วิเคราะห์แนวคิด Corporate Campaign ‘สารภาพว่าติดบ้าน’ เปิดนิยามความ ‘น่าอยู่’ ในฉบับของ LPN รันวงการอสังหาฯ ด้วยอินไซต์ ใช้มัดใจคนทุกเจนเนเรชัน

‘ติดธุระที่บ้าน’ วลียอดฮิตติดปากของคนไทยที่มีอยู่มานานแสนนาน เมื่อเราพูดถึงคำนี้เมื่อไหร่ คงหนีไม่พ้นที่คนจะคิดว่า ‘บ้านที่หมายถึงธุระครอบครัว’ แต่ใครจะไปคิดว่าทุกวันนี้ ธุระที่คนติดอาจจะไม่ใช่งานครอบครัว แต่กลายเป็น ‘ติดธุระที่บ้าน’ ที่เป็นบ้านจริง ๆ ไม่ใช่ความหมายแฝงแต่อย่างใด

สารภาพว่าติดบ้าน ไม่ใช่เรื่องเลื่อนลอยที่คนมักพูดอีกต่อไป เพราะ LPN ได้นำมาทำให้เป็นจริง ผ่านการทำแคมเปญสะท้อนโมเม้นท์ของคนติดบ้านได้อย่างสนุกสนาน ในมุมมองของบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN แบรนด์ที่ผลิตอสังหาริมทรัพย์ตอบโจทย์ผู้ใช้จริงในสังคม

ซึ่งในวันนี้ เราจะพามาถอดรหัสแนวคิดและวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจของแบรนด์ LPN สู่ Corporate Campaign ‘สารภาพว่าติดบ้าน’ ว่าคิดยังไง มีคอนเซ็ปต์ไอเดียแบบไหน และอะไรที่ทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จจนกลายมาเป็นเบอร์ต้น ๆ รันวงการอสังหาฯ อยู่คู่คนไทยในทุกเจนเนเรชัน

ดึงอินไซต์จริงจากผู้อยู่อาศัย สู่ ‘Livable Living Experience’ ให้เป็นบ้านที่ ‘น่าอยู่’ สำหรับทุกคน

โมเมนต์ที่มนุษย์สักคนหนึ่งได้รับรู้ว่าเรามีบ้านให้ได้อยู่ มันคงเป็นอะไรที่คิดแล้วคงมี ‘ความสุขมาก’ แต่คงจะดีกว่านี้มาก ถ้าบ้านที่เราพักพิงมีความ ‘น่าอยู่’ ในเวอร์ชั่นของเราเอง

และถ้าให้นิยามความน่าอยู่ของแต่ละคน แน่นอนว่าคำตอบที่ได้คงมีความแตกต่างกันไป เพราะความน่าอยู่เป็นปัจเจก ซึ่งนี่คือความท้าทายอย่างหนึ่งที่ LPN ต้องเผชิญ

ทว่า “LPN เชื่อว่า การที่ทำให้คน ๆ หนึ่งได้มีบ้าน เป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่มาก เป็นพื้นฐานที่จะทำให้สังคมดีขึ้น”  

โดยคำกล่าวนี้มาจาก นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) นำมาสู่แนวคิดในการดำเนินธุรกิจที่ LPN ยึดถือมาตลอดระยะเวลา 34 ปี ทำให้ LPN กลายเป็น Top of mind ในด้านของความเป็นมืออาชีพ โครงการที่มีคุณภาพมาตรฐาน ตอบโจทย์ทั้งลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง หรือซื้อเพื่อลงทุน ด้วยเหตุผลที่ว่าราคาที่เข้าถึงง่าย ขายคล่อง ขายต่อยังได้กำไร เรียกได้ว่า ‘น่าอยู่ในทุกมิติ’ ทั้งคนซื้อและคนขาย 

ก้าวเข้าสู่ปีที่ 35 ในปัจจุบัน LPN ยังให้ความสำคัญกับสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน ซึ่งพัฒนามาจากอินไซต์การใช้ชีวิตของลูกค้าจริงเป็นหลัก ทั้งในเรื่องของการออกแบบดีไซน์พื้นที่สีเขียว และพื้นที่ส่วนกลางต่าง ๆ เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ความ ‘น่าอยู่’ ที่ LPN ตั้งใจส่งมอบให้กับลูกค้าทุกคน

ในฐานะผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพมาตลอด 34 ปี จากจุดเริ่มต้นที่ LPN ต้องการส่งมอบความ ‘น่าอยู่’ ให้กับลูกค้า จึงเป็นที่มาของการสื่อสาร Corporate Campaign ใหม่ภายใต้ชื่อ #สารภาพว่าติดบ้าน ที่ถูกพัฒนามาจากอินไซต์ของผู้ลูกค้าจริงเช่นเดียวกัน 

โดยมาจากอินไซต์ของกระแสของคนติดบ้าน อยากอยู่บ้าน ไม่อยากออกไปไหน เพราะบ้านมันน่าอยู่ จึงเป็นที่มาของการใช้กลุ่มคำสื่อสารออกไปว่า ‘ติดธุระที่บ้าน’ ใช้แทนการปฎิเสธแบบกลาย ๆ นั่นเอง ก่อให้เกิดการส่งมอบ ‘Livable Living Experience’ ในนิยามของ LPN ให้เป็นบ้านที่ ‘น่าอยู่’ กับทุกคนและทุกเจนเนอเรชั่น 

สารภาพว่าติดบ้าน เพราะติดความ ‘น่าอยู่’ ของแอล.พี.เอ็น

สารภาพว่าติดบ้าน เป็นแคมเปญที่ถ่ายทอดความสุขภายใต้การอยู่อาศัยของ LPN ที่มีคุณภาพ และส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยวิถีที่ยั่งยืนในราคาที่เหมาะสม มาพร้อมกับดีไซน์ที่ทันสมัย บ่งบอกความเป็นตัวเองที่เรียบง่าย แต่มีสไตล์ เทสดี และเป็นที่ที่สามารถแชร์ประสบการณ์ความสุขร่วมกับผู้อื่นได้ด้วย จึงเป็นไอเดีย ที่ต้องการสื่อสารให้บุคคลทั่วไปเข้าใจได้ง่าย 

Corporate Campaign นี้ถูกสร้างขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘ติดธุระที่บ้าน’ โดย LPN มุ่งมั่นตั้งใจที่จะสื่อสารถึงหัวใจสำคัญของแบรนด์ในเรื่องความ ‘น่าอยู่’ เป็น Key Massage  และสร้างสรรค์เรื่องราว ที่สะท้อนความ ‘น่าอยู่’ มาในรูปแบบหนังโฆษณาถึง 3 เรื่อง 3 ไลฟ์สไตล์ ได้แก่ เจ้านายที่รัก, เพื่อนที่รัก และ แฟนที่รัก 

สื่อถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพของ LPN ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโด ที่เต็มไปด้วยความน่าอยู่ จนไม่อยากออกไปไหน ผ่านมุมมองของกลุ่มคนในหลากหลายเจนเนอเรชั่นในปัจจุบัน เช่น วัยรุ่น วัยทำงาน และวัยที่กำลังสร้างครอบครัว เป็นต้น ผสมผสานอินไซต์จริงกับบรรยากาศความน่ารักทำให้คนดูได้อมยิ้มตามไปพร้อม ๆ กัน 

ยกตัวอย่างเช่น Chapter 1 เจ้านายที่รัก — ภายในสื่อโฆษณาชุดนี้เราจะเห็นว่า เจ้านายโทรมาชวนให้ไปทานข้าวกับ CEO แต่เนื่องจากเป็นวันหยุดพักผ่อน เจ้าตัวจึงมีความรู้สึกอยากอยู่กับบ้านมากกว่า อยากพักผ่อน ดื่มด่ำความสุขอยู่กับบ้าน ใช้ชีวิตอยู่คนคนที่เรารัก  และเพราะอยากอยู่บ้าน ใช้ชีวิตกับครอบครัวเลยงัดเหตุผลมาบอกกับเจ้านายไปว่า ‘ติดธุระที่บ้าน’ ไม่สามารถไปกับเจ้านายได้ 

โดยตัวสื่อโฆษณาจะเต็มไปด้วยบรรยากาศของความน่าอยู่ภายในบ้านของโครงการ LPN จะบอกว่าเป็นการสารภาพว่าติดบ้าน เพราะติดความน่าอยู่ในของแอล.พี.เอ็น ก็คงไม่ผิดซะเท่าไหร่

เคยไหมคะ? ที่บางทีบางวันเราอยากอยู่บ้าน ไม่อยากออกไปไหนแต่เพื่อนชอบมาชวนเลยต้องแกล้ง ๆ คุยทิพย์หารือกับพ่อแม่ หาวิธีเทนัด แล้วลงเอยด้วยประโยคที่ว่า ไปไม่ได้อ่ะ เพราะ ‘ติดธุระที่บ้าน’  อย่างในโฆษณาชุดที่ 2 เพื่อนที่รัก เช่นเดียวกันที่จับจุดถึงชาวติดบ้านได้อย่างถึงแก่น เหมือนมานั่งอยู่ในใจแล้วสื่อสารออกไปแทนชาวติดห้อง 

โดยในส่วนของ Chapter 2 เพื่อนที่รัก — เป็นโฆษณาที่เป็นสถานการณ์เพื่อนโทรมาถามว่าถึงไหนแล้วแต่รู้สึกอยากอยู่คอนโด เอนจอยการใช้ชีวิตในวันสบาย ๆ มากกว่า เลยโมเมขึ้นมาว่าคุยทิพย์กับแม่ในรูป แล้วบอกเพื่อนไปว่า ไปส่งเพื่อนไม่ได้แล้ว เพราะติดธุระที่บ้าน หลังจากนั้นก็ทิ้งตัวลงด้วยความสบายใจ มีความสุขที่ได้อยู่ห้อง ทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามใจปราถนา ติดกับความน่าอยู่ที่มากขึ้นของคอนโด LPN ที่มาพร้อม Facility ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ 

ซึ่งนี่ก็เป็นเพียงโฆษณาทั้งสองชุดแรกที่ได้ปล่อยออกมาสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อวันที่ 11 ต.ค. และ 25 ต.ค. นี้ ผ่านช่องทาง Facebook Official: LPN Connect และ Youtube: LPN Connect โดยโฆษณาตัวอื่น ๆ จะทยอยปล่อยออกมา ภายในเดือน ต.ค. – พ.ย. 66 สามารถติดตามชมได้ตลอดผ่านช่องทางดังกล่าว 

LPN นอกจากจะน่าอยู่ในทุกมิติและยัง ‘ใส่ใจ’ ในทุกมิติเช่นเดียวกัน

นอกจากตัวรูปแบบของสื่อโฆษณาและแนวคิดที่มาที่ไปของแคมเปญแล้ว แบรนด์ยังใส่ใจในทุกรายละเอียดที่เราอาจไม่คิดถึง เช่น ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาทั้ง 3 ชุดนี้และบทเพลงประกอบ ได้คุณมอร์ วสุพล เกรียงประภากิจ ผู้กำกับฝีมือดีที่มีเอกลักษณ์ กลั่นพลังสร้างสรรค์ออกมาแล้วหลายสิบชิ้นมาร่วมกำกับ

ในด้านของบทเพลงประกอบชุดโฆษณาที่เลือกใช้บทเพลง ‘Sunday’ ที่มีเนื้อหาสอดคล้องกับเรื่องราวต่าง ๆ ซึ่งขับร้องโดย มอร์ วสุพล เกรียงประภากิจ ศิลปินนักร้องและผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาชื่ออีกดังเช่นเดียวกัน

รวมถึงเลือกวิธีการสื่อสารที่ครอบคลุมทั้งในส่วน Above The Line และ Below The Line เน้นกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ ที่ใช้งานผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก รวมถึงการวางแผนการสื่อสารอย่างต่อเนื่องทุกรูปแบบ

สะท้อนถึงปรัชญาของแบรนด์ LPN อย่างเหนียวแน่น ในการสร้างที่พักอาศัยที่มีคุณภาพ และส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยวิถีที่ยั่งยืนในราคาที่เหมาะสม ทุกรายละเอียดที่ไม่ใช่อสังหาฯ ยังใส่ใจขนาดนี้ แล้วตัวบ้านล่ะจะใส่ใจขนาดไหน ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงกลายเป็นบ้านที่คนอยากจะติดทำธุระจริง ๆ ค่ะ 

5C แกนหลักความน่าอยู่ ในแบบฉบับของ LPN

กว่า 3 ทศวรรษที่ LPN ได้ยึดมั่นในแนวทางการพัฒนา ที่พักอาศัยคุณภาพ ที่มาพร้อมกับความ ‘น่าอยู่’ จนสามารถปลุกปั้นแบรนด์ลุมพินีจนแข็งแกร่ง และมั่นใจในคุณภาพมาได้อย่างยาวนาน 

สิ่งหนึ่งที่ LPN จะไม่เปลี่ยนแปลง คือ การยึดมั่นในแก่นแท้ของ LPN ซึ่งก็คือ ความเชื่อมั่นว่าการทำให้คนคนหนึ่งได้มีโอกาสอยู่ ‘บ้าน’ ที่มีคุณภาพ รวมทั้งพัฒนาพื้นที่ให้ ‘น่าอยู่’ ยิ่งขึ้นในแบบฉบับของ LPN ต่อไป ผ่านแกนหลัก ‘5 C’ ดังต่อไปนี้

1. Comfort = การอยู่อาศัยที่สบายกาย สบายใจ 
2. Convenience = ความสะดวกในการเดินทางเพื่อการอยู่อาศัย
3. Care for well-being = สุขภาวะที่ดีทั้งกาย และใจ
4. Care the planet = ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม เพื่อโลกที่น่าอยู่มากขึ้น 
5. Community & Social = ให้ความสำคัญกับสังคมที่น่าอยู่

โดยทั้งหมดนับเป็นองค์ประกอบหลักในการทำงานของ LPN เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยทุกรูปแบบที่ตอบรับกับความน่าอยู่ของทุกคน และตลอดไป

โดยเร็วๆนี้ ในช่วงวันที่ 26 ต.ค. – 1 พ.ย.66 เตรียมพบกับงานขายครั้งใหญ่แห่งปี ‘LPN Moredinary Home Expo’  ยกขบวนแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นโครงการบ้าน ทาวน์โฮม และคอนโดพร้อมอยู่คุณภาพ ที่มาพร้อมกับ ‘ความน่าอยู่’ ที่มากขึ้น และความคุ้มค่าที่มากกว่า พิเศษ! รับโปรโมชั่น 3 ต่อ Hot Deal  เฉพาะในงานนี้เท่านั้น! ณ เซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 1 โซน C 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับ LPN ได้ที่ Website: https://www.lpn.co.th/  และ Facebook Official: LPN Connect

สำหรับใครที่อยากอ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มเติม หรือข่าวสารการตลาด สามารถติดตามได้จาก เพจการตลาดวันละตอน รวมไปถึงเว็บไซต์ Twitter Instagram YouTube และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนด้วยนะคะ