Adobe เปิดตัว Firefly ช่วยสร้างงานครีเอทีฟแบบมือโปรได้อย่างง่าย ใครๆ ก็ทำได้ด้วย Generative AI

Adobe เปิดตัว Firefly ช่วยสร้างงานครีเอทีฟแบบมือโปรได้อย่างง่าย ใครๆ ก็ทำได้ด้วย Generative AI

Adobe ( Nasdaq:ADBE ) เปิดตัว Firefly ซึ่งเป็นโมเดล Generative AI สำหรับงานครีเอทีฟ โดยในเบื้องต้นจะมุ่งเน้นที่การสร้างภาพและเอฟเฟ็กต์ข้อความ  Firefly จะช่วยเพิ่มความถูกต้องแม่นยำ ประสิทธิภาพ และความสะดวกรวดเร็วให้กับเวิร์กโฟลว์ Creative Cloud, Document Cloud, Experience Cloud และ Adobe Express 

ซึ่งรองรับการสร้างและแก้ไขคอนเทนต์  โดย Firefly จะเป็นส่วนหนึ่งของชุดบริการ Adobe Sensei generative AI บนแพลตฟอร์มคลาวด์ของ Adobe

Adobe มีประวัติที่ยาวนานมากกว่าหนึ่งทศวรรษในด้านนวัตกรรม AI โดยนำเสนอความสามารถอัจฉริยะหลายร้อยรายการผ่าน Adobe Sensei ในแอปพลิเคชั่นที่ผู้ใช้หลายร้อยล้านคนไว้วางใจเลือกใช้  ฟีเจอร์ต่างๆ เช่น Neural Filters ใน Photoshop, Content Aware Fill ใน After Effects, Attribution AI ใน Adobe Experience Platform 

และ Liquid Mode ใน Acrobat ช่วยให้ลูกค้าของอะโดบีสามารถสร้าง แก้ไข วัดผล เพิ่มประสิทธิภาพ และรีวิวคอนเทนต์หลายพันล้านชิ้นได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ง่ายดาย แม่นยำ และเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ  นวัตกรรมเหล่านี้ได้รับการพัฒนาและปรับใช้โดยสอดคล้องกับหลักจริยธรรมด้าน AI ของอะโดบี ทั้งในแง่ที่เกี่ยวกับความน่าเชื่อถือ ความรับผิดชอบ และความโปร่งใส

เดวิด วาดห์วานี ประธานฝ่ายธุรกิจสื่อดิจิทัลของอะโดบี กล่าวว่า “Generative AI คือวิวัฒนาการขั้นต่อไปของการสร้างสรรค์และการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการขับเคลื่อนของ AI เป็นการพลิกโฉมการสื่อสารระหว่างครีเอเตอร์กับคอมพิวเตอร์ให้มีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น รวมถึงมีประสิทธิภาพและความสะดวกในการใช้งานมากขึ้นด้วย  

Adobe เปิดตัว Firefly ช่วยสร้างงานครีเอทีฟแบบมือโปรได้อย่างง่าย ใครๆ ก็ทำได้ด้วย Generative AI

ด้วยการทำงานของ Firefly อะโดบีจะผสานรวม ‘องค์ประกอบของงานครีเอทีฟ’ ที่ขับเคลื่อนด้วย Generative AI เข้ากับเวิร์กโฟลว์ของลูกค้าโดยตรง ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ให้กับครีเอเตอร์ทุกคน ตั้งแต่บุคลากรครีเอทีฟระดับสูง ไปจนถึงผู้ใช้งานในทุกภาคส่วนของระบบเศรษฐกิจ Creator Economy”

Adobe Firefly มอบพลังพิเศษใหม่ๆ ให้กับครีเอเตอร์

Adobe ออกแบบ Firefly เพื่อมอบพลังพิเศษให้กับครีเอเตอร์ทุกคนให้สามารถทำงานตามจินตนาการได้อย่างรวดเร็ว Firefly จะช่วยให้ทุกคนที่สร้างคอนเทนต์ ไม่ว่าจะมีประสบการณ์หรือทักษะมากน้อยเพียงใดก็ตาม สามารถใช้จินตนาการของตนเองเพื่อสร้างคอนเทนต์ในแบบที่พวกเขาต้องการ

ตั้งแต่รูปภาพ เสียง เวกเตอร์ วิดีโอ และชิ้นงาน 3 มิติ ไปจนถึงองค์ประกอบด้านงานครีเอทีฟ เช่น พู่กัน การไล่ระดับสี และการแปลงวิดีโอ โดยทั้งหมดนี้สามารถทำได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน  Firefly จะรองรับการผลิตคอนเทนต์หลากหลายรูปแบบอย่างไร้ขีดจำกัด รวมถึงการปรับเปลี่ยนได้ตามใจ

โดยทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว  อะโดบีจะรวม Firefly เข้ากับเครื่องมือและบริการชั้นนำของอุตสาหกรรมโดยตรง ดังนั้นผู้ใช้จึงสามารถใช้ประโยชน์จากพลังของ Generative AI ภายในเวิร์กโฟลว์ที่มีอยู่ได้อย่างง่ายดาย

Adobe เปิดตัว Firefly รุ่นเบต้าวันนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าครีเอเตอร์ที่มีประสบการณ์และทักษะทุกระดับไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็สามารถสร้างภาพที่มีคุณภาพสูงและเอฟเฟ็กต์ข้อความที่น่าทึ่งได้ Adobe เชื่อว่าพลังที่สมบูรณ์ของเทคโนโลยีไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากปราศจากจินตนาการอันยิ่งใหญ่ที่จะเติมพลังให้กับเทคโนโลยีนั้น  

ภายใต้การทดลองใช้งาน อะโดบีจะทำงานร่วมกับชุมชนครีเอเตอร์และลูกค้าเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่สำคัญนี้ และจะผนวกรวมเข้ากับแอปพลิเคชั่นของอะโดบี  โดยแอปพลิเคชั่นชุดแรกที่สามารถใช้ Firefly ได้แก่ Adobe Express, Adobe Experience Manager, Adobe Photoshop และ Adobe Illustrator

รูปภาพคุณภาพสูงที่รองรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ได้อย่างปลอดภัย

Firefly จะประกอบด้วยหลายโมเดลที่ได้รับการปรับแต่งเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มีชุดทักษะและความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคที่แตกต่างกัน โดยโมเดลเหล่านี้รองรับ use case ที่หลากหลาย โมเดลแรกสุดของอะโดบี จะได้รับการฝึกฝนเกี่ยวกับภาพ Adobe Stock, คอนเทนต์ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานได้อย่างเปิดเผย

และคอนเทนต์สาธารณะที่ลิขสิทธิ์หมดอายุแล้ว โดยจะมุ่งเน้นที่รูปภาพและเอฟเฟ็กต์ข้อความ โดยสามารถสร้างคอนเทนต์ที่สามารถนำไปใช้งานเชิงพาณิชย์ได้อย่างปลอดภัย ภาพลิขสิทธิ์ระดับมืออาชีพจำนวนหลายร้อยล้านภาพใน Adobe Stock เป็นส่วนหนึ่งของภาพที่มีคุณภาพสูงสุดในตลาด และช่วยรับประกันว่า Firefly จะไม่สร้างคอนเทนต์

โดยอ้างอิงจากทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่นหรือแบรนด์ต่างๆ โมเดล Firefly ในอนาคตจะใช้ประโยชน์จากทรัพยากร เทคโนโลยี และข้อมูลการเทรนที่หลากหลายจากอะโดบีและอื่นๆ และเมื่อมีการปรับใช้โมเดลอื่นๆ อะโดบีจะยังคงให้ความสำคัญกับการป้องกันอคติที่อาจเป็นอันตรายได้ (potential harmful bias)

สำหรับใครที่อยากอ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มเติม หรือข่าวสารการตลาด สามารถติดตามได้จาก เพจการตลาดวันละตอน รวมไปถึง เว็บไซต์ Twitter Instagram YouTube และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนด้วยนะคะ

การตลาดวันละตอน

การตลาดวันละตอน เว็บรวมความรู้การตลาดด้าน Data และ Personalization

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *