6 Social Media Marketing Trends 2021 – The Social Reset ตอนที่ 1

6 Social Media Marketing Trends 2021 – The Social Reset ตอนที่ 1

ในปี 2020 อย่างที่เราทุกคนรู้กันว่าชีวิตเราทุกคนล้วนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ตั้งแต่เจ้าเชื้อไวรัสโควิด19 แพร่ระบาดออกไปทั่วโลก เราไม่สามารถออกไปไหนมาไหนได้เหมือนเคย เราต้องเปลี่ยนมาเรียนและทำงานแบบออนไลน์ภายในไม่กี่วันทั้งที่เคยพยายามทำมาหลายปีแต่ไม่เคยสำเร็จผลพร้อมใจเท่าครั้งนี้

และนอกจากการแพร่ระบาดของเจ้าเชื้อไวรัสโควิด19 เรายังเจอกับปัญหามลพิษทางอากาศขั้นสูงสุดในหลายพื้นที่บนโลกในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน (บ้านเราก็ PM 2.5) เราได้เจอกับปัญหาโลกร้อนที่รุนแรงขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา (แต่ก็ฟื้นฟูได้ทันตาพอต้องล็อคดาวน์โลกทั้งใบ) เราได้เห็นการประท้วงเพื่อเรียกร้องสิทธิต่างๆ มากมายในหลายที่ทั่วโลก ทั้ง Black Live Matter ในสหรัฐอเมริกา ในบ้านเราก็มีการเรียกร้องให้ปฏิรูปประชาธิปไตยใหม่ ในประเทศเพื่อนบ้านรอบข้างก็มีม็อบออกมาประท้วงเรียกร้องมากมายเช่นกัน ทั้งหมดนี้เกิดมาจากทุกคนถูกบีบให้ต้องเชิญหน้ากับความจริง ทำให้ปัญหาหลายส่วนในสังคมที่เคยถูกซุกไว้หรือมองข้ามไปไม่สามารถมองข้ามหรือปล่อยผ่านได้อีกแล้ว

เมื่อภาครัฐถูกท้าทายจากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด19 ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการรับมือมาก่อน ทำให้หลายประเทศล้มเหลวในการรับมือจนประชาชนต้องลุกฮือออกมาแสดงความไม่พอใจ ส่วนภาคธุรกิจเองก็ถูกบีบบังคับให้ต้องพร้อมปรับตัวแทบทันควัน เหมือนที่มี Meme ล้อกันว่า Digital Transformation สำเร็จได้เพราะ Covid-19 จนถูกนิยามว่าเป็น Covid Transformation ที่สามารถทำให้เราทุกคน Work From Home หรือทำงานออนไลน์จากที่ใดก็ได้บนโลก (จริงๆ ส่วนใหญ่ก็อยู่ที่บ้านแหละ เพราะทุกที่ล้วนล็อคดาวน์) หรือการเรียนก็ต้องปรับมาออนไลน์ในทันที ซึ่งในหลายประเทศหรือแม้แต่ในประเทศไทยเองก็ทุลักทุเลไม่น้อย

ดังนั้นท่ามกลางอนาคตที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนยิ่งกว่าวันไหนหรือยุคสมัยใดเคยเป็นมา ทำให้เราทุกคนได้ย้อนกลับมาสำรวจตัวเองว่าอะไรกันแน่นะที่สำคัญจริงๆ ต่อชีวิตเรา และอะไรบ้างที่ไม่จำเป็นกับชีวิตเราที่สามารถลดทอนออกไปได้

และในช่วง Lockdown หรือ Social distancing หรือ Physical distancing ทั่วโลก สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกันคือทุกคนล้วน Go Online ทุกเพศ ทุกวัย ทุกชนชั้น เพราะนั่นคือสิ่งเดียวที่จะทำให้เราสามารถ connect กับโลกภายนอกได้ท่ามกลางความเครียดและเบื่อหน่ายที่เกิดขึ้น

ออนไลน์กลายเป็นช่องทางเดียวที่เรามีเมื่อเราออกจากบ้านไปไหนไม่ได้ในช่วงล็อคดาวน์ คนมากมายไม่เคยเล่นโซเชียลมีเดียก็หันมาเล่นอย่างจริงจัง บางคนก็ปังแจ้งเกิดเป็น Influencer ชื่อดังในช่วงสั้นๆ นี้ก็มี (ถ้าบอกว่า “เจน นุ่น โบว์” คุ้นมั้ยครับ)

ดังนั้นถ้าจะบอกว่าวิถีชีวิตของชาวโลกเมื่อต้นปีก่อนโควิดมา กับตั้งแต่ช่วงกลางปีเป็นต้นไปเมื่อโควิดระบาดนั้นกลายเป็นโลกคนละใบไปเลยก็ว่าได้ เพราะในช่วงการแพร่ระบาดรอบแรกหรือที่เรียกว่า First wave ของโควิด19 นั้นคนกว่า 3.9 พันล้านคนทั่วโลกต้องล็อคดาวน์อยู่กับบ้าน และนั่นก็ทำให้ทุกคนทั่วโลกที่ต้องล็อคดาวน์ล้วนเห็นความสำคัญของการติดต่อสื่อสารผ่านและค้าขายทาง Social media และ Online channel อย่าไม่มีข้อสงสัยอีกต่อไป วันนี้ทุกคนรู้แล้วว่า Digital ไม่ใช่ทางเลือกแต่คือทางรอด

และสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือพฤติกรรมการออนไลน์ของเราทุกคนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและรุนแรงมากจนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ใครไม่เคยสั่งอาหารออนไลน์เพราะร้านอยู่ใกล้บ้านแค่ขับรถไปห้านาทีก็ถึง กลายเป็นว่าทุกวันนี้หลายคนแม้จะออกไปไหนมาไหนได้แต่ก็เคยชินกับการสั่งออนไลน์มาสั่งที่บ้านแล้ว

ในต่างจังหวัด Food delivery ก็เติบโตขึ้นมากมายจนกลายเป็นรายได้หลักของร้านอาหารน้อยใหญ่ บางร้านปิดหน้าร้านไปแล้วหันมาขายทางออนไลน์อย่างเดียว เปิดเป็น Virtual restaurant บนแอปเท่านั้นก็สามารถทำยอดขายได้มากกว่าตอนเช่าตึกมีหน้าร้านสองถึงสามเท่า เราได้เรียนรู้ว่าใดๆ ในโลกล้วนออนไลน์ได้ทั้งนั้น วันนี้ผมเห็นเทรนด์การแก้บนผ่าน LIVE ของชาวจีนที่ท้าวพระพรหม เมื่อเขาไม่สามารถเดินทางมาบนและแก้บนที่ไทยได้ ก็เลยทำการโอนเงินมาให้นางรำแก้บนแล้วก็ให้พนักงาน LIVE ให้เห็นว่าตอนนี้นางรำกำลังรำแก้บนให้อยู่นะ (เป็นอะไรที่ว้าวกับผมมาก)

สรุป 6 เทรนด์ที่นักการตลาดต้องรู้ Social Media Marketing Trends 2021 จากรายงาน We Are Social - Think Forward 2021 The Social Reset

เราก้าวเข้าสู่ยุคของการ LIVE Streaming Content อย่างจริงจัง หลายคนผันตัวมาเป็น Creator ในแบบที่ไม่คิดว่าจะเป็น แพลตฟอร์ม TikTok จากที่พยายามจะเข้าสู่ตลาดมานานกลายเป็นแจ้งเกิดทันทีเพราะใครๆ ก็ล้วนเข้าไปเป็นดาว TikTok เพราะความเครียดทำให้เราต้องผ่อนคลาย เราเห็น Digital Insight ที่คนออกไปแสดงตัวตนอีกด้านแบบหลุดโลกใน TikTok เพราะเมื่อไม่มีชีวิตดีๆ ให้อวดบน Instagram ก็เลือกจะไปเป็นอีกด้านที่เรียกเสียงฮากันอย่างไม่คาดคิดของดาราดังหลายคน

เราเรียนรู้การใช้เทคโนโลยี AR เพื่อช่วยเรื่อง Digital Experienec สำหรับการช้อปปิ้งได้อย่างรวดเร็ว เครื่องสำอางมากมายประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนี้ในทันทีผ่าน Lens หรือ Filter ก็แล้วแต่ว่าแอปไหนจะเรียกฟีเจอร์ AR ของตัวเองอย่างไร

เราเรียนรู้การจ่ายเงินออนไลน์หรือ Cashless ในแบบที่ไม่ต้องมีโปรโมชั่นใดมาล่อใจ เพราะเรารู้สึกว่าไม่สะดวกใจจะจับหรือรับเงินจากใครแม้แต่พ่อค้าแม่ค้าเองก็ตาม เราเห็นหลายคนเข้าไปอยู่บนเกมออนไลน์กันมากกว่าที่คิด ทำให้เกมอย่าง Animal Crossing ดังเป็นพลุแตกไปทั่วโลกจนแบรนด์ดังๆ ยังอดไม่ได้ที่จะร่วมกับเทรนด์นี้ มีการไปออก Digital collection ของแบรนด์เสื้อผ้าน้อยใหญ่เพื่อกันให้คนยังไม่ลืมแบรนด์ตัวเองไปแม้จะไม่ได้ไปลองใส่หรือสั่งซื้อ

ช่วงโควิดเป็นช่วงที่สินค้าประเภทแฟชั่นขายแทบไม่ได้ เพราะเราใส่ชุดนอน Work From Home ประชุมผ่าน Zoom คุยกับลูกค้าได้โดยไม่มีใครว่า เพราะลูกค้าอีกฝ่ายก็ใส่เหมือนกัน

แต่เมื่อเทคโนโลยีโตขึ้นปัญหาก็ยิ่งโตตาม หรือถูกเห็นได้เด่นชัดมากขึ้น ทั้งปัญหาการแพร่กระจายของ Fake News หรือข่าวปลอมของ Covid-19 จนบรรดาเจ้าของแพลตฟอร์มต่างๆ ต้องพยายามหาวิธีคัดกรองว่าเนื้อหาอันไหนน่าเชื่อถือ หรือเนื้อหาอันนี้มีต้นกำเนิดการโพสมาจากใคร น่าเชื่อถือมากพอหรือไม่ เพราะข่าวลือหรือข่าวลวงมักจะแพร่กระจายไปเร็วกว่าข่าวจริง แถมบางครั้งยังมีดาราคนดังที่ช่วยกระจายข่าวหลอกออกไปโดยทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดตามๆ กันไปมากมาย

และตอนนี้เรากำลังก้าวเข้าสู่ปี 2021 เราได้เห็นผู้คนเริ่มมีมุมมองใหม่ๆ ต่อ Social media หรือ Online channel ทั้งหลายในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผู้คนเริ่มตระหนักมากขึ้นว่าเราควรจะใช้โซเชียลมีเดียอย่างไร โพสที่เราเห็นหรือคอนเทนต์ตรงหน้านั้นน่าเชื่อถือพอหรือไม่ ถ้าเราแชร์ไปแล้วจะดูโง่หรือเปล่าถ้ามันบังเอิญเป็น Fake news หรือข่าวปลอม

และเราทุกคนในวันนี้ได้เรียนรู้วิธีการใช้ Smartphone หรือ Social media หรือรู้ว่าจะใช้อินเทอร์เน็ตอย่างไรให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิตมากกว่าแค่การเล่นสนุกไปวันๆ เราเห็นเทรนด์การเรียนออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นและต่อเนื่องไปแม้จะเลิกล็อคดาวน์แล้ว แพลตฟอร์มการเรียนออนไลน์ต่างๆ เติบโตอย่างมากและกลายเป็นดาวรุ่งที่เรียกว่า EdTech ที่หลายองค์กรอยากเข้ามามีส่วนร่วมกับสิ่งนี้ครับ (ผมเองก็มีงานเรียกไปสอนออนไลน์ หรือทำคลาสออนไลน์แบบ Private ให้องค์กรไม่น้อยเลยหลังจากเลิกล็อคดาวน์)

ดังนั้น Social media marketing trends ในปี 2021 จึงถูกนิยามว่า The Social Reset นั่นก็คือการนิยามการออนไลน์ใหม่อีกครั้ง เมื่อเราไม่ได้ใช้โซเชียลมีเดียเหมือนเดิมอีกต่อไป และเราก็ไม่ได้ออนไลน์แบบตอนต้นปี 2020 ก่อนโควิด19 อีกแล้วครับ

Social Media Marketing Trends 2021 จากสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2020

สรุป 6 เทรนด์ที่นักการตลาดต้องรู้ Social Media Marketing Trends 2021 จากรายงาน We Are Social - Think Forward 2021 The Social Reset

มกราคม 2020

คนกว่าครึ่งบนโลกออนไลน์และอยู่บนโซเชียลมีเดียเรียบร้อยแล้ว

เกิดไฟป่าขนาดใหญ่บนโลกในหลายประเทศ ทำให้คนตระหนักถึงปัญหาภาวะโลกร้อนและเกิดเสียงเรียกร้องบนออนไลน์มากมายให้ต้องใส่ใจในเรื่องนี้

กุมภาพันธ์ 2020

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 เริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก อู่ฮั่นประกาศปิดเมือง

มีนาคม 2020

โควิด19 แพร่ระบาดจากจีนออกไปทั่วโลกจนควบคุมไม่ได้ และนั่นก็ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกอย่างจริงจังจากการเริ่มล็อคดาวน์ของประเทศต่างๆ บนโลกอย่างพร้อมเพรียง

เมษายน 2020

TikTok สร้างสถิติแอปประเภท Social media ที่ถูกดาวน์โหลดมากที่สุดในโลกในช่วงไตรมาสเดียวเท่านั้น

คนกว่าครึ่งนึงบนโลก หรือ 3.9 พันล้านคนต้องถูกล็อคดาวน์ให้อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ เราทุกคนล้วนถูกบังคับให้ต้องปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตใหม่ New Normal ถ้าอยากจะอยู่รอดต่อไป หรือไม่ก็ปิดธุรกิจไปเพราะปรับตัวไม่ได้ทัน

พฤษภาคม 2020

SpaceX (บริษัทของ Elon Musk) เปิดตัวเที่ยวบินอวกาศแรกที่มีลูกเรือไปกับยาน Dragon 2 ซึ่งถ่ายทอดสดออกไปทั่วโลกและได้รับความสนใจจากคนทั่วโลกเช่นกัน

มิถุนายน 2020

การตายของชายผิวดำที่ชื่อว่า George Floyd ก่อให้เกิดกระแสประท้วงสิทธิผลเมืองของคนผิวสี #BlackLiveMatter แพร่กระจายออกไปทั่วโลก ถึงการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐที่ไม่ได้ปฏิบัติต่อพลเมืองอย่างเท่าเทียม

เกิดกระแสการประท้วง Black Live Matter กระจายไปทั่วโลก แม้แต่บ้านเราก็เห็นคนใช้ Picture Profile นี้

J.K. Rowling พูดถึงประเด็นเรื่องสิทธิและเสรีภาพของ Transgender จนกลายเป็นกระแสใหญ่แพร่กระจายออกไปทั่วโลก

กรกฎาคม 2020

อินเดียประกาศแบนแอป TikTok และแอปจีนอื่นๆ อีกกว่า 58 แอป

เกิดกระแสประท้วงต่อต้าน Facebook ขึ้นด้วยแฮชแท็ก #StopHateForProfit ส่งผลให้หลายแบรนด์ประกาศถอดงบโฆษณาบน Facebook ออกมาอย่างชัดเจน

สิงหาคม 2020

Jeff Bezos กลายเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์โลกที่มีทรัพย์สินรวมกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 6 ล้านล้านบาท) ยิ่งจุดประเด็นเรื่องความไม่เท่าเทียมระหว่างชนชั้น เกิดการตั้งคำถามของระบบการปกครองที่ไม่ก่อให้เกิดการกระจายความมั่งคั่งออกไป

Trump ประกาศแบนแอปจากบริษัทสัญชาติจีน โดยบังคับว่าต้องให้มีบริษัทของอเมริกาเข้าไปถือหุ้นครึ่งหนึ่งในบริษัทของแอปใหญ่อย่าง TikTok และ WeChat ได้ถึงจะให้ใช้งานในสหรัฐอเมริกาได้ จากคำแนะนำของนักลงทุนสหรัฐที่แนะนำให้รัฐบาลสหรัฐแบนแอปจีนล้วนทั้งหลายออกไป เพื่อป้องกันผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชาวสหรัฐจากการส่งผ่านข้อมูลออกไป และยังเป็นการเปิดโอกาสให้แอปจีนยักษ์ใหญ่เหล่านั้นมีความเป็นตะวันตกหรืออเมริกามากขึ้น

กันยายน 2020

มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด19 มากกว่า 1 ล้านคนทั่วโลก

เป็นอย่างไรครับกับไทม์ไลน์ของประเด็นสำคัญบนโลกที่เกิดขึ้นบนออนไลน์ในแต่ละเดือนในปี 2020 จะเห็นว่าหนักหน่วงมาก และต่อจากนี้ไปเป็น 6 Social media Trends & Insights 2021 สิ่งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้าของ Digital Consumer จากสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในปีนี้ครับ

6 เทรนด์หลักของ The Social Reset – Social media marketing trends 2021

1. The Simple Life

มีเวลาในการทบทวนชีวิตมากขึ้นว่าอะไรกันแน่คือสิ่งที่ชีวิตต้องการ มีน้อยแต่มีความสุขมาก ให้ความสำคัญกับสิ่งที่สำคัญจริงๆ มีมุมมองกับโซเชียลแบบใหม่ รู้จักเล่นโซเชียลให้เป็นสุข

2. Practical Advocacy

เปลี่ยนโลกจากหน้าจอ แม้ตัวจะไม่ได้ออกจากบ้าน แต่การรวมตัวกันบนออนไลน์ผ่าน Facebook, Facebook Group, Hashtag ใน Twitter หรือ Telegram ก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงขึ้นในโลกจริงๆ ได้

3. In-Feed Intimacy

จากที่เคยเชื่อว่าการติดหน้าจอหรือโซเชียลมีเดียจะส่งผลกระทบในด้านไม่ดีต่อชีวิตจริง หรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง วันนี้เราได้เรียนรู้แล้วว่าเราได้รับกำลังใจดีๆ มากมาย ไปจนถึงความช่วยเหลือเกลื้อกูลกันระหว่างคนแปลกหน้าในช่วงล็อคดาวน์ ซึ่งทั้งหมดทำให้เห็นว่ามิตรภาพหน้าจอมีอยู่จริง

4. Reliable Idols

Influencer ในวันนี้ไม่ใช่แค่คนสวยหล่อหน้าตาดีหรือดาราดังในวันวาน แต่เป็นคนที่มีความรู้น่าเชื่อถือในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะแพทย์ พยาบาล หรือคนในสายงานต่างๆ ที่ดูเป็นตัวจริงคนจริง นี่แหละคือ Influencer ที่กลับมาสู่ความรู้จริงของคนจริง

5. Unbound Platforms

ในวันที่เราทั้งโลก Lockdown ไปด้วยกันทำให้เต็มไปด้วยคอนเทนต์มากมายบนหน้าฟีด แต่ในขณะเดียวกันผู้คนก็เปลี่ยนวิธีการเล่นและใช้โซเชียลมีเดียไปใหม่หมด จากเดิมเป็นพื้นที่ในการผ่อนคลาย กลายเป็นพื้นที่ในการติดตามข่าวสารสำคัญแบบนาทีต่อนาที พวกเขาเปลี่ยนวิธีใช้โซเชียลมีเดียเก่าๆ ด้วยวิธีใหม่ๆ แถมยังขยายไปใช้แพลตฟอร์มใหม่ๆ อย่างจริงจังมากขึ้น

6. Open-Source Creativity

จากเดิมที่โซเชียลมีเดียเคยมีไว้ทำคอนเทนต์สนุกๆ ขำขัน หรืออาจจะไม่ค่อยเน้นสาระเพื่อแย่งชิงความสนใจ เรียก Likes Comments หรือ Shares จากคนบนโซเชียลให้ได้มากที่สุด ก็กลายมาเป็นการ Create Content เพื่อคนบนโซเชียลจริงๆ มากขึ้น เพราะโซเชียลมีเดียเองก็เปลี่ยนจากพื้นที่ๆ เน้นการ Engage ไปเป็นการมีส่วนร่วมหรือ Co-Creation ระหว่างผู้คนบนออนไลน์ด้วยกันเพื่อช่วยเหลือกันและกันจริงๆ

ถ้าพร้อมจะไปต่อกับ Social media trends & Insight 2021 หลังโควิด19 เชิญอ่านต่อได้เลยครับ

สรุป 6 เทรนด์ที่นักการตลาดต้องรู้ Social Media Marketing Trends 2021 จากรายงาน We Are Social - Think Forward 2021 The Social Reset

1. The Simple Time ใช้โซเชียลเพื่อเพิ่มพูนชีวิต

สรุป 6 เทรนด์ที่นักการตลาดต้องรู้ Social Media Marketing Trends 2021 จากรายงาน We Are Social - Think Forward 2021 The Social Reset

“เรารู้แล้วว่าเราใช้โซเชียลเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นและสังคมที่ดีขึ้นได้”

เพราะช่วงหลังๆ มานี้มนุษย์เรามีเรื่องให้เครียดกันมากขึ้นทุกปี ก่อนหน้านนี้ในปี 2019 จากการสำรวจของ Gallup Global Emotions Report บอกให้รู้ว่ามากกว่า 1 ใน 3 ของประชากรโลกบอกว่าตัวเองเครียดเป็นประจำ แต่พอข้ามเข้าสู่ปี 2020 เป็นต้นมาเราก็มีเรื่องให้เครียดครั้งใหญ่กันทั้งโลกตั้งแต่ต้นปี ตั้งแต่ไฟป่าครั้งใหญ่ระดับโลกในหลายประเทศเมื่อต้นปี ผลกระทบจากภาวะโลกร้อน การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 ที่กระจายออกไปทั่วโลกโดยที่วันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะลงเอยอย่างไร บวกกับการประท้วงเรียกร้องสิทธิพลเมืองในหลายๆ ประเทศพร้อมกันบนโลกที่เริ่มตั้งแต่ Black Live Matter และก็แผ่ขยายออกไปยังกลุ่มต่างๆ ที่รู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบมานาน ทำให้เราเริ่มกลับมาให้ความสำคัญกับสิ่งที่สำคัญจริงๆ กับชีวิตและสังคมที่เราอยู่มากขึ้นกว่าการแค่ลองลอยบนโซเชียลไปวันๆ

และคุณค่าผู้คนทั่วโลกต่างต้องการในวันนี้ก็ไม่ใช่แค่สุขภาพดีปลอดภัยไร้โควิดกันทั้งตัวเองและคนในครอบครัว แต่ยังหมายถึงการมีความสุขได้ด้วยสิ่งละอันพันละน้อย เช่น การได้นั่งสมาธิกำหนดลมหายใจให้ตัวเองรู้สึกสงบขึ้น การได้ปลูกต้นไม้และเฝ้าดูมันแตกใบออกมาอย่างมีความสุข การได้ทำอาหารกินเองที่บ้านที่ค่อยๆ อร่อยขึ้นเรื่อยๆ หรือการได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือชุมชน เพื่อนบ้าน หรือแม้แต่คนแปลกหน้าบนโซเชียล ซึ่งเป็นอะไรที่คนละขั้วกับการใช้ชีวิตก่อนหน้าของเราทุกคนมากที่ต้องแข่งกันอวดชีวิตดีๆ บนออนไลน์ สรรหาภาพชีวิตเก๋ๆ ออกมาโพสเพื่อเรียก Likes บน Instagram เรียกได้ว่าไม่ต้องใช้ชีวิตเพื่อแข่งกับชีวิตคนอื่น เพราะช่วงล็อคดาวน์นี้เองที่ทำให้เราไม่สามารถสรรหาอะไรที่หรูหรามาอวดกับเพื่อนได้เหมือนก่อนเลยจริงๆ

ซึ่งนั่นเป็นวิธีปฏิบัติของการเล่นโซเชียลมีเดียที่เป็นมานาน ที่ไม่มีใครโพสชีวิตธรรมดาแล้วจะได้รับความสนใจ เพราะเราถูกสอนผ่านผู้เล่นโซเชียลมีเดียก่อนหน้าให้ต้องเล่นโซเชียลมีเดียแบบนั้น และนั่นก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันของทั่วโลก คือการแข่งกันอวดชีวิตดี๊ดีหรือที่เรียกว่า FOMO ครับ

เพราะช่วงล็อคดาวน์ทำให้เราได้เรียนรู้ที่จะเล่นโซเชียลมีเดียด้วยมุมมองใหม่ เรากล้าที่จะเผยด้านอ่อนแอให้คนเห็นโดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกคนอื่นดูถูกหรือมองข้ามไม่ใส่ใจ เราได้เห็นหลายคอมเมนต์ที่เข้ามาให้กำลังใจระหว่างกัน เราได้เห็นการช่วยเหลือกันมากมายในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน (ช่วงนั้นใครส่งอะไรมาให้ผมช่วยโพส ผมช่วยหมดเลยโดยไม่ถามถึงเรื่องเงินเลยครับโดยเฉพาะกับธุรกิจเล็กๆ)

ก่อนโควิดจะระบาดจนทั่วโลกต้องล็อคดาวน์ เราส่วนใหญ่ต่างใช้โซเชียลมีเดียในแบบที่แย่งเวลาไปกับคนข้างๆ หรือคนในครอบครัวไป แต่ตั้งแต่เกิดล็อคดาวน์ขึ้นมาเรารู้จักใช้โซเชียลมีเดียหรือออนไลน์ในแง่มุมใหม่ ในแง่มุมที่ใช้เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัว หรือใช้เพื่อทำกิจกรรมร่วมกันกับคนในบ้านแทนที่จะแยกกันเล่นของใครของมันเหมือนเดิมอีกต่อไป

ในตะวันออกกลางเกิดเทรนด์ใหม่น่าสนใจระหว่างคนในครอบครัวนั่นก็คือการฟัง Podcast ร่วมกัน หรือเกิดเทรนด์การทำคลิปวิดีโอบน TikTok ร่วมกันระหว่างพ่อแม่และลูกหลายครอบครัวมากที่วันนี้น่าจะกลายเป็นดาว TikTok ไปแล้ว

ไปจนถึงมีคนมากมายทำคลิปแชร์เทคนิคการปลูกต้นไม้ให้แตกหน่อออกใบเพื่อจะได้เอาไปแบ่งปันกัน กิจกรรมการปลูกต้นไม้ไม่ได้โตแค่ในไทยเพราะญาญ่านะครับ แต่เทรนด์นี้เป็นเทรนด์ระดับโลกด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะญาญ่าทำให้ฮิตได้ขนาดนั้นหรือเปล่านะ

หลายคนที่เป็น Guru หรือผู้รู้ในกิจกรรมแบบช้าๆ เนิบๆ กลายเป็นที่นิยมชมชอบในวันที่ติดแหง็กอยู่บ้านจึงไม่ต้องรีบไปไหน เราเริ่มหันมาทำกิจกรรมแบบ Slow hobbies กันมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เราได้ใช้ชีวิตแบบ Slow life อย่างที่ฝันกันจริงๆ กว่า 3.9 พันล้านคนทั่วโลก

นี่เป็นการใช้ Social media แบบใหม่หลังโควิดและจะสืบต่อไปยังปี 2021 ใช้ Digital ที่เข้าถึงสิ่งที่อยากรู้อย่างรวดเร็วเพื่อจะได้ทำกิจกรรมแบบ Slow ต่อไป เราได้ค้นพบความสุขที่เรียบง่าย คือการได้ใช้ชีวิตแบบละเมียดไม่ต้องรีบเร่งนั่นเองครับ

Social Behaviour 2021 – เมื่อคนส่วนใหญ่หันมาออนไลน์เพื่อรู้จักชีวิตที่เรียบง่ายมากขึ้น

1. เราหันมาใช้ Social media เพื่อกับมา Connect กับคนที่เคย Connect กัน

เดิมทีเราเล่นโซเชียลมีเดียเพื่อเชื่อมต่อกับคนที่สนใจในเรื่องเดียวกันแต่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ตั้งแต่โควิด19 ระบาดมาจนต้องล็อคดาวน์กันทุกประเทศทั่วโลก เราก็หันมาใช้โซเชียลมีเพื่อให้คนใกล้ชิดรอบตัวหรือคนที่เคยรู้จักในกลุ่มก้อนเดียวกัน ได้กลับมาคอนเนคกันอีกครั้ง ในต่างประเทศมีการสร้าง WhatsApp group ของคนในพื้นที่ระแวกบ้าน ในบ้านเราก็คงจะเป็น Facebook Group หรือไม่ก็ LINE กลุ่มต่างๆ หรือเกิดเทรนด์การสร้างแฮชแท็ก Local ขึ้นมาเพื่อแชร์ความรู้ว่าเราจะปกป้องตัวเองจากโควิดอย่างไร หรือในช่วงที่อุปกรณ์ป้องกันต่างๆ ขาดแคลนในช่วงแรกเราจะดูแลตัวเองให้ปลอดภัยได้อย่างไร

ในบ้านเราก็คงจะเห็นกลุ่ม ธรรมศาสตร์และการฝากร้าน ที่กลายเป็นข่าวฮือฮาอย่างมาก และจากนั้นก็ก่อให้เกิดกลุ่มต่างๆ มากมายของแต่ละสถาบันตามมา ใครใคร่ค้าค้า ใครใคร่ขายขาย เรียกได้ว่าช่วยกันซื้อช่วยกันขายอย่างเต็มที่ไม่มีกั๊กหรือตัดราคากันเลยทีเดียว

และแม้การล็อคดาวน์จะปลดล็อคแต่กลุ่มต่างๆ ก็ยังไม่ได้จางหายไปในทันที แม้จะไม่ได้ Active กันคึกคักเท่าตอนช่วงล็อคดาวน์ แต่ก็ยังมีการเข้าไปหาซื้อของที่สนใจหรือติดต่อเพื่อนร่วมชั้นให้มาช่วยงานโน่นนี่นั่นกันมากขึ้น นี่คือช่วงเวลาแห่งการหวนกลับมา Connect กับคนที่เคย Connect กันเมื่อครั้งวันวานจริงๆ ครับ

2. หนีโควิดในชีวิตจริงไปสู่ชีวิตในเกมออนไลน์

สรุป 6 เทรนด์ที่นักการตลาดต้องรู้ Social Media Marketing Trends 2021 จากรายงาน We Are Social - Think Forward 2021 The Social Reset

เมื่อชีวิตจริงเราแก้โควิดไม่ได้จึงต้องหนีหลบมาอยู่ในบ้านกันทั่วโลก เราจึงเลือกที่จะหนีปัญหาในชีวิตจริงเข้ามาสู่การใช้ชีวิตสนุกสนานผ่านเกมออนไลน์ คุณคงเคยได้ยินเกมดังอย่าง Animal Crossing ซึ่งดังเป็นกระแสไปทั่วโลกด้วยคาแรคเตอร์ที่น่ารักๆ เน้นเล่นเพื่อคลายเครียดจากข่าวการติดเชื้อและการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด19 หรือเราอาจจะเห็นการทำคลิปตลกๆ บน TikTok ประหนึ่งว่าโควิดไม่มีจริงหรือไม่ได้น่ากลัวอะไร แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าเรื่องจริงยังไม่ใช่แบบนั้น

ดังนั้นเราเริ่มเห็นพฤติกรรมการหนีปัญหาที่แก้ไม่ได้ในโลกจริง ไปสู่การใช้ชีวิตแบบไม่รับรู้ปัญหาชั่วคราวบนเกมออนไลน์ เพื่อที่เราจะได้รู้สึกสดชื่นทางใจกลับมาเพื่อรับมือกับปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้ต่อไปครับ

3. Influencers สาย Slow life กำลังมาแรงในปี 2021

สรุป 6 เทรนด์ที่นักการตลาดต้องรู้ Social Media Marketing Trends 2021 จากรายงาน We Are Social - Think Forward 2021 The Social Reset

จากเดิมเรามักติดตามคนดังบนออนไลน์ที่มีชีวิต Lifestyle อวดความอู้ฟู่ทุกวัน แต่เมื่อโควิดมาไม่มีใครให้ออกไปใช้ชีวิตน่าอวดนอกบ้านได้เหมือนเก่า ทำให้เรามีเวลามากมายที่จะต้องหาอะไรสักอย่างทำในบ้านเพื่อไม่ให้สติแตกไปก่อน และนั่นก็เลยทำให้เหล่าคนที่ชอบกิจกรรมยามว่างๆ แบบ Slow life จำพวกเย็บปักถักร้อย หรือปลูกต้นไม้ทำสวนกลายเป็นที่นิยมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

คนเหล่านี้ถูกนิยามว่า Gradening TikTok หรือคนที่ออกมาทำคลิปสอนการปลูกต้นไม้ จะรดน้ำอย่างไร พรวนดินอย่างไร พาไปเจอแสงแดดตอนไหน หรือคนที่ออกไปใช้ชีวิตแบบ Slow life อย่างการนอนอ่านหนังสือในสวนที่บ้าน หรือบางคนก็หนีออกไปพักที่บ้านนอกต่างจังหวัดใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายซึ่งขัดกับชีวิตก่อนหน้าล็อคดาวน์อย่างมากครับ หรือจะเป็นการนิยมหันมาปลูกพืชผักสวนครัวรั้วกินได้กันมากขึ้นในบ้าน ที่ทำนองว่าต่อให้ไม่ต้องออกไปนอกบ้านฉันก็ยังหาต้นไม้ใบหญ้ากินในบ้านได้

ตั้งแต่เกิดล็อคดาวน์ทั่วโลกจะเห็นว่าผู้คนรู้จักใช้โซเชียลมีเดียในแง่มุมใหม่อย่างการหากิจกรรมเพื่อสร้างความสุขในชีวิตจริงๆ มากขึ้น เกิดกลุ่มทำอาหารขึ้นบนโลกออนไลน์ ไม่ต้องแข่งกันไปกินหรูให้น่าอิจฉา แต่แข่งกันว่าใครจะทำออกมาได้ดูน่ากินมากกว่ากันด้วยวัตถุดิบที่เรียบง่ายเหมือนกันต่างหากครับ อย่างในบ้านเราก็เช่นการแข่งกันทอดหมูกรอบให้กรอบน่ากินด้วยหม้อทอดไร้น้ำมันก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ

สรุป 6 เทรนด์ที่นักการตลาดต้องรู้ Social Media Marketing Trends 2021 จากรายงาน We Are Social - Think Forward 2021 The Social Reset

มีคนสวนที่ปลูกต้นไม้เก่งๆ คนนึงบน TikTok ที่มีคน Likes กว่า 7 ล้านครั้งทั้งที่เพิ่งสร้างบัญชีเอาก็ตอนก่อนล็อคดาวน์นิดเดียวนี่เอง

Brand & Marketing จะประยุกต์ใช้เทรนด์ The Simple Life นี้อย่างไร

แนวทางที่ Brand และ Marketing จะเอาเทรนด์ The Simple Life นี้ไปประยุกต์ใช้คือต้องทำให้คนเห็นว่าเราเองก็กลับมาโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญต่อกลุ่มเป้าหมายจริงๆ มากขึ้น ไม่ต้องทำโฆษณาหรือการตลาดที่ฟุ้งเฟ้อชวนฝัน แต่กลับมาโฟกัสกับเรื่องเล็กๆ แต่สำคัญจริงๆ เท่านั้น

เราต้องหันมาใช้โซเชียลมีเดียเพื่อเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าโดยตรงให้ความสนใจในสิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญ แล้วเราจะกลายเป็น Brand top of mind ในปี 2021 ของพวกเขาได้ครับ

1. ชวนคนมาดีใจกับเรื่องเล็กๆ Little things big happiness

เมื่อก่อนเราบอกว่าคนต้องทำเรื่องใหญ่ๆ ให้ปังถึงจะประสบความสำเร็จ ในวันที่โลกเต็มไปด้วยความเครียดและการแข่งขันนั้นใช่ แต่วันนี้คนมากมายรู้แล้วว่าอะไรที่สำคัญกับชีวิตจริงๆ ดังนั้นเราต้องไม่พาคนไปเครียดด้วยการตั้งเป้าหมายใหญ่ๆ แต่ต้องหันมาชวนให้คนได้ทำในสิ่งเล็กๆ แต่สำเร็จได้ง่ายๆ ให้คนมีความสุขกับเรื่องเล็กน้อยในแต่ละวันไปด้วยกันเพื่อที่เขาจะได้มีความสุขเมื่อ Connect กันเราครับ

ความสุขในเรื่องเล็กๆ ที่ทำได้ทุกวันอาจจะเป็น ชวนคนในครอบครัวมาถ่ายรูปร่วมกันแล้วโพสลงโซเชียลออกไป หรือการฝึกทำเมนูเด็ดของตัวเองให้ดียิ่งขึ้นด้วยวัตถุดิบง่ายๆ เรียกได้ว่าต่อให้เกิดล็อคดาวน์ครั้งหน้าก็มีจานเด็ดผลัดกันเสริฟคนในบ้านแล้วมีเรื่องให้คุยกันไม่มีเบื่อ

เพราะชีวิตเราเรียบง่ายจนไม่ต้องทำเรื่องใหญ่ให้สำเร็จถึงค่อยมีความสุขก็ได้ครับวันนี้ จงเป็นแบรนด์เล็กที่ยิ่งใหญ่ในใจคน ชวนคนมาทำสิ่งเล็กๆ ให้สำเร็จไปด้วยกันทุกวันนะครับ

2. Support Small Communities Fast Impact จับกลุ่มเล็กแต่เห็นผลทันที

เราเห็น Insight ใหม่แล้วใช่ไหมว่าผู้คนหันมาเชื่อมต่อกับกลุ่มเล็กๆ ของตัวเองกันมากขึ้น ทั้งกลุ่มนักเรียนเก่า กลุ่มคนระแวกบ้าน หรือกลุ่มคนในชุมชนของตัวเองจริงๆ ที่พบเห็นหน้ากันทุกวันแต่อาจจะไม่สามารถเดินทางไปมาหาสู่กันได้เหมือนเดิม นี่คือพื้นที่ใหม่ที่เกิดขึ้นบนโซเชียลมีเดียที่ยังไม่เคยมีแบรนด์ใดเข้าไปจับจอง Facebook Groups มากมายเกิดขึ้นในช่วงนี้และก็ขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว บางแบรนด์ก็หันมาสร้าง Facebook Groups ที่มีความ Specialist เฉพาะด้านแต่ก็ยังเกี่ยวกับแบรนด์หรือธุรกิจได้ตรงๆ

เช่น Heineken หันมาสนับสนุนการจัดงานเล็กๆ ในหมู่บ้านบางพื้นที่บนโลกเพื่อให้ผู้คนในชุมชนเล็กๆ ได้กลับมาคอนเนคกันอีกครั้ง หรือแบรนด์ชีสบางแบรนด์ก็หันมาสปอนเซอร์พนักงานคิดเงินในร้านขายชีสแห่งนึงในเกาะอังกฤษ ด้วยความที่เธอเป็นผู้รู้เรื่องชีสเพราะขายมานานหลายสิบปี ดังนั้นแม้ช่องทาง Social media เธอจะมีผู้ติดตามแค่หลักพัน แต่รู้มั้ยว่าทุกครั้งที่เธอโพสนั้นทำให้คนแห่กันซื้อตาม หรือถ้าเธอแสดงความเห็นในเรื่องชีสครั้งได้เป็นอันไร้ข้อสงสัยจากผู้ติดตามทั้งหลายพันคนของเธอในทันที

นี่แหละครับการจับกลุ่มเล็กแต่สามารถเกิด Impact ได้จริงๆ

สรุปเทรนด์ที่ 1 – The Simple Time โซเชียลอย่างเรียบง่าย

จากที่เคยเล่นโซเชียลแล้วรู้สึกว่าทำไมตัวเองถึงด้อยกว่าคนอื่นมากมายนัก ทำไมเขาได้ไปโน่น ทำไมเขาถึงมีนั่น ทำไมเขาถึงดูรวยจัง หรือทำไมไม่เห็นมีใครมา Likes, Comments หรือ Shares เยอะๆ แบบเขาคนนั้นบ้างเลย มาวันนี้เราได้เรียนรู้วิธีการใช้โซเชียลเพื่อทำให้ตัวเองมีความสุขกับชีวิตในแบบที่เรียบง่าย ไม่ต้องมีอะไรมากมายก็มีความสุขได้ แค่ได้ทำสิ่งเล็กๆ ง่ายๆ ได้สำเร็จทีละนิด และได้กลับมา Connect กับคนที่เคยสนิทอีกครั้งครับ

2. Practical Advocacy โพสพลิกโลก จากนักเลงคีย์บอร์ด สู่นักปฏิวัติดิจิทัล

สรุป 6 เทรนด์ที่นักการตลาดต้องรู้ Social Media Marketing Trends 2021 จากรายงาน We Are Social - Think Forward 2021 The Social Reset
Credit – https://news.ucdenver.edu/social-media-and-u-s-politics-a-tool-for-change/

Armchair activism หรือนักเลงคีย์บอร์ด หรือจะเรียกว่าเกรียนออนไลน์ในบ้านเราก็ว่าได้ เพียงแต่วันนี้พวกนักเลงคีย์บอร์ดหรือคนที่เคยถูกมองว่าดีแต่โพส เก่งแต่บนออนไลน์ สามารถสร้างผลกระทบจริงให้เกิดขึ้นบนที่ออฟไลน์หรือนอกจอได้มากมายอย่างไม่น่าเชื่อ

ในปี 2020 ปีแห่งมหากาพย์โควิด19 เมื่อเราทุกคนต้องติดอยู่กับบ้านออกไปไหนไม่ได้ ทำให้การแสดงความคิดเห็นมากมายบนโลกออนไลน์สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงบางอย่างบนโลกจริงๆ ให้เกิดขึ้นมาหลายต่อหลายครั้ง กลายเป็นว่าการรวมกลุ่มบนออนไลน์ไม่สามารถมองข้ามหรือปล่อยผ่านไปได้ของภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ เพราะเราเริ่มเห็นกระแสรวมตัวของกลุ่มผู้ประท้วงทั่วโลกที่ล้วนเกิดขึ้นจากการรวมกลุ่มก้อนกันบนออนไลน์ทั้งในบ้านเราและต่างประเทศครับ

วันนี้โซเชียลมีเดียไม่ได้เป็นแค่เรื่องของชีวิตบนออนไลน์ แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตเราทุกคนบนโลกจนแยกกันไม่ออกและปฏิเสธไม่ได้อีกต่อไปว่าโพสบนออนไลน์จะไม่ส่งผลต่อชีวิตออฟไลน์เหมือนก่อน

หลายประเทศไม่ใช่แค่ในไทยมากลุ่มการออกมาเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพพลเมืองมากขึ้นในช่วงเวลาล็อคดาวน์ดังกล่าว ผู้คนในวันนี้ได้เรียนรู้ว่าเราสามารถใช้โซเชียลมีเดียเพื่อเรียกร้องกับระบบที่ไม่เป็นธรรมต่างๆ ในสังคมได้ ทั้งความเหลื่อมล้ำ หรือความไม่เท่าเทียมในหลายๆ ด้าน หรือแม้แต่เรียกร้องความปกครองที่ชอบธรรมมากขึ้น รวมไปถึงการโพสเพื่อร่วมแรงร่วมใจกันหาทางออกกับปัญหาภัยธรรมชาติทั้งหลายที่แม้จะไม่ได้เกิดขึ้นหลังบ้านเรา แต่ก็รู้สึกว่าไฟป่าครั้งใหญ่ในครั้งนี้มันกระทบโลกทั้งใบจริงๆ

เราเห็น Content Creator มากมายทั้งหน้าใหม่ที่แจ้งเกิดจากช่องทางนี้ หรือหน้าเก่าจากช่องทางอื่นที่หันมาใช้ TikTok กับเรื่องการเมืองการปกครองไม่ได้แค่เต้น Cover หรือ Lipsing หรือทำคลิปตลกๆ เท่านั้น

เราเห็นการใช้เครื่องมืออย่าง Googld Docs มากมายในการแชร์ความรู้และส่งการบ้านผ่านทางออนไลน์ในช่วง Learn From Home เป็นอย่างมากในแบบที่ไม่เคยเป็นมา

เราเห็นผู้คนเริ่มฉลาดขึ้นกับปัญหาเรื่องข่าวปลอมหรือ Fake NEWS ว่าแค่เห็นพาดหัวข่าวแบบ Clickpait ก็สามารถเดาออกจนไม่ต้องเสียเวลากดเข้าไปอ่าน เราเริ่มเห็นแบรนด์จำนวนมากไม่ได้นิ่งเฉยกับระเด็นปัญหาต่างๆ ในสังคมจนเริ่มออกมาเรียกร้องแทนประชาชนหรือกลุ่มเป้าหมายอย่างไม่เกรงกลัวผู้มีอำนาจ หรือเราอาจจะเรียกประเด็นนี้ว่า Brand Democracy ก็ได้ครับ

เราเริ่มเห็นกระแสแฮชแท็ก #PullUpOrShutUp (ทำนองว่า จะออกมาพูดหรือจะเลือกอยู่เฉยๆ แล้วปล่อยให้ทุกอย่างมันฉิบหายไป) กับ UOMA แบรนด์ด้านความสวยความงามที่ออกมาเรียกร้องเรื่องความปฏิบัติอย่างเทียบเทียมกับความแตกต่างหลากหลายของผู้คนในองค์กร

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเอาโซเชียลมีเดียมาใช้กับการประท้วงและเรียกร้องทางการเมืองที่เกิดขึ้นไปแทบทุกประเทศทั่วโลก กระแสที่ใหญ่สุดในปี 2020 กับเรื่องนี้ก็คงหนีไม่พ้นประเด็น Black Live Matter ที่เรียกร้องความเท่าเทียมอย่างแท้จริงให้กับคนผิวสีและคนกลุ่มน้อยที่ไม่ใช่คนผิวขาวหรือคนส่วนใหญ่ในประเทศนั้น

ผู้คนก็เริ่มเรียนรู้การเอาฟีเจอร์ต่างๆ ของแพลตฟอร์มออนไลน์มาใช้กับการประท้วงมากขึ้น ในอเมริกามีการประยุกต์ใช้ฟีเจอร์ Snap Mals ใน Snapchat เพื่อบอกให้เพื่อนๆ หรือคนที่สนใจรู้ว่าตอนนี้กำลังมีการเดินประท้วงอยู่ที่ไหนแบบ Real-time ในบ้านเราก็คงหนีไม่พ้นกลุ่มเยาวชนปลดแอกที่มีทั้ง Facebook Fan Page มีทั้ง Facebook Groups และพอมีข่าวว่าจะโดนปิดพวกเขาก็รีบย้ายไปอยู่บน Telegram เรียกได้ว่าคนไทยส่วนใหญ่รู้จักและหัดใช้ Telegram เพราะพวกเขาเลย

แบรนด์ต่างๆ ก็มีทั้งที่ออกมาแสดงความเห็นในประเด็นทางสังคมและการเมืองมากขึ้น บ้างก็เรียกร้องไม่สนับสนุนความรุนแรง บ้างก็แสดงออกค่อนข้างชัดว่า Support ด้านไหนกับประเด็นดังกล่าว บ้างก็ออกมากดดันหน่วยงานนานาชาติที่ตัวเองสนับสนุนให้ทุนอยู่มานาน เรียกได้ว่าเรื่องการเมืองกลายเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ไปแล้ว

สรุป 6 เทรนด์ที่นักการตลาดต้องรู้ Social Media Marketing Trends 2021 จากรายงาน We Are Social - Think Forward 2021 The Social Reset
Credit – https://www.socialfresh.com/facebook-boycott/

Facebook เองก็ถูกกดดันจากผู้คนผ่านกระแสแฮชแท็ก #StopHateForProfit เพื่อบอกให้เฟซบุ๊กเลิกรับเงินจากโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับการเมืองจากฝ่ายที่มีทั้งเงินและอำนาจ และการเรียกร้องของผู้คนบนออนไลน์ผ่านแฮชแท็กดังกล่าวก็มีผลขนาดกระทบราคาหุ้นของ Facebook ในตลากหลักทรัพย์อย่างชัดเจน ส่งผลให้หลายแบรนด์ประกาศถอดโฆษณาของตัวเองออกจาก Facebook หรือระงับการใช้งบโฆษณากับ Facebook ไปก่อน

ในกรณีของบ้านเราที่ดูจะใกล้เคียงก็คงหนีไม่พ้นแฮชเท็ก #แบนเนชั่น และก็ตามมาด้วยการแบนแบรนด์ต่างๆ ที่ไปลงโฆษณากับช่องเนชั่น หรือช่องอื่นๆ ที่ถูกมองว่าไม่ได้เสนอข่าวแบบตรงไปตรงมา และแม้แต่ดารา คนดัง หรือที่เราเรียกกันว่า Influencer ก็ถูกกระแสแฮชแท็ก #แบน… ตามไปด้วยถ้าพบว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตัวเอง และยังรวมไปถึงการถูกถามกึ่งบังคับว่าตกลงเธอจะเลือกฝั่งไหน หรือทำไมเธอไม่ช่วยออกมาพูดอะไรสักอย่างกับเรื่องนี้ จนทำให้ดาราคนดังหรือ Influencer หลายคนทำตัวไม่ถูก ไม่แสดงออกก็ถูกติดป้ายว่าอยู่ฝั่งตรงข้าม ทั้งที่บางคนรู้สึกไม่สบายใจที่จะแสดงออกอะไรในตอนนั้น

เราเห็นการใช้ Social media เพื่อหวังผลทางการเมืองอย่างจริงจังในปี 2020 ที่เกิดขึ้นพร้อมกันทั่วโลกไม่ใช่แค่ในบ้านเรา เราได้ค้นพบว่าเราสามารถร่วมพลังกันพูดบนออนไลน์แล้วสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้ในโลกออฟไลน์นอกจอ นักเลงคีย์บอร์ดวันวานถูกเรียกว่า Social activism หรือผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงจากหน้าจอครับ

พฤติกรรมอะไรบ้างที่เปลี่ยนไปกับการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง

จากเล่นโซเชียลมีเดียเพื่อสนุกสู่การใช้เพื่อสู้กับประเด็นปัญหาในสังคม

ตั้งแต่โควิดเข้ามาทำให้พฤติกรรมการใช้งานโซเชียลมีเดียเปลี่ยนไปมากในระยะเวลาสั้นๆ จากเดิมที่เคยใช้โซเชียลมีเดียเพื่อโพสอะไรสั้นๆ แล้วผ่านไป ไปสู่การใช้พูดคุยแบบยาวๆ ในแพลตฟอร์มที่คุ้นเคยไม่ว่าจะ Twitter หรือ Instagram ที่พอตามแฮชแท็กก็สามารถกลายเป็น Long-form ได้ง่ายๆ

ผู้คนในวันนี้หันมาใส่ใจกับโพสที่เกี่ยวข้องกับประเด็นปัญหาในสังคมหรือการเมืองรอบตัวมากขึ้น ซึ่งทำให้พวกเขาใช้เวลากับ Influencer สาย Lifestyle ลดลงไป เพราะจากเดิมที่พื้นที่บนออนไลน์อย่างโซเชียลมีเดียถูกมองว่าเป็นแค่ที่บ่นหรือระบายเท่านั้น กลายเป็นเราสามารถจุดประเด็นให้เกิดการรวมตัวของผู้คนมากมายกับประเด็นต่างๆ ได้จริงๆ ด้วยจุดเริ่มต้นจากโพสไม่กี่โพสหรือจาก Influencer ไม่กี่คนอย่างที่เห็นผ่านการรวมตัวของม็อบต่างๆ ในบ้านเราครับ

Social Behavior Change 2021 – กับการออนไลน์ที่ส่งผลต่อสังคมออฟไลน์

1. PowerPoint Activism เล่าเรื่องยาวๆ และยากๆ ผ่าน Instagram ด้วยมุมมองใหม่

เดิมที Instagram ถูกมองว่าเป็น Social media platform ที่เอาไว้อวดรูปภาพต่างๆ มากกว่าการอ่านข้อความยาวๆ ทำให้ไม่น่าจะถูกนำมาใช้เพื่อให้ความรู้หรือข้อมูลหนักๆ โดยเฉพาะกับประเด็นทางการเมืองได้

แต่ก็เกิดสิ่งที่เรียกว่า PowerPoint Activism ที่คิดและออกแบบโดย VOX (สำนักข่าวออนไลน์ในต่างประเทศ) พวกเขาเล่าเรื่องยากๆ และยาวๆ ผ่านแนวคิดแบบ Slide PowerPoint ด้วยการโพสแบบ Carousel บน Instagram ที่ผมเข้าไปดูยังต้องร้องว้าวเพราะยอมรับว่าเก๋ไก๋ไม่เหมือนใครมากๆ ครับ (เข้าไปดูที่ @soyouwanttotalkabout)

นี่เป็นการใช้ฟีเจอร์เดิมๆ อย่าง Carousel บน Instagram ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน(สำหรับผม) เพื่อเล่าเรื่องราวในมุมใหม่ๆ โดยเฉพาะการเล่าเรื่องที่ไม่น่าจะถูกเอามาเล่าบนช่องทางนี้ได้อย่างการเมือง กฏหมาย สังคม หรือแม้แต่ประเด็นปัญหาต่างๆ ในสังคมครับ

2. คนรุ่นใหม่ใช้ Social media เพื่อเอาคืนนักการเมืองที่ตัวเองไม่ชอบจนเกิดผลกระทบได้จริง

ในสหรัฐอเมริกาวัยรุ่น Gen Z ได้โพสคลิปต่างๆ ลงบน TikTok เพื่อล้อเลียน Donald Trump จนเสียหายกลายเป็นข่าวกระแสหลักมาแล้ว จากประเด็นที่ออกไปพูดปราศัยหาเสียงแต่กลับไม่มีใครมาเข้าร่วมฟังจนมีที่นั่งว่างมากมายในสนามกีฬาแห่งนั้น หรือแม้แต่ไปร่วมกันรีวิวในแง่ลบกับแอปข่าวที่ดูเหมือนจะอวย Donald Trump เกินไปจนส่งกระทบต่อการทำงานจริงในโลกออฟไลน์

ถ้าเปรียบกับบ้านเราก็กระแส Bully นักการเมืองหรือคนดังที่ตัวเองไม่ชอบนี่แหละครับ กับกระแสแฮชแท็ก #แบน… มากมายที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว เราเห็นแล้วว่าการรวมกลุ่มของคนรุ่นใหม่บนออนไลน์ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่จะไม่ใส่ใจเหมือนเดิมได้อีกแล้ว นั่นเลยทำให้หลายแบรนด์พยายามใช้เครื่องมืออย่าง Social listening เพื่อติดตามดูว่าตอนนี้แบรนด์ตัวเองโดนทัวร์ลงแล้วหรือยัง เพื่อจะได้รีบแก้เกมได้ทันก่อนจะลุกลามจะแบรนด์ที่สร้างมาเสียหายใหญ่

3. ใช้โซเชียลเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม

สรุป 6 เทรนด์ที่นักการตลาดต้องรู้ Social Media Marketing Trends 2021 จากรายงาน We Are Social - Think Forward 2021 The Social Reset

ในต่างประเทศเกิดเทรนด์การโพสรูปใส่ filter ขาวดำพร้อมกับติดแฮชแท็ก #ChallengeAccepted ของบรรดาผู้หญิงมากมายทั้งคนดังและคนทั่วไป ว่ากันว่าเพื่อรวมตัวกันแสดงให้เห็นถึงพลังของผู้หญิงที่พร้อมซัพพอร์ทกันโดยไม่แบ่งแยกสีผิวหรือเชื้อชาติ ว่ากันว่ามาจากกรณีของคดีของผู้หญิงในประเทศตุรกีคนหนึ่งที่ถูกสรุปว่าฆ่าตัวตายทั้งที่ผู้คนเชื่อว่าน่าจะมีจากการฆาตกรรมมากกว่า บริบทการใช้โซเชียลเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมจนกลายเป็นรูปธรรมเริ่มเห็นมากขึ้นในหลายทั่วโลก ในบ้านเราก็มีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ ซึ่งนี่เป็นอีกพฤติกรรมใหม่ในการใช้โซเชียลมีเดียไม่ใช่เพื่อเล่น แต่เล่นเพื่อการเปลี่ยนแปลงครับ

จากการสำรวจพบว่า Gen Z ชาวอเมริกันใช้ Social media เพื่อสนับสนุนประเด็นทางการเมืองในเรื่อง Black Live Matter กว่า 78%

แนวทางการทำ Social Media Marketing 2021 กับประเด็นร้อนแรงในสังคมและการเมือง

สรุป 6 เทรนด์ที่นักการตลาดต้องรู้ Social Media Marketing Trends 2021 จากรายงาน We Are Social - Think Forward 2021 The Social Reset
Credit – http://udreview.com/what-happened-to-blm-posts/

จากกระแสแฮชแท็กดังในอเมริกา #BlackoutTuesday สืบเนื่องมาจากการประท้วงเรื่อง Black Live Matter ส่งผลให้บรรดาศิลปินหรือคนในวงการเพลงออกมาโพสภาพสีดำล้วนบน Instagram ของตัวเองเพื่อสนับสนุนในประเด็นการเลือกปฏิบัติของเจ้าหน้าที่กับคนผิวสีในประเทศ

เรียกร้องให้แบรนด์ต่างๆ หรือภาคธุรกิจต้องจัดการกับเรื่องการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมในที่ทำงานของตัวเอง หรือแม้แต่การสื่อสารพูดคุยระหว่างกัน แน่นอนว่าแม้เรื่องนี้จะเป็นประเด็นใหญ่ขึ้นมาในสหรัฐอเมริกาและในระดับโลก แต่เรื่องนี้ก็มีมานานมากจนใช่ว่าจะสามารถแก้ไขได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่งต้องรอดูกันว่าในปี 2021 นี้ประเด็น Black Live Matter จะทำให้สถานการณ์การเหยียดเชื้อชาติดีขึ้นได้หรือไม่

ซึ่งแบรนด์ต่างๆ ก็ต้องระวังในการสื่อสารหรือโพสอะไรออกไปบนโซเชียลมีเดียทุกๆ ช่องทางว่าจะไปกระทบเรื่องนี้หรือไม่ จะเลือกสนับสนุนหรือเลือกวางเฉยไม่ยุ่งเกี่ยวใดๆ เพราะอย่างที่บอกครับว่าต่อให้คุณไม่แสดงออกใดๆ ผู้คนก็อาจจะมองว่าคุณเลือกฝั่งตรงข้ามกับสิ่งที่พวกเขาออกมาเรียกร้องไปแล้ว

ดังนั้นทางที่ดีที่สุดสำหรับแบรนด์ในการทำโซเชียลมีเดียในปี 2021 กับประเด็นปัญหาในสังคมที่ผู้คนกำลังให้ความสนใจ คือต้องออกมาสนับสนุนในเรื่องที่ตรงกับจุดยืนของแบรนด์ หรือออกมาให้ความรู้ที่ถูกต้องเพิ่มขึ้นในประเด็นต่างๆ ครับ

1. ชี้ให้เห็นประเด็นที่เป็นปัญหา และก็ให้ความรู้กับผู้คนในสิ่งที่ควรจะเป็น

จากประเด็นเรื่อง Black Live Matter ที่เกิดขึ้น ทางแบรนด์ระดับโลกอย่าง P&G เองก็ได้ทำแคมเปญที่ชื่อว่า The Look เพื่อชี้ให้คนส่วนใหญ่เห็นว่าคนผิวชาวหรือใครต่อใครมักจะมองคนผิวสีหรือคนผิวดำในแง่ลบอยู่เสมอ

จากหนังโฆษณาจะเห็นว่าคนส่วนใหญ่มองเขาเหมือนเป็นตัวแปลกที่ไม่อยากเข้าใกล้ (ซึ่งจากมุมมองที่ฉายก็จะเป็นคนผิวขาวชนชั้นกลางทั่วไป) และตอนจบโฆษณานี้ก็หักมุมใหม่ให้เห็นว่าแท้จริงแล้วคนดำที่ใครต่อใครมองเหยียดนั้นกลับเป็นผู้พิพากษาที่นั่งบนบัลลังก์ให้ความยุติธรรมกับผู้คน

แต่จากมุมมองในตอนท้ายที่พอชาวผิวดำคนเดิมใส่ชุดผู้พิพากษา ก็กลับได้รับสายตาในการจ้องมองมาเป็นอีกแบบ และทาง P&G ก็ไม่ได้ทำแคมเปญนี้ขึ้นมาแค่หนังโฆษณาแล้วหวังว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่พวกเขายังให้ทุนการศึกษาแก่คนผิวสีเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในระยะยาว ไม่ใช่แค่กับในแง่ของปัจเจกบุคคล แต่พวกเขาคาดหวังว่าจะเกิด impact ในระดับสังคมครับ

จากเดิมการตลาดของแบรด์จะเป็นอะไรที่ทำเพื่อตัวเองอยู่เสมอ หรือบอกให้คนคิดถึงแต่ตัวเองอยู่ตลอด แต่นี่คือการทำการตลาดเพื่อสร้างทัศนคติใหม่เรื่องความเท่าเทียมหรือลดการเหยียดสีผิวในสังคมออกไป แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงเรื่องใหญ่ระดับนี้ไม่ง่าย แต่ถ้าทุกคนช่วยกันและได้ระยะเวลาที่นานพอหลายสิ่งในสังคมก็คงจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับครับ

2. ฟังเสียงของผู้คนบน Social แล้วเอาบอกต่อให้ดังแล้วจะได้ใจ

บางครั้งถ้าแบรนด์อย่างเราไม่รู้จะพูดอะไรดี หรือควรจะเล่นกับประเด็นไหน ก็ลองเปิดใจให้กว้างแล้วก็ค่อยๆ เลือกดูว่าประเด็นไหนที่กลุ่มเป้าหมายที่เราสนใจกำลังพูดถึง หรือประเด็นไหนที่ถูกพูดถึงซ้ำๆ เป็นประจำสำหรับคนบางกลุ่มแต่กลับไม่เคยมีใครสนใจหรือรับฟังในสิ่งที่คับข้องใจพวกเขาเลย

เหมือนกับที่ Starbucks ฟังเสียงของกลุ่มเป้าหมายที่เป็น Transgender หรือคนข้ามเพศที่กำลังเป็นประเด็นร้อนแรงบนโซเชียลในปีที่ผ่านมา เมื่อพวกเขาตั้งใจฟังอาจจะด้วยการใช้ Social listening tool จึงทำให้พบว่า กลุ่ม Trans เหล่านี้มีความคับข้องใจในเรื่อง “ชื่อ” มานานเหลือเกิน

เช่น บางคนพ่อแม่ตั้งชื่อให้ว่า “สมศักดิ์” เพราะตอนเกิดมาเห็นเป็นผู้ชาย แต่พอเริ่มโตขึ้นมาหน่อยเจ้าตัวก็รู้สึกว่าจริงๆ แล้วแม้เพศสภาพจะเป็นชายแต่เพศในใจของฉันเป็นหญิงเกิน 100

ความคับข้องใจของเขาคือชื่อของเขาในที่ต่างๆ ก็เรียกตามชื่อในบัตรประชาชนหรือทะเบียนราษฎร์ที่พ่อแม่ตั้งไว้ให้แต่กำเนิด แต่อาจจะด้วยวุฒิภาวะยังไม่ถึงขั้นที่จะสามารถเปลี่ยนชื่อด้วยตัวเองได้ ทำให้ตัวเองเลยต้องได้ยินชื่อที่บาดหูไม่ชอบอยู่ตลอดเวลาและนั่นก็คือความขมขื่นที่ดูเหมือนจะเล็กแต่กลับยิ่งใหญ่ในกลุ่มคนข้ามเพศหรือที่เรียกว่า Transgender ครับ

ทาง Starbucks ก็เลยหยิบประเด็นเล็กๆ ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้สึกมาเล่าเป็นแคมเปญการตลาดใหญ่ที่ชื่อว่า What’s your name ให้พวกเขารู้สึกว่าแบรนด์ใหญ่อย่างเราก็สนใจและเป็นกำลังใจให้คุณอยู่นะ แคมเปญนี้จึงได้ใจของกลุ่ม Transgender ทั้งหลายไปเกิน 100 แถมยังได้ใจกลุ่มคนไม่ได้เป็น Trans แต่รู้สึกเข้าใจและเห็นใจของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเป็นอย่างดี

และนั่นก็ทำให้สังคมตื่นตัวมากขึ้นกับประเด็นนี้ที่อาจจะถูกมองข้ามมานาน นี่ก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางว่าแบรนด์อย่างเราจะช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมได้อย่างไร นั่นก็คือเลือกประเด็นที่จะสนับสนุนให้ดี และก็ดูว่าเราจะได้อะไรกลับคืนมาไปพร้อมกันครับ

เพราะทุกครั้งที่เราสั่งกาแฟสตาร์บั๊ค พนักงานจะถามชื่อที่เราอยากให้เรียกโดยไม่ดูเอกสารทางราชการแต่อย่างไร และนั่นก็คือเรื่องเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ในใจของกลุ่ม Trans ที่ตอบ Insight ความต้องการของพวกเขามานานพอดี

3. In-Feed Intimacy ใช้โซเชียลเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์

สรุป 6 เทรนด์ที่นักการตลาดต้องรู้ Social Media Marketing Trends 2021 จากรายงาน We Are Social - Think Forward 2021 The Social Reset
Credit – https://www.10tv.com/article/news/health/coronavirus/facebook-hug-emoji-reaction-coronavirus/507-5ee45d05-0e4a-451f-b218-8198e985c276

แต่ไหนแต่เรามาคนส่วนใหญ่มักพูดกันว่าโซเชียลมีเดียนั้นทำให้ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างแย่ลง ทั้งคนในครอบครัว หรือกับคู่รักคู่แต่งงาน เพราะเราเอาแต่นั่งจ้อจอไถฟีดเพื่อรอดูโพสของคนไกลที่ไม่รู้จัก หรือเราเอาแต่คุยไลน์กับเพื่อนคนแปลกหน้าหรือคนจากที่ทำงานมากกว่าจะเงยหน้ามาคุยกับคนในบ้านที่กำลังกินข้าวอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน

ยิ่งสารคดีเรื่อง Social Dilemma ของ Netflix ที่โด่งดังมากในปีนี้ ยิ่งทำให้คนส่วนใหญ่ที่ได้ดูต่างรู้สึกหวาดกลัวและไม่ค่อยอยากจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดโซเชียลมีเดียแต่อย่างไร

แต่ในช่วงล็อคดาวน์พร้อมกันทั่วโลกที่ผ่านมาก็ทำให้เราได้เห็นการใช้โซเชียลมีเดียที่เปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ จากที่โซเชียลมีเดียเองเคยถูกมองว่าเป็นตัวบั่นทอนทำลายความสัมพันธ์ของคนในบ้านหรือคนในครอบครัว กลายเป็นเครื่องมือในการทำให้เราได้ใกล้ชิดกับคนในครอบครัวที่ต่างฝ่ายต่างล็อคดาวน์ออกไปหากันไม่ได้มากขึ้น หรือทำให้เราได้มีเรื่องคุยกับคนในบ้านมากขึ้นก็ด้วยการแชร์หน้าจอและใช้เวลาเล่นโซเชียลมีเดียด้วยกันแบบจริงๆ

Social media platform เจ้าใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Facebook ก็ยังออก “Care” Emoji ใหม่แบบเร่งด่วนขึ้นมาเพื่อให้คนได้แสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยกันได้ง่ายขึ้น

สรุป 6 เทรนด์ที่นักการตลาดต้องรู้ Social Media Marketing Trends 2021 จากรายงาน We Are Social - Think Forward 2021 The Social Reset

ทาง TikTok เองก็เปิดฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า Small Gestures ที่ให้ผู้คนสามารถส่งของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้กันและกันระหว่างนี้ เปรียบได้กับการให้ของรางวัลสำหรับคนที่เป็น Creator นั่นเองครับ

ส่วน Zoom เองก็กลายมาเป็นแอปหรือเว็บสำหรับทำงานเป็นอันดับหนึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว และก็ยังได้รับความนิยมมาถึงวันนี้แม้สถานการณ์ล็อคดาวน์จะคลี่คลายลงไปมากในแทบทุกประเทศทั่วโลก

Live-streaming เองก็เป็นอีกเทรนด์หนึ่งที่เกิดขึ้นและก็ยังคงอยู่ต่อไปแม้จะคลายล็อคดาวน์ คนดังๆ จำนวนมากก็หันมา Live ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ตัวเองมีที่ไม่ใช่แค่เพื่ออัดคลิปการเต้นหรือร้องเพลง แต่เป็นการออกมาพูดคุยกับผู้ติดตามผ่านการ Live หรือคลิปวิดีโอจริงจังที่ไม่ใช่แค่การโพสรูปภาพหรือ Status ใดออกไปแบบเดิม ทำให้การ Engage ระหว่าง Influencer กับ Audience นั้นมีมิติที่ลึกซึ้งขึ้นกว่าก่อน

พวกเขาพูดคุยตอบโต้กันไม่ใช่แค่พิมพ์ผ่านตัวหนังสือ หลายครั้งในการ Live ที่มีคนถามมาก็จะถูก Influencer เลือกหยิบบางคำถามขึ้นมาพูดคุยแล้วตอบออกไป เพราะนั่นคือช่วงเวลาที่ใครก็ตามที่โดดเดี่ยวในช่วงล็อคดาวน์อยากจะได้ใครสักคนมาเป็นเพื่อนที่พูดคุยหรือรับฟัง

บางรายการทีวีก็ใช้วิธีการหยิบโพสของคนที่อยากพูดอะไรกับคนอื่นหน่อยขึ้นมาเป็นประเด็นในการพูดคุยแทนการเชิญดาราคนดังทั่วไปมาคุยด้วย เรียกได้ว่าตั้งแต่โควิด19 เข้ามาในสังคมเรา มันก็เปลี่ยนวิธีการใช้โซเชียลมีเดียกับคนในสังคมด้วยกันไปแบบไม่น่าเชื่อว่าจะดีขึ้นได้ขนาดนี้

เราเข้าโซเชียลเพราะต้องการใครสักคนที่ต้องการเราจริงๆ

สรุป 6 เทรนด์ที่นักการตลาดต้องรู้ Social Media Marketing Trends 2021 จากรายงาน We Are Social - Think Forward 2021 The Social Reset

ด้วยความที่โซเชียลมีเดียในวันนี้นั้นมีมากมายหลายแพลตฟอร์ม และคนบนโลกจำนวนมากหรือแทบจะเรียกว่าใครต่อใครต่างก็มี account บนโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่างๆ ทั้งนั้น แล้วเราก็มักจะเอาเวลาไปติดตาม Infleuncer คนดังที่มีคน Follow มากๆ มากกว่าจะสนใจคนธรรมดาใกล้ตัว

แต่พอโควิดมาทำให้เราต้องล็อคดาวน์อยู่บ้านกลับส่งผลต่อพฤติกรรมการเลือกใช้เวลาให้กับคนบนโซเชียลเปลี่ยนไป จากที่เคยเฝ้าสนใจว่า Influencer คนนั้นทำอะไรอยู่ กลายเป็นมาสนใจว่าเพื่อนสนิท คนรัก หรือคนในครอบครัวนั้นพวกเขากำลังทำอะไรบ้างในแต่ละวัน

อันดับแรกเราอยากรู้ว่าพวกเขาไม่ได้มีอาการของเชื้อไวรัสโควิด19 ใช่ไหม จากนั้นเราก็เฝ้าสนใจอยากรู้ว่าวันนี้พวกเขาทำอะไรกินกันนะ (เผื่อว่าเราจะลอกเมนูบ้าง)

นี่คือพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียที่เปลี่ยนไปในช่วงโควิด19 อย่างมีนัยยะสำคัญ เราหันมาให้ความสำคัญกับคนที่สำคัญต่อชีวิตเรามากขึ้น แล้วเราก็ลดเวลาที่เคยไปสนใจดาราคนดัง หรือ Influncer ต่างๆ น้อยลงครับ

3 Social Behavioural ที่เปลี่ยนไปหลังโควิดและจะส่งผลต่อ Social media marketing ในปี 2021

1. Personalized Emoji ส่งความรู้สึกผ่าน Avatar ของตัวเอง

สรุป 6 เทรนด์ที่นักการตลาดต้องรู้ Social Media Marketing Trends 2021 จากรายงาน We Are Social - Think Forward 2021 The Social Reset

เราคงเห็นผ่าน Facebook Avatar เวลาเพื่อนคอมเมนต์มาแทนที่จะส่ง Emoji หรือ Sticker ทั่วไปกันเยอะขึ้นใช่ไหมครับ เหมือนที่ Apple ออก Memoji หรือทำ Emoji ด้วยหน้าตาคาแรคเตอร์ของคุณเอง แล้วก็เอาไปใช้คุยกับเพื่อนๆ ให้สนุกสนานมากขึ้น หรือจะคอมเมนต์กันบนโซเชียลมีเดียด้วย Avatar ของคุณก็ได้

2. โพสโซเชียลผ่านเสียงกันมากขึ้นในปีหน้า

สรุป 6 เทรนด์ที่นักการตลาดต้องรู้ Social Media Marketing Trends 2021 จากรายงาน We Are Social - Think Forward 2021 The Social Reset
Credit – https://mag.rjeem.com/whatsapp-for-android-now-allows-you-to-save-and-play-voice-notes-before-sending-them/

กระแสของ Voice Interface กำลังมาแรงขึ้นทุกวันทั้งในบ้านเราและต่างประเทศ หลายๆ แอปหรือโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มใหญ่ๆ ก็หันมาเปิดฟีเจอร์การส่งเสียงแทนการคอมเมนต์หรือโพสมากขึ้น ตั้งแต่แอปเพื่อการคุยงานอย่าง Slack หรือ LinkedIn แพลตฟอร์มเพื่อคนทำงานที่เปิดให้คนใช้ Voice-note บันทึกเรื่องสำคัญผ่านเสียง และแม้แต่ Twitter เองก็ยังเปิดให้ทวีตด้วยการพูดหรือเสียงได้

ก็ในเมื่อการพิมพ์มันไม่สามารถส่งความรู้สึกได้มากพอ มันต้องมีทั้งภาพและเสียง หรืออย่างน้อยก็เอาแค่เสียงก็ยังดีครับ

3. เทรนด์ Facebook Groups โตไวในช่วงโควิด เพราะฉันอยากคุยแค่เรื่องนี้

สรุป 6 เทรนด์ที่นักการตลาดต้องรู้ Social Media Marketing Trends 2021 จากรายงาน We Are Social - Think Forward 2021 The Social Reset
Credit – https://www.facebook.com/groups/424225641558225/

จากเดิมการใช้โซเชียลมีเดียคือการพยายามโพสออกไปให้คนกลับมาสนใจมากที่สุด แต่พอโควิดมาก็ทำให้การพูดคุยหรือโพสนั้นมีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น จนทำให้ Facebook Group เติบโตอย่างก้าวกระโดดโดยที่ Facebook ไม่ต้องพยายามโปรโมตใดๆ เลย

บ้านเราก็หนีไม่พ้นกลุ่มหม้อทอดไร้น้ำมันที่โตด้วยตัวเองและก็โตไวเสียเหลือเกิน จากนั้นก็ตามมาด้วยกลุ่มที่มีความสนใจแบบเฉพาะเจาะจงในเรื่องนั้นๆ ซึ่งเทรนด์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นแต่ในบ้านเราแต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กันทั่วโลกอย่างน่าสนใจครับ

และนั่นก็ทำให้บางแบรนด์ออกมาสร้างกลุ่มต่างๆ ที่น่าจะทำให้ลูกค้าของตัวเองมีพื้นที่เฉพาะในการจับกลุ่มคุยกันได้ง่ายขึ้น กลุ่มแม่บ้านมือใหม่ที่อาจจะสนับสนุนหรือจัดตั้งโดยซูเปอร์มาร์เก็ตบางแห่ง นี่คือพฤติกรรมการเข้ากลุ่มที่เกิดในช่วงโควิดและก็ยังคงเติบโตต่อเนื่องไปทุกวันๆ ด้วยตัวมันเองครับ

2 แนวทางการประยุกต์ใช้เทรนด์ In-Feed Intimacy กับการตลาด

แล้ว Branding & Marketing จะเอาเทรนด์นี้ไปประยุกต์ใช้อย่างไรได้บ้าง?

แบรนด์ควรจะต้องเริ่มมองหาโอกาสจากการใช้ Facebook Groups หรือกลุ่มก้อนย่อยๆ ตามความสนใจต่างๆ ของผู้คนในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการให้มากขึ้น ไม่ว่าจะด้วยการสนับสนุนกลุ่มที่มีอยู่แล้ว หรือสร้างกลุ่มใหม่โดยไม่ต้องออกตัวว่าเป็นแบรนด์ทำ ที่สำคัญคือต้องสื่อสารแบบคนคุยกับคน ไม่ใช่แบบแบรนด์คุยกับคนเหมือนวันวาน คุยกันแบบใกล้ชิด ใช้ใจในการสื่อสารกันให้มากกว่าเดิมครับ

1. ใช้ Digital อย่าง Humanising

สรุป 6 เทรนด์ที่นักการตลาดต้องรู้ Social Media Marketing Trends 2021 จากรายงาน We Are Social - Think Forward 2021 The Social Reset

แต่ไหนแต่ไรมาเรามักจะใช้ช่องทาง Digital แบบแข็งๆ ที่ไม่ค่อยใช่มนุษย์คุยกันสักเท่าไหร่ นั่นเลยเป็นเหตุผลว่าทำไมลูกค้าจำนวนมากถึงยังเลือกที่จะโทรหา Call Center เพื่อคุยกับใครสักคนที่พร้อมจะรับฟัง เข้าใจ และยินดีแก้ปัญหาให้แบบมนุษย์ด้วยกัน

แต่ก็นั่นแหละครับหลายแบรนด์ก็เลือกที่จะวางขั้นตอนการทำงานให้มนุษย์รับสายปลายทางทำตัวเหมือนเป็น Bot แบบแข็งๆ แต่ในช่วงโควิดและล็อคดาวน์ก็ทำให้เราได้เห็นวิธีใหม่ๆ ในการใช้ Digital แบบที่เป็นมนุษย์มากขึ้นแม้จะไม่ใช่มนุษย์ที่คุยกับเราอีกฟากของหน้าจอก็ตาม

ที่ประเทศจีนแบรนด์เครื่องสำอางอย่าง Perfect Diary ได้ใช้ Virtual Customer Service ที่ตั้งชื่อว่า Xiao Wanzi เพื่อตอบคำถามและให้บริการลูกค้าใน WeChat Groups แบบเป็นกันเองขึ้นมาในช่วงเวลานั้นและก็ยังคงต่อเนื่องมาเรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้

หรืออย่างแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ IKEA ที่ประเทศอิตาลีเองก็มีการ LIVE ผ่าน Instagram ของตัวเองในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้ามากกว่าแค่การเข้ามาช้อปปิ้งออนไลน์หน้าเว็บไซต์ เพราะในเมื่อผู้คนต้องการจะเชื่อมต่อกับผู้คนจริงๆ มากเป็นไหนๆ เว็บออนไลน์แม้จะสะดวกรวดเร็วในการซื้อของที่ต้องการ แต่ Purpose ของการเข้ามาดู LIVE แล้วค่อยเลือกว่าจะช้อปปิ้งอะไรก็เป็นอีกแนวทางการขายของออนไลน์หรือที่เรียกว่า Social-commerce ในแบบที่คนไทยและจีนใช้กันมานานครับ

2. แบรนด์ต้องเริ่มใช้โซเชียลมีเดียเพื่อสร้างความ Exclusive กับ Audience

เมื่อเราเริ่มเห็นการใช้โซเชียลเพื่อเชื่อมต่อกันจริงๆ มากขึ้น จากเดิมที่เคยโพสออกไปเน้นคนเห็นเยอะๆ แล้วไม่ได้สนใจว่าใครจะรู้สึกหรือคิดอย่างไรกับแบรนด์เราบ้าง แบรนด์จะทำ Social media marketing ได้ดีในปี 2021 ต้องรู้จักใช้ช่องทางนี้เพื่อสร้างความ Exclusive กับกลุ่มเป้าหมายเดิมด้วยแนวทางใหม่ๆ

อย่างในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ที่ผ่านมาในงาน Milan Fashion Week ทาง Gucci เองก็ส่ง Invite ชวนคนให้เข้ามาดูผ่านทาง WhatsApp ด้วยการใช้ข้อความเสียงแทนข้อความ Text หรือรูปภาพที่ไม่ได้สื่อถึงอารมณ์ที่ตั้งใจได้เท่ากัน

และข้อความเสียงนั้นก็ถูกส่งออกไปโดย Alessandro Michele ที่เป็น Creative Director ของ Gucci หรือแบรนด์เครื่องสำอางเกาหลีอย่าง Glow Recipe ก็สร้าง Instagram แบบ Private account ขึ้นมาชื่อ @RealGlowGang ที่ให้ลูกค้าที่ได้เข้ามาเป็นเฟรนสามารถส่งข้อความตรงมาบอกแบรนด์ได้ว่าพวกเขาอยากได้สินค้าแบบไหน สีใด เรียกได้ว่าเป็นการเชื่อมต่อกันจริงๆ ระหว่างแบรนด์กับผู้คนที่จากเดิมอาจจะเป็นแค่การรับสารฝ่ายเดียวจากแบรนด์ครับ

สรุป Social media marketing trends 2021 กับ In-Feed Intimacy เมื่อผู้คนหันมาใช้โซเชียลเพื่อเชื่อมโยงกันจริงๆ มากขึ้น ไม่ได้เน้นปริมาณการเห็น แต่กลับไปเน้นที่การได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันจริงๆ การกำเนิดขึ้นของ Facebook Groups แบบก้าวกระโดดที่ต้องการพูดคุยกับคนที่สนใจในเรื่องเดียวกัน ไปจนถึงการพยายามหาวิธีติดต่อสื่อสารกันที่สามารถส่งอารมณ์ได้ดีกว่าแค่ตัวอักษรหรือรูปภาพ ไม่ว่าจะด้วย Voice หรือ Avatar ก็ตาม เมื่อผู้คนต้องการคืนความเป็นมนุษย์ให้กันผ่านหน้าจอ แบรนด์อย่างเราก็ต้องรีบกลับมาพร้อมเป็นมนุษย์ที่พร้อมจะใส่ใจกับการคุยทีละคนๆ เสมือนนั่งคุยกันตรงหน้า รับฟังเสียงกันอย่างจริงใจ แม้จะคุยได้น้อย แต่จะได้ใจกันไปอีกนานครับ

สรุป 6 เทรนด์ที่นักการตลาดต้องรู้ Social Media Marketing Trends 2021 จากรายงาน We Are Social - Think Forward 2021 The Social Reset

และนี่ก็เป็น 3 หัวข้อแรกของ Social Media Marketing Trends 2021 ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันเพราะเราทุกคนล้วนต้องล็อคดาวน์จากโควิด19 และแม้เราจะเลิกล็อคดาวน์แล้วหลายสิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้กลับเป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป และนี่ไม่ใช่แค่ New Normal แต่เป็น Next Normal จริงๆ ของการ Social media behaviour ของผู้คนทั่วโลก

ขอบคุณรายงานดีๆ จาก We Are Social ที่ชื่อว่า Think Forward 2021 ภายใต้คอนเซป Social Reset ในปีนี้ อีก 3 เทรนด์ที่เหลือกำลังจะสรุปและเรียบเรียงตามมา แน่นอนว่านักการตลาดที่อยากจะทำให้แบรนด์ตัวเองแตกต่าง ต้องเอาแต่ละเทรนด์ไปประยุกต์ใช้ในแบบของตัวเองครับ

อ่าน Social Media Marketing Trends 2021 ตอนที่ 2 > อ่านต่อ

ดาวน์โหลดรายงาน Think Forward 2021 ของ We Are Social ตัวเต็มได้ที่ > http://bit.ly/3pAOXgO

Nattapon Muangtum

เจ้าของเพจการตลาดวันละตอน / อาจารย์พิเศษวิชา Data-Driven Communication / เขียนหนังสือมาแล้ว 5 เล่ม Personalized Marketing, Data-Driven Marketing, Data Thinking, Contextual Marketing และ Social Listening / ที่ปรึกษา Data-Driven Advisor

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *