นักการตลาดต้องรู้! ลูกค้าต้องการอะไรจาก Facebook Page ?

นักการตลาดต้องรู้! ลูกค้าต้องการอะไรจาก Facebook Page ?

ทั้งแบรนด์และสื่อมวลชนที่ลงสนามออนไลน์ต่างเลือก Facebook Page มาเป็นอีก 1 ช่องทางการสื่อสารและทำการตลาด ในบทความนี้เราจะมารีเช็กไปพร้อม ๆ กันว่า วันนี้เพจของนักการตลาดตอบโจทย์สิ่งที่ลูกค้าต้องการจาก Facebook Page ของแบรนด์แล้วหรือยัง ซึ่งข้อมูลที่นุ่นนำมาแชร์เป็นข้อมูลจาก marketingeye ที่เห็นว่าเป็นประโยชน์กับทุกแบรนด์ที่มีเพจ หรือกำลังจะเริ่มต้นก็ตาม

นุ่นขอเกริ่นเพิ่มอีกนิดด้วยสถิติผู้ที่กำลังใช้งาน Facebook User ตอนนี้ที่มีถึง 2 พันล้าน User ต่อเดือน ดังนั้นนี่จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลซัพพอร์ตว่าทำไม Facebook ได้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ครอบคลุม รวมทั้งเป็นแพลตฟอร์มตัวเลือกแรก ๆ ถ้าอยากจะทำการตลาดออนไลน์ 

การสร้างเพจ Facebook for Business ก็ไม่ได้มีความซับซ้อนมากนัก ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็สามารถจัดการข้อมูลต่าง ๆ ได้พอสมควรเลย แต่ประเด็นก็คือการทำเพจให้ประสบความสำเร็จจริง ๆ ไม่ใช่การโพสต์สองสามโพสต์ ใช้รูปโปรไฟล์ที่เก๋ ๆ เท่านั้น แต่จะต้องเน้นไปที่ Personality และ Content ของเพจ ว่าตรงใจกลุ่มลูกค้าหรือมั้ย เพจให้อะไรแก่ Follower 

ที่ผ่านมาคงมีนักการตลาดหลายที่เคยผ่านการดูแล Facebook Page มาแล้ว ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นเพจแบรนด์ แต่เป็นเพจอื่น ๆ ที่เราเคยสร้าง เช่นร้านค้า สื่อสารมวลชน หรือปุถุชนสนใจ แต่ลองมาเช็กไปพร้อม ๆ กันนะคะ ว่าเพจของคุณยังขาดข้อไหนไปหรือเปล่า

1. เริ่มจากข้อมูลพื้นฐานอย่าง ‘เกี่ยวกับ’ หรือ ‘About’

สิ่งแรก ๆ ที่เราจะทำเมื่อสนใจ Facebook สักเพจหนึ่ง คืออ่านชื่อเพจ ดูรูปโปรไฟล์ และอาจจะต้องเช็กข้อมูลเพจแบบเร็ว ๆ ผ่านช่องเกี่ยวกับ หรือ About ที่อธิบายเกี่ยวกับเพจนั้น ๆ

ถ้าเพจของนักการตลาดคนไหนยังไม่ได้ลองใส่คำอธิบาย ก็อย่าลืมกรอกรายละเอียดที่น่าดึงดูดให้แก่เพจนะคะ นอกจากนี้ข้อมูลพื้นฐานใช้สำหรับการติดต่ออย่าง อีเมล เว็บไซต์ และสื่ออื่น ๆ ที่จำเป็น อย่าลืมระบุเวลาเปิดทำการของแบรนด์ ทั้งหน้าร้าน และแอดมินเพจที่พร้อมจะตอบข้อความลูกค้าด้วยนะคะ

นี่เป็นเพียงด่านแรกที่จะทำให้ Facebook Page เป็นแพลตฟอร์มการสื่อสารให้แบรนด์ได้สำเร็จค่ะ ยังมีอีก 4 จุดที่ต้องเช็ก ถ้าพร้อมแล้วไปต่อกันเลย

2. เปิดใช้งานฟีเจอร์ Messenger ให้ลูกค้าอยู่ใกล้เรามากขึ้น

ภาพจำและความรู้สึกที่มีกับคอลเซ็นเตอร์ คือการรอสายที่นานมากกกกก กว่าจะได้คุยกับพนักงานหมดไปหลายบาท แถมยังต้องฟังเพลงแปลก ๆ จากคอลเซ็นเตอร์อีก เพราะฉะนั้นหลายคนคงนึกถึงการแชทกับเจ้าหน้าที่ง่าย ๆ ไม่เสียเงิน อย่าง Facebook Messenger Page ก็เป็นตัวเลือกที่ดีใช่ในมุมลูกค้าใช่ไหมละคะ และจะยิ่งรู้สึกอยากคุยกับแบรนด์มากขึ้นถ้ามีสถานะ ‘ตอบสนองเร็วมาก’ จั่วหัวเอาไว้

Facebook Page

Facebook Messenger ได้รับความนิยมมากขึ้นทุกปีและมีการพัฒนาฟีเจอร์เพื่อรองรับการใช้งานทุกรูปแบบ ทำให้ลูกค้ารู้สึกใกล้ชิดกับแบรนด์ได้ง่ายขึ้น ๆ นำไปสู่การซื้อสินค้าได้สูงมากทีเดียว

กลับมาในฝั่งของแบรนด์ จะดีไม่น้อยถ้าแบรนด์สามารถแบ่งงบมาเพื่อทรัพยากรแอดมินเพจโดยเฉพาะที่ไม่มีหน้าที่อื่นนอกเหนือจาก Facebook เพราะ 73% ของผู้บริโภค  บอกว่าลูกค้าจะรักแบรนด์ที่ใส่ใจกับการบริการ ยิ่งตอบเร็วก็จะยิ่งมีโอกาสกุมหัวใจลูกค้าได้มากกว่า แต่ถ้าแบรนด์ยังไม่พร้อมจริง ๆ ก็คงต้องปิดฟีเจอร์นี้ไปเลย จะได้ไม่เหมือนแบรนด์ Ignore ข้อความจากลูกค้าค่ะ

3. เพจต้องใส่ใจกับ Personality ให้โดดเด่นกว่าเพจอื่น

นอกจากการใส่ข้อมูลพื้นฐานต่าง ๆ หน้า Facebook Page และเปิดใช้ฟีเจอร์สำคัญแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือการใส่ใจกับ Personality เพจเราให้เป็นตัวเอง ไม่ซ้ำซากกับเพจอื่น แต่ต้องโดนเด่ดกว่าคู่แข่งในสไตล์เรา User ที่ไถไทม์ไลน์ ต่างให้ความสนใจกับธุรกิจหรือแบรนด์ที่ Outstanding บนกระแส และ Content ที่ User ชื่นชอบ

ความหมายของความโดดเด่นและน่าสนใจ นุ่นหมายถึงเป็นตัวของตัวเอง มีบุคคลิกที่เหมาะกับสินค้า รวมทั้งไม่ใช่ทุกโพสต์จะต้องเกี่ยวกับธุรกิจ ลองโพสต์เรื่องอื่น ๆ เกี่ยวกับกระแสสังคมที่เหมาะสม ตอบคอมเมนต์ลูกเพจบ้างแบบไม่ใช่ข้อความ Copy and Paste

เพิ่มเติมอีกหนึ่งวิธีที่จะโชว์ความ Personality ให้เพจคือการทำ Community Oriented Event ที่ไม่ต้องซีเรียสหรือมีพิธีรีตองอะไรอย่างการทำกิจกรรมกับชุมชน ในสถานการณ์แบบนี้นักการตลาดอาจจัดออฟไลน์ไม่ได้ แต่ก็ยังมีวิธีอื่นอย่าง Facebook Live ร่วมกับ Influencer ที่เหมาะกับสินค้าของเราก็ได้นะคะ

4. Content วิดีโอและภาพถ่าย

ใครจะไปอยากอ่านข้อความยาว ๆ ตลอด 24 ชั่วโมงระหว่างที่เล่นสมาร์ทโฟนล่ะคะ Content ของเพจที่เป็นทั้งภาพและวิดีโอจะขาดจากหน้าเพจไปได้ยังไง บางเพจอาจโตขึ้นหลายเปอร์เซ็นผ่านโพสต์ไวรัลแค่ 1-2 โพสต์ก็มีเยอะนะคะ

สถิติเกี่ยวกับการแชร์โพสต์บน Social Media โดยเฉพาะเพจบน Facebook ที่เป็นภาพและวิดีโอมีโอกาสมากกว่า Content อื่น ๆ ถึง 40 เท่า แบรนด์อาจจะเริ่มจากมีบุคลากรที่ทำกราฟิกได้ก่อน เพื่อหาสไตล์ให้เพจ

และเริ่มหาคนทำ Facebook Live บนเพจ เนื่องจาก User ใช้เวลาดูวิดีโอ Facebook Live โดยเฉลี่ยมากกว่าวิดีโอปกติถึง 3 เท่า การใช้ฟีเจอร์นี้บน Facebook จะเพิ่มโอกาสการมีส่วนร่วมกับลูกเพจได้ดี เพิ่มศักยภาพในการขยายฐานลูกค้าของนักการตลาดได้

ในส่วนของรายละเอียดของ Content ในเพจควรจะเป็นไปตามสินค้าและบริการที่นักการตลาดได้ตั้งไว้แล้วตรง ‘เกี่ยวกับ’ หรือ ‘About’ และเน้น Personality ให้ชัดเจนบนสไตล์ของตัวเองนะคะ

เป็นยังไงบ้างคะกับทั้ง 4 สำคัญหลัก ๆ ที่ลูกเพจต้องการจากเพจบน Facebookคิดเห็นอย่างไรอย่าลืมมาแชร์กันในคอมเมนต์ได้นะคะ และหลังจากที่เช็กอย่างถี่ถ้วนแล้ว นักการตลาดยังสามารถใช้ฟีเจอร์ดูข้อมูลเชิงลึกของเพจเพื่อดูความเปลี่ยนแปลงได้ ไม่แค่จะได้เห็นแนวทางกลยุทธ์การตลาดออนไลน์เท่านั้น แต่ยังให้แบรนด์รู้จักลูกค้าตัวเองได้ดียิ่งขึ้นท่ามกลางความดุเดือดบนตลาดออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Facebook ^^

นักการตลาดสามารถอ่านบทความของการตลาดวันละตอนเพิ่มเติม เกี่ยวกับ Facebook ได้ที่ : ​​https://www.everydaymarketing.co/?s=Facebook

Noon Inch

นุ่น Business Data Research Analyst Specialist | Martech 🙋🏻‍♀️💻ใช้ชีวิตอยู่กับ Social Listening Tools เกือบทุกวันมาร่วม 6 ปี 🙋🏻‍♀️📈ทำงานด้าน Social Data Research ให้กับหน่วยงานรัฐและแบรนด์เอกชน 6 ปี 🙋🏻‍♀️✈️ชอบทำงานและชอบใช้เงิน แล้วก็เป็น K-POP🇰🇷 & Salmon Lover 🍣

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *