ปลดล็อกความสร้างสรรค์สู่โอกาสการเติบโตของธุรกิจที่วัดผลได้ จาก TikTok: The Stage ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

TikTok นั้นถือได้ว่าเป็นแพลตฟอร์มความบันเทิงแห่งยุค ที่มาพร้อมการจุดกระแสวิดีโอสั้นจนเกิดเป็นไวรัลระดับโลกมาหลายต่อหลายคลิป 

ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 30 กันยายน ที่ผ่านมา แบมเองก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมงาน Virtual Event งานสัมมนาเสมือนจริงรูปแบบใหม่ที่จัดขึ้นโดย TikTok บอกได้คำเดียวเลยค่ะว่าทั้งนักการตลาด นักโฆษณา เอเจนซี่ หรือแบรนด์ก็ห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะนอกจากในงานจะมีการแนะนำเทคนิคในการทำโฆษณาให้ประสบความสำเร็จโดยใช้เครื่องมือและโซลูชันของ TikTok แล้ว ยังมีการเปิดข้อมูล Insight ที่ช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นด้วย ยังมีการแชร์ทริควิธียกระดับความสำเร็จด้วยความคิดสร้างสรรค์และความสุข แถมยังสามารถวัดผลได้ตามมาตรฐานการวัดผลสากลอีกด้วย

เปิดประสบการณ์สัมมนาแบบใหม่ที่ไม่ได้มีดีแค่การบรรยาย

ถึงแม้ว่าจะเป็นการเข้าฟังสัมมนาออนไลน์ แต่ภายในงานก็ไม่ได้มีแต่การบรรยายเหมือนอย่างที่คิด เพราะ TikTok: The Stage ครั้งนี้ได้หยิบยื่นประสบการณ์ใหม่ในรูปแบบ Virtual Event เป็นการจำลองภาพเสมือน เหมือนกับเราได้ไปงานอีเวนต์จริงๆ จึงทำให้เราสามารถรับชมและสัมผัสกิจกรรมในงานได้แบบใกล้ชิด

นอกเหนือจากในส่วนของ Conference Main Stage ที่น่าสนใจในแต่ละ Stage แล้ว ก็ยังมี Exhibitor Hall รวมถึงบูธอื่นๆ ที่ให้ความรู้และช่วยต่อยอดเครือข่ายอีกเพียบ เรียกว่ามางานเดียวได้ครบทุกมิติจริงๆ

เปิดหมดทุก Insight ไม่มีกั๊ก

งานนี้ TikTok เขามาแบบจัดเต็ม เปิดทุกสถิติที่เกิดขึ้นบน TikTok เพื่อช่วยให้นักการตลาด แบรนด์ และเอเจนซี่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและมองเห็นช่องทางในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับธุรกิจได้บนแพลตฟอร์ม TikTok 

– ผู้ใช้งานส่วนใหญ่อยู่ใน South East Asia

สำหรับงาน TikTok: The Stage ที่เราพูดถึงอยู่ในตอนนี้ จะเป็นการพูดถึงในฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นหนึ่งในฐานผู้ใช้งานที่มีขนาดใหญ่และหลากหลายของ TikTok 

จากจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลกต่อเดือนนั้น เป็นผู้ใช้งานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากถึง 1 ใน 4 ของจำนวนผู้ใช้งานทั้งหมด จากข้อมูลเดือนมิถุนายน 2564 ฐานผู้ใช้ TikTok ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีจำนวนมากกว่า 240 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 85% นอกจากนี้ก็ยังมีวิดีโอคอนเทนต์ที่สร้างสรรค์ขึ้นจากผู้ใช้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่า 800 ล้านวิดีโอ แถมแค่เดือนมิถุนายนเดือนเดียวก็กวาดยอดวิวไปสูงถึง 1 ล้านล้านวิวเลยทีเดียว 

– Insight ในการดึงดูดลูกค้าด้วย “ความสุข”

เนื่องจากช่วงวิกฤติโรคระบาดที่กินเวลามายาวนาน ทำให้ผู้คนโหยหาช่องทางใหม่ๆ เพื่อสร้างพลังบวก และเพิ่มปริมาณความสุขในชีวิต ซึ่งก็ตรงกับ Insight ที่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาต้องการที่จะผ่อนคลาย หรืออยากหาตัวช่วยที่ทำให้รู้สึกอารมณ์ดี 7 ใน 10 คนก็จะเข้า TikTok เพื่อเสพความบันเทิง หรือใช้ในการหาแรงบันดาลใจ 

นอกจากนี้สถิติยังบอกอีกว่าผู้คนมักจะใช้เวลาอยู่กับ TikTok มากกว่าการใช้เวลาในกิจกรรมอื่นๆ เช่น ดูทีวี หรือวิดีโอสตรีมมิ่ง ถึง 35% ซึ่ง 41% ของผู้คนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยอมรับว่าโฆษณาที่น่าสนใจที่สุดก็คือโฆษณาที่ให้ความบันเทิงนี่แหละ

และด้วยเหตุผลเดียวกันนี้จะเป็นกุญแจสำคัญที่มีศักยภาพมากพอที่จะช่วยเปิดโอกาสให้ธุรกิจสามารถเติบโตขึ้นด้วยการครองใจผู้บริโภคบนพื้นฐานของความสุข ความสร้างสรรค์และความบันเทิง ทั้งในแง่ของการเพิ่ม Awareness การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ด้วยการสร้างชาเลนจ์ หรือแคมเปญที่น่าสนใจ แล้วเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ TikTok ได้ลองสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบของตัวเองดู ซึ่งวิธีนี้ทำให้หลายแบรนด์กลายเป็นไวรัลจนสามารถเปลี่ยนผู้ใช้งานเป็นลูกค้าได้ในที่สุด

การนำเนื้อหาที่สร้างสรรค์มาบวกรวมเข้ากับการช้อปปิ้งออนไลน์ เรียกได้ว่าเป็นการนำความสนุกสนานกับการโปรโมทแบรนด์มาเกลี่ยรวมเป็นเรื่องเดียวกันได้อย่างแนบเนียนและลงตัว นอกจากนั้นยังเป็นการช่วยให้แบรนด์หากลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมและค่อยๆ เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคจากการค้นหา ไปยังการมีส่วนร่วม และกระตุ้นให้เกิดการซื้อได้ในที่สุด ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนเป็นการสื่อสารง่ายๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความสุขและความสร้างสรรค์นี้เป็นสิ่งที่สามารถดึงดูดความสนใจคนได้ง่าย และเป็นสิ่งที่ไม่ว่าแบรนด์ไหนก็ไม่ควรมองข้าม

ยกระดับความสำเร็จด้วยความคิดสร้างสรรค์และความสุข

มาดูในฝั่งของแบรนด์และเอเจนซีกันบ้างว่าเราจะสามารถยกระดับความสำเร็จด้วยความคิดสร้างสรรค์และความสุขบนแพลตฟอร์ม TikTok นั้นจะต้องมีองค์ประกอบสำคัญอยู่ 4 ส่วน

1. Authenticity 

การที่แบรนด์และเอเจนซีจะสามารถเติบโตและโดดเด่นเป็นที่รู้จักบนแพลตฟอร์ม TikTok ได้นั้นจะต้องมีความเป็นออริจินอล ด้วยการสร้างคอนเทนต์ที่สะท้อนความเป็นตัวตนของแบรนด์ เพื่อให้คอนเทนต์เหล่านั้นสามารถเข้าถึงเป้าหมายได้อย่างตรงกลุ่ม นอกจากนี้ยังช่วยให้ลูกค้าสามารถจดจำธุรกิจและสินค้าของเราได้ดียิ่งขึ้น

2. Vertical sound-on 

การจะเฉิดฉายในชุมชม TikTok ได้นั้นจะอาศัยแค่การสร้างสรรค์เนื้อหาที่ดีคงไม่พอ แต่แบรนด์ควรจัดทำเป็นคลิปวิดีโอแนวตั้งที่เป็นจุดเด่นของแพลตฟอร์ม รวมทั้งมีการใช้เสียงอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการเสียงเอฟเฟกต์ที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมาย เพราะเสียงเพลงที่ติดหู หรือมีจังหวะที่โดดเด่น และสนุกสนานมากกว่า จะช่วยสร้างกระแสได้เป็นอย่างดี เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความสุขและความบันเทิงได้เต็มอรรถรส

3. Collaboration 

การทำคอนเทนต์อยู่คนเดียวมันเหงา เพราะฉะนั้นลองมา Collaboration หรือใช้กลยุทธ์การทำงานร่วมกันดู วิธีนี้นอกจากจะช่วยทำให้เนื้อหาของเเบรนด์มีความน่าสนใจมากขึ้นแล้ว ยังอาจจะทำให้เราสามารถขยายฐานไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ที่มาช่วยเติมเต็มและสร้างธุรกิจให้เติบโตไปด้วยกัน

4. Creator 

Creator ถือเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญ ในการสร้างการมีส่วนร่วมและสร้างความไว้วางใจ โดยจะสังเกตได้ว่าคอนเทนต์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยครีเอเตอร์นั้นมักจะได้รับ engagement เพิ่มขึ้นสองเท่าเมื่อเทียบกับวีดีโอที่ผู้ใช้รายอื่นสร้างขึ้น ทำให้ครีเตอร์สามารถทำหน้าที่ในการส่งต่อแรงบันดาลใจ และเป็นผู้นำเทรนด์ได้ไม่ยาก นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมครีเอเตอร์จึงสามารถเป็นช่วยโปรโมตแบรนด์ให้เข้าถึงผู้คนได้มากขึ้นและทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วย

ซึ่งใน TikTok เองก็มี TikTok Creator Market Place แพลตฟอร์มอย่างเป็นทางการสำหรับการทำงานร่วมกันระหว่างแบรนด์และผู้สร้างบน TikTok ซึ่งในแพลตฟอร์มนี้นั้นจะมีการรวบรวมครีเอเตอร์จากหลากหลายสาขา กระจายไปตามความสนใจ กว่า 20,000 คน ที่จะมาช่วยสร้างคอนเทนต์ของแบรนด์ให้น่าสนใจ และสร้างคุณค่า รวมถึงทำให้เกิดการค้นพบจากผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น 

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นอีกกับแบรนด์คอลเกตในเวียดนาม ที่ต้องการเฉลิมฉลองวันแม่ โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการเพิ่ม Awareness ทางแบรนด์จึงได้สร้างเอฟเฟกต์ที่มีโลโก้ของแบรนด์ พร้อมเชิญชวนให้ผู้ใช้งานสร้างคอนเทนท์คอนเทนต์พร้อมติดแฮชแท็ก #LoveMomsSmile 

ซึ่งแคมเปญดังกล่าวนั้นทำให้เกิดการสร้างคอนเทนต์มากถึง 487 ล้านครั้ง และมีอัตรการมีส่วนร่วมอยู่ที่ 7.75% เนื่องจากแคมเปญนี้เข้าถึงง่าย ไม่ซับซ้อน จึงทำให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างและแชร์คอนเทนท์คอนเทนต์ออกไปได้อย่างรวดเร็ว แถมยังมีเทศกาลพิเศษอย่างวันแม่มาช่วยเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้ใช้งานใน TikTok ต้องการที่จะมีส่วนร่วมในหัวข้อดังกล่าว เป็นต้น

ปลดล็อกการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และครีเอเตอร์ด้วย Creative Tools

TikTok ได้เปิดตัวโซลูชันที่จะช่วยให้แบรนด์หรือนักการตลาดเปิดรับความคิดสร้างสรรค์บนแพลตฟอร์ม และช่วยให้พวกเขาสามารถสื่อสารและมีส่วนร่วมกับครีเอเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นผ่าน Creative Tools ที่ประกอบไปด้วย 

–      TikTok Creator Marketplace: เครื่องมือที่จะช่วยให้แบรนด์สามารถค้นหาครีเอเตอร์ที่หลากหลายได้ตรงกับความสนใจได้มากขึ้น

–      TikTok For Business Creative Center: ออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักโฆษณาเข้าใจการทำงานบนแพลตฟอร์มมากขึ้น โดยจะแสดงโฆษณาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด รายละเอียดเกี่ยวกับเทรนด์ยอดนิยมล่าสุดและการเข้าถึงคลังข้อมูลเสียง (Audio Library) เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขาสามารถสร้างโฆษณาที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง

–      Video Editor: เครื่องมือที่ช่วยให้นักโฆษณาสามารถแก้ไขและปรับแต่งคอนเทนต์ได้ดัวยตนเอง

–      Dynamic Scene: เป็นเครื่องมือใหม่ที่ช่วยให้แบรนด์สามารถเพิ่มองค์ประกอบต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น เช่น เพลง หรือภาพเคลื่อนไหวที่จะช่วยทำให้ความคิดสร้างสรรค์มีความสดใหม่อยู่เสมอ

การลงทุนที่คุ้มค่านั้นต้องวัดผลได้

สำหรับนักการตลาดเราต่างรู้กันดีว่าการวัดผลนั้นสำคัญกับการทำการตลาดและการทำแบรนด์มากขนาดไหนซึ่งแน่นอนว่า TikTok ก็เข้าใจในเรื่องนี้ดีเช่นกัน

ล่าสุด TikTok เพิ่มความสุขในการวัดผลให้กับนักโฆษณาและนักการตลาดด้วยการร่วมมือกับ Nielsen IQ ในอาเซียนในการทำวิจัยเพื่อวัดผลคุณค่าจากการโฆษณาบนแพลตฟอร์ม TikTok ซึ่งผลการวิจัยพบว่าผู้ชมมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าหลังจากเห็นโฆษณาบน TikTok 1.5 เท่า รวมถึงยังได้ทำการสำรวจแบรนด์ทั้งในประเทศอินโดนีเซีย ไทย มาเลเซีย พบว่า ผลลัพธ์ที่ได้จากการโฆษณาบน TikTok สร้างผลตอบแทนจากการลงทุน หรือ ROI มากกว่าแพลตฟอร์มอื่นถึง 1.6 เท่าเลยทีเดียว

นอกจากนี้การวิจัยของ Kantar Media ยังพบว่า TikTok สามารถรักษาตำแหน่งที่หนึ่งและผู้นำระดับโลกสำหรับการโฆษณาติดต่อกัน 2 ปีซ้อน จากการศึกษาด้านทัศนคติของผู้บริโภคและความรู้สึกต่อโฆษณาพบว่า ผู้บริโภคนั้นมีมุมมองต่อโฆษณาของ TikTok ในเชิงบวก คือมองว่าตัวโฆษนานั้นมีความสนุกสนาน มีนวัตกรรม และมีคุณภาพสูงขึ้นเรื่อยๆ

ซึ่งในขณะนี้ TikTok ก็ยังได้ทำการเปิดตัวชุดเครื่องมือใหม่ ได้แก่ Reach & Frequency Buying (การเข้าถึงและความถี่ในการซื้อ), Brand Lift Study (การศึกษาเพื่อยกระดับแบรนด์), Viewability Partners (พันธมิตรเพื่อเพิ่มการมองเห็น), TikTok Inventory Filter (ตัวกรองสินค้าบน TikTok) และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถวัดผลความสำเร็จของแคมเปญได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้วยจุดเด่นของ TikTok ในการเป็นแพลตฟอร์มแห่งการสร้างสรรค์ โดยจะเห็นได้ว่าคอนเทนต์ที่สร้างสรรค์ที่มีการนำเสนอผ่านแพลตฟอร์มของ TikTok นั้น สามารถดึงดูดความสนใจ และช่วยสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจต่างๆ รวมถึงสร้างการมีส่วนร่วม และเพิ่มความต้องการซื้อของผู้บริโภคให้มากขึ้น จากพฤติกรรมของผู้บริโภคใช้เวลาบนแพลตฟอร์มมากขึ้น และการขยายฐานผู้ใช้จากกลุ่มคนรุ่นใหม่ไปสู่กลุ่มคนทำงาน และครอบคลุมไปถึงทุกกลุ่มอายุ ในขณะเดียวกัน TikTok ก็ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถสร้าง ROI ได้มากกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ ด้วย เรียกได้ว่าเป็นแพลตฟอร์มที่มีโซลูชันที่ตอบโจทย์ทุกเป้าหมายการตลาดแบบครบวงจร สำหรับทั้งแบรนด์และธุรกิจในทุกขนาดเลยก็ว่าได้

TikTok: The Stage เป็นงานที่จัดขึ้นสำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะ ซึ่งธีมหลักในปีนี้ก็คือความสุขและการให้ข้อมูล ซึ่งจากที่ได้สัมผัสมาบอกเลยค่ะว่างานนี้ TikTok สามารถเก็บได้ครบตามธีมที่บอกไว้ ทั้งในแง่ของ Insight รวมถึงวิธีคิด แนวทางในการสร้างสรรค์โฆษณา รวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือที่ช่วยให้วัดผลการทำงานให้มีความสุข และสะดวกขึ้นกว่าที่เคย

สุดท้ายฝากไว้สำหรับแบรนด์ที่ยังไม่รู้จะทำเนื้อหาอะไรบน TikTok ลองเริ่มจากไอเดียการใช้กลยุทธ์ดึงดูดลูกค้าด้วยความสุขดูก่อนก็ได้นะคะ เสร็จแล้วลองหาวิธีการให้ความรู้เพิ่มเพื่อให้เนื้อหาเราไม่ตันไม่ดูขายของจนเกินไป บวกกับ Feature และ ชุดเครื่องมือต่างๆ ใน TikTok ก็จะช่วยวัดผลและเพิ่มความน่าสนใจให้ได้ไม่น้อย 

แต่อย่างไรก็ตาม อย่ามัวแต่เลือกรูปแบบและวิธีการนำเสนอ แต่ให้กลับไปโฟกัสที่ผู้ใช้งานดูก่อนว่า กลุ่มเป้าหมายของเราวันนี้เป็นใคร รวมไปถึงจุดประสงค์ในการทำการตลาดครั้่งนี้คืออะไร แล้วค่อยเลือกวิธีการนำเสนอที่ตอบโจทย์ ลองดูนะคะ

สำหรับใครที่สนใจสามารถติดตามชมรีรันของ TikTok: The Stage ได้ทาง https://www.tiktok.com/business/th/blog/tiktok-the-stage-watch-on-demand