่งช็อคโกแลตมาบริจาค ใช่ครับ นี่คือแคมเปญ
การตลาดแบบ Hijack Advertising หรือที่เรียกว่า Hijackvertising ที่จะเล่าให้ฟังในวันนี้ เป็นแคมเปญที่ชื่อว่า Billboards Beyond Bordersของ ของ NGO แห่งหนึ่งที่ชื่อว่า Reporters Without