เปา เปิดตัวผลิตภัณฑ์ซักผ้าชนิดน้ำ สูตรเข้มข้น “เปา ไมเซลลาร์ 4X” ที่เป็น Marketing ให้ตัวเองได้ ไม่ต้องพูดเยอะ

เปา เปิดตัวผลิตภัณฑ์ซักผ้าชนิดน้ำ สูตรเข้มข้น “เปา ไมเซลลาร์ 4X” ที่เป็น Marketing ให้ตัวเองได้ ไม่ต้องพูดเยอะ

สิ่งนึงที่เพจการตลาดวันละตอนของเราชอบพูดอยู่เสมอ คือการทำการตลาดตั้งแต่สินค้าที่ขาย เพราะถ้าของของเรามันดีจริง เดี๋ยวกระแสจะช่วยดันยอดขายมาเองโดยที่เราจะสามารถลดต้นทุนในการทำโฆษณาหรือการตลาดไปได้เพิ่มขึ้น เหมือนกับผลิตภัณฑ์ซักผ้าชนิดน้ำ สูตรเข้มข้น เปา ไมเซลลาร์ 4X หรือ “PAO MICELLAR 4X” ที่มีเทคโนโลยีไมเซลลาร์ระดับนาโน พิสูจน์ด้วยสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน ที่ทำให้ผ้าสะอาด ตั้งแต่ “3 นาทีแรก” และสะอาดได้ใน 10 นาที แบบไม่ต้องขยี้ แค่แช่ผ้าไว้เฉยๆ เลยค่ะ

ที่ผ่านมา จากประสบการณ์การทำ Research ให้ลูกค้าเจ้านึงที่ทำผลิตภัณฑ์ล้างจาน เพลินก็เลยได้ค้นพบว่า งานบ้าน 3 อันดับแรกที่คนเราไม่อยากที่สุดนั้นหนีไม่พ้น งานบ้านที่มีเรื่องของน้ำที่ทำให้มือพัง มือเหี่ยวมาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะล้างจาน ล้างห้องน้ำ หรือว่าซักผ้านั่นเองค่ะ โดย Insight ของคนที่ไม่ชอบซักผ้าก็คือ การที่ผ้ามันเปียกน้ำแล้วเพิ่มน้ำหนักให้ผ้าชิ้นนั้นอย่างหนักหนา ขี้เกียจขยี้ หรือซักเอง พอเอาเข้าตู้ซักผ้าบางทีก็ไม่ค่อยเกลี้ยง

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของนิสัยแม่บ้านอีกอันที่เพลินอยากแชร์เป็น Insight เพิ่มด้วย เพราะถ้าสินค้าอันไหนใช้ดี แม่บ้านแท้ๆ อย่างอาม่าของเพลินจะรีบยกหูโทรศัพท์ ต่อสายหาญาติ พี่น้องของเค้า เพื่อกระจายข่าว ว่าซื้ออันนี้มา มันดียังไง รวมไปถึงการชี้แนะลูกสาวที่แต่งงานออกไปอยู่คนละบ้านว่าให้ไปซื้อมาใช้ซะ ถ้าไม่อยากเหนื่อย หรืออยากสบาย อะไรทำนองนี้

ซึ่งหากเราทำสินค้าดีตั้งแต่แรก จนเกิดเป็น User Experience ที่ดี แน่นอนว่าหนีไม่พ้นเรื่องของ Word of Mouth ที่ดี บอกต่อจนเป็นกระแส ยิ่งถ้าคนใกล้ตัวอย่างคนในครอบครัวบอกต่อแล้ว รับรองเลยว่า มีหรือจะไม่เชื่อ และมีหรือที่จะไม่ซื้อใช้ตามคำแนะนำ ดังนั้นเรามาดูกันเลยว่า Product Marketing ของ PAO MICELLAR 4X มีอะไรที่จะเป็นประโยชน์กับนักการตลาดทุกท่าน ให้ได้นำไปเป็นความรู้ และปรับใช้กันบ้างค่ะ

1.Challenge marketing แบบระบุเวลา

ตัวผลิตภัณฑ์ซักผ้าของเปาสูตรใหม่นี้ เน้นขายตัวเอง แบบไม่ต้องอิง Emotional Appeal ใดๆ แต่สิ่งที่เค้าทำก็คือการท้าทายคนฟังหรือแม่บ้านทั้งหลาย ว่าไม่เชื่อหรอ ลองซื้อมาใช้ก่อนไหม? แถมมันยังมีการระบุช่วงเวลาในการพิสูจน์เพิ่มว่า“แค่ 3 นาที” ปล่อยแช่เอาไว้ ไม่ต้องขยี้ก็เห็นผลแล้วนะ เพราะน้ำยาซึมง่าย ละลายเร็ว สามารถพาคราบไขมันหลุดออกได้เลย เป็นไงคะ ได้ยินแบบนี้แล้ว มีหรือจะไม่อยากพิสูจน์ ต่อให้ก่อนซื้อ เราจะยังสงสัยมันอยู่ แต่สุดท้ายเราก็ได้ ‘ซื้อ’ มันมาลองใช้ เรียก Trial ได้ดีเลยใช่ไหม

2. Third Party หรือ Expert Testimonial

อีกประเด็นน่าสนใจในการทำการตลาดครั้งนี้ของเปาคือ แบรนด์ไม่ได้พูดเรื่องนวัตกรรมสุดเจ๋งนี้ด้วยตัวเอง แต่เป็นการอิง Expert หรือมือที่ 3 พูดให้ เพราะเค้ามีการไปทดสอบจริงกับสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน เพื่อวัดพลังความสะอาดและการขจัดคราบสกปรกโดยเฉพาะไขมันของสินค้า จนพบว่ามันสะอาดได้ลึกถึง “รูพรุนของเส้นใย” ที่อยู่ลึกเข้าไปมากกว่าแค่เส้นใยอีกระดับด้วย ถือว่าเป็น Reason to Believe หรือ RTB ที่ดีจริงๆ ใช่ไหมละคะ

เพราฉะนั้นหากคุณกำลังขายสินค้าที่มันดี จนมันยากเกินจะเชื่อได้ในคราแรกแบบผลิตภัณฑ์ซักผ้าสูตรน้ำของเปาตัวใหม่นี้ อย่าลืมลองหาผู้รู้ หรือกูรู ไอดอล ใครซักคนที่น่าเชื่อถือ ให้มาพูดแทน เพราะถ้าของเรามันดีจริง แน่นอนว่ามันควรพิสูจน์ได้ แบบที่ผลการทดสอบโดยสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน พิสูจน์กับ PAO MICELLAR 4X ว่าคราบไขมันจะเริ่มหลุดออกตั้งแต่นาทีที่ 3 และสะอาดได้ใน 10 นาทีค่ะ

เปา ไมเซลลาร์ 4X

นอกจากนี้ หากสินค้าของเราได้ลงแข่งขันอะไร จนทดสอบแล้วว่าดีจริง คว้ารางวัลมาได้แบบที่เปา ได้รางวัลเหรียญทองนวัตกรรม ระดับนานาชาติ จากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ก็อย่าลืมเอามา Bold ใหญ่ เพิ่มความน่าเชื่อถือได้อีกระลอกค่ะ

3. เปรียบเทียบให้เห็นภาพ

เรื่องของเปรียบเทียบ เป็นอีกหนึ่งเทคนิคการตลาดที่ทำให้คนฟังสามารถคิดภาพตามได้ง่าย อย่างการที่เปาบอกว่า น้ำยาซักผ้าสูตรน้ำตัวใหม่นี้ ใช้น้อยก็สะอาด เพียงใส่แค่ 1 ฝาก็มีความเข้มข้นเท่ากับผลิตภัณฑ์ของยี่ห้ออื่นๆ 4 ฝา ก็จะทำให้เราเข้าใจมากขึ้นแล้วว่า 1:4 มันเป็นอย่างไร

เปา ไมเซลลาร์ 4X

แต่ถึงอย่างนั้นบางคนก็อาจจะยังไม่รู้สึกว่าเปลืองเงินถ้าจะใส่ 4 ฝาก็ได้ เปาก็เลยใช้เทคนิคบอกจำนวนครั้งไปเลย ว่าถ้าใช้เปา 1 ฝาทุกครั้งที่ซักผ้า จะสามารถซักผ้าได้กว่า 23 ครั้งหรือ 23 ตะกร้าเลยทีเดียว นี่ถ้าซักผ้าทุกวันคือประหยัดมากนะคะ เพราะ 23 ครั้งเนี่ยจะครบเดือนอยู่แล้ว ส่วนคนที่ซักเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ ก็น่าจะประหยัดค่าน้ำยาซักผ้าไปได้หลายเดือนเลยละค่ะ

จะเห็นได้ว่าการเปรียบเทียบสามารถทำให้คนเข้าใจสิ่งที่เราจะสื่อได้มากขึ้น ยิ่งถ้าเราอิงกับอะไรที่เค้าคุ้นชิน หรือปฏิบัติอยู่แล้วด้วยเนี่ย แน่นอนว่าคนจะเริ่ม Relate ทันทีค่ะ

4. เข้าใจ Consumer Insight

ปัญหาเล็กน้อยของการใช้สินค้าแบบของคุณคืออะไร? อันนี้ต้องหาให้เจอ อย่างสินค้าที่เป็นถุงเติม แบบถุงเจลอาบน้ำหรือถุงเติมผลิตภัณฑ์ซักผ้าแบบน้ำ ปัญหาเล็กๆ คงหนีไม่พ้นเรื่องของการฉีกถุง! เพลินเนี่ยเจอบ่อยมาก เหมือนจะฉีกมือเปล่าได้ แต่พอฉีกแล้ว พลาสติกดันเหนียวยืด ติดกัน แกะไม่ออกอีก สุดท้ายต้องไปหากรรไกรมาตัดจนได้

ซึ่งทางเปาเข้าใจจุดเล็กๆ พวกนี้ดีมาก เลยออกแบบถุงมาใหม่ที่สามารถฉีกซองให้ขาดได้ด้วยมือ ไม่ต้องพึ่งกรรไกรให้วุ่นวายแล้วค่ะ เห็นไหมคะว่า ดีเทลเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้จริงๆ มันส่งผลต่อ User Experience มาก แค่เราลงรายละเอียดแล้วใส่ใจมันหน่อย แค่นี้ ก็น่าจะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกดีขึ้นแล้วค่ะ

5. อิง Consumer Trends

สุดท้ายคือการเข้าใจหัวอก Consumers ในวันนี้ ว่าเค้ากำลังอินอยู่กับอะไร เช่น การรักษ์โลก สิ่งแวดล้อม เปาเองก็มีการคิดค้นดีไซน์ที่ช่วนลดการใช้พลาสติกเพิ่ม เพราะฉะนั้น หากนักการตลาดท่านใดที่มีข้อดีตรงนี้ อย่าลืมหยิบมาพูดกัน เริ่มจากการเข้าใจลูกค้าก่อน แล้วค่อยหยิบประเด็นนั้นขึ้นมาพูดให้ดังขึ้นค่ะ

ทั้งหมดนี้ก็คือ Product Marketing แบบ เปา ไมเซลลาร์ 4X ที่เปิดตัวใหม่แบบไม่ต้องพูดเยอะ เน้นทำสินค้าให้ดีก่อน เอาเงินไปลงตรงนั้นหนักๆ แล้วที่เหลือค่อยสร้าง Awareness แล้ว Wave ถัดๆ ไปก็ขอให้เป็น Consumer ที่กระจายสื่อให้แทนเพราะสินค้ามันดีด้วยตัวของมันเองอยู่แล้วค่ะ

สุดท้ายคือการเข้าใจหัวอก Consumers ในวันนี้ ว่าเค้ากำลังอินอยู่กับอะไร เช่น การรักษ์โลก สิ่งแวดล้อม เปาเองก็มีการคิดค้นดีไซน์ที่ช่วนลดการใช้พลาสติกเพิ่ม เพราะฉะนั้น หากนักการตลาดท่านใดที่มีข้อดีตรงนี้ อย่าลืมหยิบมาพูดกัน เริ่มจากการเข้าใจลูกค้าก่อน แล้วค่อยหยิบประเด็นนั้นขึ้นมาพูดให้ดังขึ้นค่ะ

หวังว่าการตลาดแบบจับต้องได้ของเปาตัวนี้ จะมีประโยชน์กับนักการตลาดและเจ้าของธุรกิจทุกคนไม่มากก็น้อย อย่าลืมใส่ใจในการทำสินค้า ให้มากกว่าการทำการตลาดและยิง Ads นะคะ ลองนำไปปรับใช้เพิ่มดูค่ะ

ส่วนใครที่อยากอ่านเกี่ยวกับเคสสินค้าจำพวกของใช้เพิ่มเติม ลองกดที่นี่ได้เลย

หรือถ้ายังมีคำถามเกี่ยวกับเปา สามารถเข้าไปสอบถามที่ Fan Page ของเค้าได้เลยค่ะ

Plearn Wisetwongchai

Marketing Strategic Planner ในเครือการตลาดวันละตอน | A Creator สาวพลัสไซส์ @Fabfatkid | A Travel Lover ที่หมดเงินเกือบ 80% ไปกับการเดินทางแบบแมสๆ | An Instagrammer @theplearn ที่ชอบเล่น Story เป็นชีวิตจิตใจ | สุดท้ายคือ Data Researcher ทั้ง Social และ Search Data etc. ค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

คุณคิดว่าปัญหา PM 2.5 ที่เชียงใหม่วิกฤตหรือยัง ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถามก่อนอ่านการตลาดวันละตอน แล้วเราจะเอาไปทำเป็น Infographic โชว์หน้าเพจให้รู้ด้วยกัน