ส่องวิธีครีเอทโฆษณาแบบ Personalize Ad ตามกลุ่มเป้าหมายด้วยการทำ Creative Automation จาก Bobbi Brown

ส่องวิธีครีเอทโฆษณาแบบ​ Personalize​ Ad​ ตามกลุ่ม​เป้าหมาย​ด้วย​การทำ Creative​ Automation​ จาก Bobbi​ Brown

ในช่วง 1-2 ปีมานี้ถือว่าเป็นปีที่ท้าทายอย่างมากในการทำธุรกิจ เนื่องจากการระบาดของโรค Covid-19 ทำให้หลายๆ แบรนด์ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันและตอบสนองให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า จนต้องตบเท้าก้าวเข้าสู่โลกโลกดิจิทัลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ซึ่งการตลาดแบบรู้ใจ หรือ Personalization นับเป็นคำตอบและหัวใจสำคัญของการตลาดในยุคนี้เลยทีเดียว เพราะแบรนด์ที่สามารถทำความเข้าใจนิสัยใจคอไปจนถึงความชื่นชอบของลูกค้าได้ ก็ย่อมได้เปรียบและสามารถสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ได้มากกว่าในยุคที่ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ความไม่แน่ไม่นอนอย่างเช่นทุกวันนี้ 

หลังจากที่บทความที่แล้วการตลาดวันละตอนได้พาทุกคนไปทำความรู้จักและทำความเข้าใจกับการบริหารจัดการ Xact Data จากแพลตฟอร์มบริหาร Data ของ “ADA” กันไปแล้ว วันนี้เราจะพามาดู Case Study ที่น่าสนใจ เพื่อให้นักการตลาดเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นว่าเมื่อนำ Xact Data มาใช้งานจริงแล้วจะทำให้แคมเปญการตลาดดูน่าสนใจมากขึ้น และประสบความสำเร็จได้อย่างไรบ้าง 

Data Driven Creative Campaign เริ่มต้นการสร้างสรรค์แบบรู้ใจด้วยการใช้ข้อมูล

สำหรับ Case Study ที่เราจะนำมาเป็นตัวอย่างในวันนี้เป็นแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำอย่าง Bobbi Brown ที่ต้องการนำเสนอ Product ใหม่คือ Foundation 

ซึ่งทาง ADA Thailand ก็ได้นําเสนอกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพผ่านการวางแผน และการซื้อสื่อแบบครบวงจรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เพื่อ Drive Traffic ให้ทั้งลูกค้าใหม่ และลูกค้าปัจจุบันของแบรนด์เข้าไปยังเว็บไซต์เพื่อเข้าไปลองเทสเฉดสีของ Foundation ที่เหมาะสมและเข้ากับสีผิวของลูกค้ามากที่สุด

ขั้นตอนแรกเลยเมื่อทาง ADA ได้ข้อมูล Insight เบื้องต้นมาจาก Bobbi Brown แล้ว ก็นำข้อมูลเหล่านั้นมาเป็นสารตั้งต้น แล้วใช้ Xact Data จากแพลตฟอร์มบริหาร Data ของ ADA มาช่วยในการสำรวจและดึงข้อมูลพฤติกรรมเชิงลึกว่ากลุ่มเป้าหมายของลูกค้าน่าจะเป็นคนกลุ่มไหน อายุเท่าไหร่ มีความชอบอะไร มีพฤติกรรมอย่างไร และสนใจในด้านไหนเป็นพิเศษบ้าง เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น จนสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ

  • Gym Junkies
  • Cafe Hopping
  • Work Professional

แล้วนำมาแบ่งเป็นผู้ชาย และผู้หญิง จากนั้นค่อยนำมา Breakdown ว่าเราจะสื่อสารกับแต่ละคนในแต่ละกลุ่ม ด้วย Massage ในลักษณะไหนบ้างให้เหมาะสม แม่นยำ และรู้ใจแต่ละ Persona มากที่สุด

Personailzation Experience ต้องรู้ใจแค่ไหนถึงสามารถเข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคได้

หากเปรียบว่าการรู้ข้อมูล และ Insight ของลูกค้านั้นถือเป็นข้อได้เปรียบในการทำธุรกิจ รวมไปถึงทำให้แคมเปญการตลาดของเราก้าวนำคนอื่นไปหนึ่งช่วงตัวแล้วล่ะก็ การนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์อย่างจริงจัง เพื่อส่งสารไปหาผู้บริโภคอย่างตรงจุดก็คงเป็นอีกปัจจัยที่ส่งเราเข้าเส้นชัยได้อย่างไม่ยากเย็น 

ลองมาดูกันว่าแล้ว ADA เขาใช้วิธีการไหนถึงสามารถส่ง Bobbi Brown เข้าเส้นชัย รวมถึงเข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคด้วย

1-to-1 Personalization รู้จักแบบรู้ใจ

อย่างที่บอกไปว่าทาง ADA ได้ใช้ข้อมูลจาก Xact Data ดึงกลุ่ม Persona ออกมาได้ 3 กลุ่ม คือ Gym Junkie, Cafe Hopping และ Work Professional แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นคนในกลุ่มเดียวกัน แต่เพศต่างกัน ความต้องการก็ย่อมไม่เหมือนกัน 

ดังนั้นด้วยความต้องการให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์ แบบ Personalization ที่ตรงกับความต้องการของตัวเองมากที่สุด ADA ก็เลยได้เอาความเชี่ยวชาญด้าน Data Insights ที่แข็งแรงมากๆ นี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยนอกจากจะแบ่งกลุ่ม by persona แล้ว ยังได้ทำการแบ่งแต่ละกลุ่มออกเป็นเพศชาย และเพศหญิง จากนั้นจึงค่อยวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าเพื่อนำมาสร้าง Massage ในการสื่อสารให้ตรงโจทย์ตรงใจผู้บริโภคให้มากที่สุด

Personalization Massage สร้างเนื้อหาให้โดนใจ

เคยได้ยินคำว่า “ต่างคน ต่างใจ ต่างความชอบ” ไหมคะ? การทำการตลาดแบบ Personalization ก็ยึดหลักนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งทาง ADA เองก็เข้าใจหลักการนี้เป็นอย่างดีว่าการปรับแต่งข้อความเฉพาะบุคคล (Personalization) ให้กับลูกค้ากลุ่มต่างๆ และตรงความสนใจที่แตกต่างกันของพวกเขาก็จะยิ่งทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกว่าคุณ เข้าใจ และใส่ใจพวกเขาจริงๆ 

ซึ่งปกติแล้วเวลามีการรันแคมเปญ หรือรันโฆษณาเพื่อ Conversion ส่วนใหญ่ก็จะมีแค่ 1 Message กับกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการจะสื่อสารด้วย แต่ด้วยฟังก์ชันจากเครื่องมือ Creative Automation ของ ADA ทำให้สามารถทำครีเอทีฟได้หลายชุด จึงช่วยทำให้การรันโฆษณานั้นตรงกลุ่มมากกว่า

ทาง ADA ก็เลยทำการแบ่งเป็นเพศชาย-หญิง ในแต่ละ Persona จากนั้นก็เอาตัว VDO Asset ของทาง Bobbi Brown มาปรับแต่งข้อความในช่วงต้นและช่วงท้ายวิดีโอโดยใส่ Massage ที่จะคุยกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม Target Audience เข้าไป แล้วค่อยครีเอทเป็นตัว Artwork ออกมา ซึ่งข้อความที่สื่อสารนั้นก็จะแตกต่างกันไป เช่น

  • กลุ่ม Gym Junkies ก็จะสื่อสารด้วยข้อความที่เกี่ยวข้องการออกกำลังกาย “เลือกรองพื้นที่ใช่แล้วใส่แรงให้สุด ลองเลยที่ bobbibrown.com”
  • กลุ่ม Cafe Hopping ก็จะเน้นไปในเรื่องของการถ่ายรูป ส่วน Massage ที่จะคุยกับคนกลุ่มนี้ก็คือ “งานผิวดี ถ่ายคาเฟ่ไหนก็ปัง เลือกรองพื้นให้เหมาะกับสีผิวของคุณได้ก่อนใครที่นี่”
  • กลุ่ม Work Professional สำหรับคนกลุ่มนี้ก็จะเน้นในเรื่องของความเป็นการเป็นงานขึ้นมาอีกหน่อย โดย Massage ที่สื่อสารออกไปจะเป็น “ค้นหาสีรองพื้นที่เหมาะกับคุณได้แล้ววันนี้ที่ bobbibrown.com”

Personalized Ads แนะนำอย่างเข้าใจ

การตลาดที่ดีนอกจากการสื่อสารให้ถูกกลุ่มแล้วยังต้องสื่อสารให้ถูกที่ ถูกเวลาด้วย ถึงจะถูกใจ จนได้ใจกลุ่มเป้าหมายในที่สุด แน่นอนว่า ADA ก็คิดและวิเคราะห์เรื่องนี้มาเป็นอย่างดีแล้วเช่นกัน เพราะนอกจากจะมีการทำ Massage by Persona แล้ว ยังมีการครีเอท Massage by Funnel ด้วย 

โดยในฝั่งที่ ADA ทำให้ Bobbi Brown นั้นจะเป็นการเน้นในเรื่องของการซื้อบนเว็บไซต์ ซึ่งการจะพาคนไปซื้อบเว็บได้นั้นจะต้องผ่าน 2 ขั้นตอนสำคัญคือ ขั้น Consideration และ Conversion 

ในส่วนที่เป็นขั้นตอนของการ Consideration นั้นก็คือสิ่งที่เราได้เล่าให้ฟังก่อนหน้านี้ คือการสื่อสารเพื่อให้คนได้เข้าไปลองเล่น ลองเลือกสีรองพื้นในเว็บไซต์ดูก่อนว่ามันแมชต์เข้ากับสีผิวเขาหรือไม่ Massage หลักๆ มันเลยเป็นการให้กลุ่มเป้าหมายของเราได้เข้ามาลองเล่นในเว็บไซต์ดู เพื่อที่เมื่อลูกค้าเข้ามาเล่นแล้วทาง ADA ก็จะได้ทำการขอ Cookie เพื่อที่จะเอามา Retargeting ในเสต็ป Conversion ต่อมา

ซึ่งการสารสื่อสารในขั้นตอนของ Conversion จะไม่ใช่การสื่อสารแบบ Persona แล้ว เพราะว่าเรารู้แล้วว่าคนที่เข้ามาเล่น มาลองเฉดสีในเว็บไซต์เขาคือคนที่สนใจรองพื้นอยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งที่จะสื่อสารในเสต็ปนี้จะเป็นการใช้ Product เป็นตัวลีดแทน โดยแบ่งเป็นผู้หญิง-ผู้ชาย เหมือนเดิม สำหรับ Format ของ Creative Automation ในส่วนนี้ก็จะมีแพทเทิร์นคล้ายๆ กับเสต็ป Consideration แต่จะเน้นเรื่องการขายมากกว่า โดยที่ในช่วงท้ายจะมีการใส่ Massage ที่สื่อสารในการนำเสนอส่วนลด โปรโมชั่น หรือข้อเสนอพิเศษต่างๆ แทน

ความจริงแล้วเรื่องของการทำการตลาดแบบรู้ใจ หรือ Personalization นั้นมีมานานแล้ว แต่ทุกวันนี้ด้วยเทคโนโลยีนั้นทำให้เราสามารถเข้าถึง Data ได้ลึกขึ้นจึงสามารถทำ Personalization แบบลึกมากขึ้น และเฉพาะเจาะจงมากขึ้นด้วย

เรียกได้ว่าเคส Bobbi Brown จาก ADA นี้เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจในการหยิบจับ Data ที่มีในมือมาใช้ตอบโจทย์การทำแคมเปญทางการได้ตลาดได้ครบทุกมิติและความต้องการ โดยการเอาเครื่องมือ และเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่าง Creative Automation มาใช้ในการเลือกข้อความที่จะสื่อสารแบบรู้ใจ และตรงกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด

สำหรับนักการตลาด หรือเจ้าของธุรกิจคนไหนที่สนใจอยากทำแคมเปญการตลาดพิเศษในแบบที่รู้ใจผู้บริโภคอย่างนี้ สามารถเข้าดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ada-asia.com/about-our-data/ หรือสามารถติดต่อ เอดีเอ ในประเทศไทย ได้ที่ ada-asia.com/thailand

สำหรับ Case Study ที่น่าสนใจของ ADA นั้นยังไม่หมดแค่นี้ ในบทความหน้าจะมีอะไรมาอัปเดตอีกบ้าง สามารถติดตามได้ผ่านเพจการตลาดวันละตอน รวมถึง Twitter และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนนะคะ

Bambinun*

Content Creator แห่งการตลาดวันละตอน ที่หลงรักการเล่าเรื่องผ่านตัวหนังสือ พอๆ กับการกินของอร่อย และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเป็นทาสแมว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ใช้ Social Listening บ้างไม่ ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถาม ว่าปกติใช้ Social Listening บ้างหรือไม่ แล้วถ้าใช้ ใช้ตัวไหนอยู่