FWD ทำ CSR เดินหน้าสู่แบรนด์พัฒนาชุมชน เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน     

FWD ทำ CSR เดินหน้าสู่แบรนด์พัฒนาชุมชน เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน     

FWD ทำ CSR เดินหน้าสู่แบรนด์พัฒนาชุมชน เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน     

สำหรับกลยุทธ์การตลาดที่ช่วยส่งเสริมให้แบรนด์เราเป็นที่รู้จักและนำมาสู่การซื้อสินค้า ด้วยวิธีการ พัฒนาสินค้า การโฆษณา การประชาสัมพันธ์แล้ว CSR ก็เป็นอีกเครื่องมือหนึ่ง ที่ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์และนำคุณค่าบางอย่างสู่สังคม ในบทความนี้จะขอวิเคราะห์ถึง กลยุทธ์การทำ CSR ของแบรนด์ FWD ถือเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะกับการทำการตลาดสำหรับสินค้าประเภทประกันชีวิตนะคะ เพราะ เป็นสินค้าที่เน้นสร้าง Emotional และการส่งเสริมภาพลักษณ์เพื่อความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์

FWD เป็นแบรนด์ประกันชีวิต ที่ทำกลยุทธ์ CSR กับชุมชนในพื้นที่ห่างไกล โดยจัดทำโครงการพัฒนาชุมชนลาหู่ ดอยปู่หมื่น อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ อย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 3 ปี

โดยมีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาคุณภาพชาอัสสัมตั้งแต่การปลูกจนถึงการแปรรูป และพัฒนาสินค้าให้ชุมชนมีรายได้ เนื่องจากชาอัสสัมเป็นเกษตรกรรมหลักของคนในพื้นที่

จากโครงการ CSR นี้ชุมชนให้การตอบรับเข้าร่วมเป็นสมาชิกโครงการมากถึง 33 ครัวเรือน และมีผลผลิตใบชาในปริมาณที่เพิ่มมากกว่า 50% ถือเป็นจุดเริ่มต้นการสร้างชุมชนต้นแบบสู่การพัฒนาชุมชนอื่นเพิ่มเติม หวังสร้างความเท่าเทียมทางสังคมและความเป็นอยู่อย่างยั่งยืน  

นายเดวิด โครูนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (“FWD ประกันชีวิต”)  เปิดเผยว่า หลังจากที่ FWD ประกันชีวิต ได้คัดเลือกชุมชน ลงพื้นที่และเริ่มทำงานพัฒนาชุมชนร่วมกับชุมชนลาหู่ ใน “โครงการพัฒนาชุมชนลาหู่ ดอยปู่หมื่น” อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ปี 2564 เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างประโยชน์ให้สังคมสามารถเป็นอยู่ได้อย่างยั่งยืน ตามเป้าหมายของ FWD ที่สนับสนุนให้ผู้คนในสังคมไทยได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่แบบไม่ต้องกังวล โดยมีกรอบแนวคิดในการพัฒนาอย่างยั่งยืน 3 ด้าน คือ สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม 

ซึ่งการทำงานในครั้งนี้ FWD ได้ดำเนินโครงการร่วมมือกับหน่วยงานหลายส่วนเพื่อพัฒนาและทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น 

  • องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยว (อพท.) 
  • ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว คณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 
  • ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตร จังหวัดเชียงใหม่ 

โครงการพัฒนาชุมชนของ FWD ประกันชีวิต ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 3 โครงการ และมีการใช้กลยุทธ์การทำ CSR เข้าไปในโครงการนั้น ๆ ด้วย ดังนี้

กลยุทธ์ CSR สร้างความไว้ใจ เชื่อใจและพร้อมแก้ไขปัญหาให้ชุมชน” 

โครงการธนาคารต้นกล้า : เป็นโครงการแรกที่จัดตั้งขึ้น จากการสำรวจความคิดเห็น และความต้องการของชุมชน ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญและเร่งด่วน เพื่อช่วยแก้ปัญหาเรื่องจำนวนต้นกล้าไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับพื้นที่ และต้องการเพิ่มผลผลิตชาให้มากขึ้นในระยะยาว และให้ชุมชนได้เรียนรู้ในการทำงานร่วมกันพัฒนาสังคม จึงให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการต้นกล้าอย่างเป็นระบบด้วยตัวเอง ได้แก่

  • การเลือกนายธนาคารเพื่อช่วยในการดำเนินการ 
  • ออกแบบแบบฟอร์มในการของรับต้นกล้า 
  • การลงทะเบียนสมาชิก 
  • ตรวจสอบระบบการนำต้นกล้าไปใช้ส่งผลให้เกิดการเพาะพันธุ์อย่างมีคุณภาพ 
  • การมอบต้นกล้าให้สมาชิกเพื่อเพิ่มปริมาณต้นชา 
  • การส่งเสริมให้เกิดการจัดการทรัพยากรต้นกล้าและเมล็ดพันธุ์อย่างมีประสิทธิภาพ 

นอกจากนี้ยังให้ความรู้ในการบริหารจัดการธนาคารต้นกล้า วางแผนการดำเนินงานและจัดสรรทรัพยากรอย่างเป็นระบบ ซึ่งในปี 2565 ที่เริ่มดำเนินการได้เปิดรับสมาชิกโครงการธนาคารต้นกล้ารุ่นที่ 1 มีผู้ผ่านเข้ามาเป็นสมาชิกจำนวน 21 ครัวเรือน จากนั้นได้มีการทำสำรวจผลการดำเนินงาน พบว่า 86.6% ของจำนวนสมาชิกได้นำองค์ความรู้ในการเพาะปลูกไปใช้ในการพัฒนาพื้นที่ทางการเกษตรของตนเองและเห็นการเปลี่ยนแปลงในเวลาต่อมา

ด้วยความสำเร็จของรุ่นแรก ในปีนี้มีผู้สนใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกโครงการธนาคารต้นกล้ารุ่นที่ 2 จำนวนเพิ่มขึ้น 12 ครัวเรือน ทำให้ปัจจุบันมีสมาชิกโครงการธนาคารต้นกล้ารวมทั้งสิ้น 33 ครัวเรือน

กลยุทธ์ CSR การตลาดเพื่อการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

โครงการพัฒนาคุณภาพชา : จัดตั้งขึ้นเพื่อให้สมาชิกมีองค์ความรู้ในเชิงบูรณาการ เข้าใจรูปแบบการผลิตที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพ และยังมีส่วนร่วมเพิ่มคุณภาพของผลผลิตตามหลักเกษตรอินทรีย์โดยไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม ได้แก่

  • การใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าสำหรับใช้ในการอบใบชา 
  • การเพาะปลูกที่ใช้ปุ๋ยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยแบ่งออกเป็น 2 งานหลัก คือ

(1) เพิ่มคุณภาพจากผลผลิตในปัจจุบัน : ผ่านการพัฒนาโรงอบใบชา โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2565 ร่วมกับศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว คณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ออกแบบนวัตกรรม “โรงอบชาอัจฉริยะ” (SMART) ที่ใช้ระบบอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ ผลปรากฏว่า สามารถแก้ไขข้อจำกัดในกระบวนการผลิตชาให้มีคุณภาพมากขึ้นจากโรงอบชาเดิม

  • สามารถเพิ่มผลผลิตการอบชาขึ้นเป็นจำนวน 100 ถาด
  • ตากใบชาสดได้เพิ่มขึ้นเป็น 300 กก./รอบ
  • จำนวนใบชาแห้งที่ได้เพิ่มขึ้นเป็น 60 กก./รอบ
  • มีการติดตั้งระบบ SMART Device ภายในโรงอบชา เพื่อแสดงผลฐานข้อมูลอุณหภูมิและความชื้นของโรงอบชาเพื่อนำมาวิเคราะห์และหาแนวทางการพัฒนาโรงอบชาต่อไป

(2) เพิ่มปริมาณของผลผลิตใบชาในอนาคต : ผ่านโครงการธนาคารต้นกล้า ด้วยการมอบต้นกล้าชาและเมล็ดพันธุ์ให้กับชุมชนซึ่งเป็นสมาชิกในโครงการ พร้อมให้ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาศักยภาพเกี่ยวกับกระบวนการเพาะปลูก ตั้งแต่การเพาะเมล็ดและคัดเลือกต้นกล้าที่แข็งแรง จัดอบรมเรื่องการดูแลต้นกล้า การใช้ปุ๋ยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการเก็บเกี่ยวตามมาตรฐาน โดยในปีแรกได้มอบต้นกล้าให้แก่สมาชิกรุ่นที่ 1

รวม 2,100 ต้น และเมล็ดพันธุ์รวม 21 กก.และในปีนี้ได้มอบต้นกล้าให้แก่สมาชิกรุ่นที่ 2 รวม 1,200 ต้น และเมล็ดพันธุ์อีก 12 กก. ซึ่งชุมชนได้รับต้นกล้าและเมล็ดพันธุ์ที่ลงแปลงเพาะแล้ว รวมกว่า 5,000 ต้น นอกจากนั้นสมาชิกในชุมชนยังมีแนวคิดร่วมกันในการผลักดันให้ชาดอยปู่หมื่นก้าวสู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ (Organic Thailand) ของกรมวิชาการเกษตร เพื่อสร้างมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ให้แก่สมาชิกสามารถนำไปต่อยอดในการจำหน่ายชาให้มีราคาขายมากยิ่งขึ้นพร้อมทั้งเพิ่มรายได้ในระยะยาว

“CSR สร้างการพัฒนาเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนในชุมชน

โครงการเพิ่มมูลค่าชาอัสสัม : เป็นโครงการที่มีแนวคิดเพื่อการต่อยอดจากผลผลิตใบชาเป็นผลิตภัณฑ์อื่น เพื่อยกระดับชาอัสสัมจากดอยปู่หมื่นให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง โดยได้รับการสนับสนุนจาก “เชฟชุมพล แจ้งไพร” เชฟมิชลิน 2 ดาว ผู้นำเสนอประสบการณ์อาหารไทยแบบ Fine Dining นำใบชามารังสรรค์ 3 เมนูอาหารคาว และ 2 เมนูเครื่องดื่ม พร้อมวางขายเมนูพิเศษในร้านหวานไทย นอกจากนี้เรายังมีแผนที่จะนำชาอัสสัมไปพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ซึ่งอยู่ในระหว่างดำเนินการ

และนอกจาก 3 โครงการข้างต้นแล้ว FWD ยังกำลังดำเนินการร่วมกับชุมชน คือ 

  • การแนะนำวิธีการทำการตลาดและการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางต่างๆ อาทิ ช่องทางออนไลน์ 
  • การต่อยอดสู่การออกบูธแสดงสินค้าของชุมชนได้ในอนาคต ผ่านการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ 
  • ส่งเสริมให้ชุมชนมีองค์ความรู้ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ 
  • การออกแบบบรรจุภัณฑ์ 
  • ให้ความรู้ด้านเทคโนโลยี เพื่อเป็นช่องทางการตลาดในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ การทำธุรกิจออนไลน์ การทำคอนเทนต์ การถ่ายภาพออนไลน์ ตลอดจนการเล่าเรื่องราว เพื่อสื่อสารอัตลักษณ์เด่นและเรื่องเล่าของชุมชน โดย FWD ให้ความสำคัญและมุ่งเน้นการส่งเสริมพัฒนาทั้งห่วงโซ่ผลิตภัณฑ์ ทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง

“นอกจากนี้ ในการทำงานขั้นตอนต่อไป ทางทีมงานพร้อมนำข้อมูลที่ได้เกี่ยวกับผลผลิตใบชาที่มีคุณภาพ เพื่อให้ได้รับมาตรฐานที่เป็นสากล โดยเรามุ่งหวังให้ชุมชนสามารถยืนอยู่ได้ด้วยตัวเองอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน หลังจากได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมความรู้ทั้งในเรื่องสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ FWD ประกันชีวิต จะนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากโครงการนี้เป็นโมเดลต้นแบบในการพัฒนาชุมชนอื่นๆ ต่อไป” นายเดวิด กล่าว

วิเคราะห์กลยุทธ์การทำ CSR แบรนด์ FWD ที่นักการตลาดต้องจด!!

จากแคมเป็นนี้สามารถแบ่งกลยุทธ์ออกมาได้ 2 มุมคือ

1.ด้านการประชาสัมพันธ์ : เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ให้แบรนด์มีความเป็นที่รักของสังคม จากการเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือ พัฒนา และแก้ไขปัญหาให้กับชุมชน สำหรับแบรนด์ที่มีโรงงานที่อาจสร้างความรบกวนทางสิ่งแวดล้อมให้ผู้ที่อยู่ใกล้เคียง สามารถนำกลยุทธ์นี้ไปปรับใช้กับธุรกิจได้นะคะ เช่นการจัดโครงการอาสาปรับปรุงสถานที่ของชุมชน จัดโครงการส่งเสริมสุขภาพต่าง ๆ เพื่อสุขภาพที่ดีของคนในชุมชน เป็นต้น ถือเป็นการขอบคุณและขอโทษ ช่วยลดความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นกับผู้คนที่อยู่ระแวกใกล้ที่ได้รับผลกระทบจากโรงงานและธุรกิจของเราได้

2.การใช้โฆษณาแฝงจากการจัดทำโครงการ : เนื่องจาก FWD เป็นแบรนด์ประกันชีวิต การโฆษณาแบบกระโตกกระตากมากไป จะทำให้แบรนด์ไม่น่าเชื่อถือ การใช้กลยุทธ์โฆษณาแฝงจาก ECO Packaging และการโฆษณาสินค้าโดยการใช้ Storytelling จากโครงการนี้สร้างความเป็นมิตรต่อสังคม ซื้อใจผู้บริโภคและสร้าง Effect ให้ผู้บริโภคที่เป็นลูกค้าของ FWD ประกันชีวิตว่าได้เป็นส่วนหนึ่งที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ จากแคมเปญ CSR นี้หวังว่าผู้อ่านจะได้ไอเดียเพื่อนำมาต่อยอดในธุรกิจของ ชาว Marketer กันนะคะ โดยเฉพาะ ธุรกิจที่มีการผลิตสินค้า เช่น โรงงานผลิตสินค้าต่าง ๆ ที่อาจจะมีผลกระทบกับชุมชนในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น แสง เสียง กลิ่น หากเรามีการทำ CSR เพื่อแสดงความเป็นมิตรกับชุมชน อาจช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ให้ธุรกิจ ลดความไม่พอใจต่อผู้คนในชุมชน เพื่อให้ธุรกิจของเราดำเนินไปอย่างราบรื่น เป็นที่รักของชุมชน และนำมาซึ่งการสนับสนุนสินค้าเราต่อไปค่ะ

สนใจอ่านข้อมูลการทำ CSR อื่น ๆ เพิ่มเติม คลิกที่นี่ได้เลย!

อัพเดทข่าวสาร เพื่อติดปีกให้คุณเป็นนักการตลาดที่ไม่ OUT !!!  อ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มเติม คลิกที่ลิ้งค์นี้ได้เลยค่ะ เพจการตลาดวันละตอน เว็บไซต์ Twitter Instagram YouTube และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนค่ะ

Chulee.

นักพัฒนาผลิตภัณฑ์และสื่อสารการตลาด / นักเขียนบทความการตลาด ชอบงานศิลปะ งานครีเอท ไอเดีย เจ๋ง ๆ จึ้ง ๆ! น้องใหม่ทีมการตลาดวันละตอน ฝากผลงานด้วยนะคะ :) ♥รักเวลา... เวลามีค่ามากที่สุด⏰

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *