รายงาน Digital Consumer in ASEAN 2020 จาก Facebook เมื่อคนมาออนไลน์แต่ยังไม่มีใครมาเติมเต็ม
ในตอนที่แล้วจากรายงานฉบับนี้ Digital Consumer in ASEAN 2020 โดย Facebook กับ Bain & Company ที่พูดถึง 10 Insight ของผู้บริโภคอาเซียนที่บอกถึงโอกาสที่ธุรกิจจะโตได้มากกว่านี้ด้วยออนไลน์ ในวันนี้เราจะมาสำรวจดูกันว่าโอกาสที่ว่ามากมายบนโลกออนไลน์หรือดิจิทัลนั้นมากขนาดไหน และโอกาสนั้นอยู่ตรงไหนบ้างครับ
รายงานฉบับนี้จัดทำโดย Facebook และ Bain & Company ที่เจาะลึกถึงพฤติกรรมผู้บริโภคออนไลน์ที่ผ่านการสำรวจความเห็นจากผู้บริโภคทั่วอาเซียนกว่า 12,965 คน จาก 6 ประเทศในอาเซียนซึ่งประกอบด้วย เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และ สิงค์โปร โดยครอบคลุมทุกเพศทุกช่วงวัยจนได้คำตอบที่ต้องการในทุกแง่มุม ตั้งแต่พวกเขาใช้เงินใช้เงินกับอะไรบนออนไลน์บ้าง แล้วใช้เงินไปมากน้อยแค่ไหน จากนั้นก็สำรวจหาว่าอะไรคือตัวกระตุ้นให้พวกเขาช้อปปิ้งออนไลน์ รวมไปถึงกว่าจะมาช้อปนั้นมี Consumer journey อย่างไรบ้าง
และยังไม่ใช่แค่กับผู้บริโภคเท่านั้นที่รายงานฉบับนี้ออกไปคุยด้วย แต่พวกเขายังออกไปคุยกับบรรดาบริษัทชั้นนำทั่วอาเซียนมากกว่า 30 แห่ง เพื่อให้เข้าใจว่าอะไรคือโอกาสที่กำลังจะมา อะไรคือความท้าทายที่องค์กรยุคใหม่ต้องเผชิญ
แน่นอนว่าบริษัทเหล่านี้เชี่ยวชาญในด้าน E-Commere หรือการทำธุรกิจบนออนไลน์ไม่น้อยไปกว่ากันในภูมิภาคอาเซียน ความอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ทั้ง E-Commerce ทั้ง FMCG ทั้งในกลุ่มเทคโนโลยี รวมไปถึงบริษัทสตาร์ทอัพมากมาย เพื่อให้นักการตลาดยุคใหม่อย่างเราได้เข้าใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ รวมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว และเรื่องที่น่าจะเกิดขึ้นในอนาคตครับ
ตอนที่ 1 Discover the Opportunity โอกาสที่รออยู่บนออนไลน์
เศรษฐกิจโดยรวมในภูมิภาคอาเซียนเติบโตอย่างแข็งแรงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวอาเซียนส่วนมากมีรายได้ที่มากขึ้น และนั่นก็คือการกำเนิดขึ้นของชนชั้นกลางจำนวนมหาศาลในภูมิภาคอาเซียนนี้
โดยชนชั้นกลางยุคใหม่ที่เกิดขึ้นนี้ถ้านับรวมแค่ของประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และไทยแลนด์บ้านเราก็น่าจะมีมากกว่า 350 ล้านคนในปี 2022 และนั่นหมายถึงกำลังซื้อที่มหาศาลถึง 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยกว่า 9 ล้านล้านบาททีเดียวครับ
และจากการเกิดขึ้นกลุ่มคนชนชั้นกลางจำนวนมหาศาลในอาเซียนเมื่อรวมเข้ากับปัจจัยอื่นๆ ก็ส่งผลให้ภูมิภาคอาเซียนเป็นตลาดที่มองข้ามไม่ได้อีกต่อไป เพราะถ้ามองว่าอาเซียนเป็นอีกประเทศหนึ่งในโลก ประเทศนี้ก็จะมีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากแค่ประเทศจีนและอินเดียเท่านั้น
ยังไม่พูดถึงว่าในอาเซียนเรามีประชากรวัยรุ่นหนุ่มสาวมากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรวัยทำงานทั้งหมด และกว่า 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมดก็อยู่ในช่วงวัยรุ่นทั้งนั้น นั่นหมายความว่าในภูมิภาคอาเซียนเราจะมีวัยทำงานในอนาคตมากพอที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจอาเซียนอีกต่อไป
เมื่อมองในแง่ตัวเลขทางเศรษฐกิจพบว่าถ้าอาเซียนเป็นหนึ่งประเทศในโลกก็จะมีขนาดทางเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลกด้วยมูลค่าตลาดขนาดกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอัตราการเติบโตก็สูงจนน่าอิจฉา เพราะคาดการณ์ว่าจะโตขึ้นกว่าปีละ 5% ต่อเนื่องไปอีกหลายปี
คลื่นเศรษฐกิจดิจิทัลครั้งที่ 1 เมื่อผู้คนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ก็ก้าวเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตมากขึ้น
เมื่อคนเรามีรายได้มากขึ้น หรืออาจจะแม้แต่เทคโนโลยีต่างๆ อย่างสมาร์ทโฟนมีราคาถูกลง ส่งผลให้ผู้คนจำนวนมากก้าวเข้าสู่โลกออนไลน์มากขึ้นตามไปด้วย เพราะเมื่อความต้องการขั้นพื้นฐานถูกตอบสนองอย่างพอเพียง คนเราก็มักจะหาทางใช้เงินส่วนที่เหลือไปกับการเพิ่มความสะดวกสบายให้ชีวิต ไม่ว่าจะหาซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ ข้าวของเครื่องใช้ที่ดีขึ้น เพิ่มความรู้การศึกษาให้ตัวเองมากขึ้น ออกไปท่องเที่ยวมากขึ้น และนั่นก็ทำให้เศรษฐกิจทั้งหมดโตขึ้นตามเป็นเงาตามตัวครับ
โดยบ่อยครั้งที่สิ่งที่พวกเขาซื้อจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นก็คือคอมพิวเจอร์หรือโทรศัพท์มือถือที่เป็นสมาร์ทโฟน และนั่นก็ทำให้จำนวนคนที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นเป็นงานตามตัว จากปี 2015 ถึง 2018 จำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 16% ทุกปี และนั่นก็ทำให้สัดส่วนคนที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นจาก 48% ในปี 2015 เป็น 74% ในปี 2018 ดังนั้นทั้งหมดนี้บอกให้รู้ว่าประชากรอาเซียนเราเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมากแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนครับ
สถิติผู้ใช้งาน Facebook ใน ASEAN ที่น่าสนใจเพิ่มเติม
286 ล้านคนเข้า Facebook ทุกวัน
74% ของประชากรในอาเซียนที่อายุ 15 ปีขึ้นไปเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้แล้ว จากข้อมูลในปี 2018
คลื่นเศรษฐกิจดิจิทัลครั้งที่ 2 ASEAN วันนี้ดิจิทัลแล้ว ธุรกิจคุณพร้อมยัง?
การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่มากขึ้นบวกกับชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ส่งผลให้เกิดการซื้อขายบนออนไลน์มากขึ้นและเพิ่มขึ้นในทุกด้าน เพราะเมื่อคนเราเริ่มเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเป็น เริ่มที่จะออนไลน์เป็น เริ่มที่จะเล่นโซเชียลมีเดียเป็น แน่นอนว่าอีกซักพักพวกเขาก็จะช้อปปิ้งเป็นๆ เรื่องธรรมดา
สังเกตจากพ่อแม่เราก็ได้ที่ช่วงแรกๆ ไม่กล้ากดอะไรมาก แค่เริ่มโหลดสติกเกอร์ไลน์เป็นก็ดีใจยกใหญ่ เผลอแป๊บเดียวเริ่มซื้อสติกเกอร์เองได้ไม่ง้อลูก จากนั้นก็เริ่มเข้า Lazada หรือ Shopee แล้วสั่งโน่นนี่นั่นเข้ามาในบ้าน เป็นอย่างไรครับ ความแอดวานซ์ในการใช้งานอินเทอร์เน็ตของคนเรานั้นไม่เคยหยุดนิ่งกับทุกเพศทุกวัยเลยจริงๆ
ดัวยตัวเลขของสัดส่วนคนที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตในอาเซียนที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน และจำนวนคนที่เริ่มใช้เงินบนออนไลน์ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากปี 2015 ที่มีคนที่จับจ่ายใช้สอยบนออนไลน์ หรือ Digital consumer แค่ 90 ล้านคน นับเป็นสัดส่วนแค่ 22% ของประชากรทั้งหมดที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป
แต่ในปี 2018 ตัวเลขคนที่ช้อปออนไลน์นั้นเพิ่มขึ้นกว่า 2.8 เท่า จนกลายเป็น 250 ล้านคน และก็นับเป็นสัดส่วนถึง 58% ของประชากรทั้งอาเซียนครับ และรายงานฉบับนี้ยังคาดการณ์ว่าจำนวนคนที่เข้ามาใช้เงินบนออนไลน์จะเพิ่มขึ้นอีกกว่า 60% เมื่อถึงปี 2025 นั่นเท่ากับว่าจำนวน Digital consumer ของ ASEAN นั้นจะสูงถึง 310 ล้านคนนั่นเอง
และนี่คือรายการสินค้าที่ผู้คนในอาเซียนเริ่มซื้อกันบนออนไลน์ ซึ่งก็ครอบคลุมแทบทุกอย่างในชีวิตประจำวัน ดังนั้นบอกให้รู้ว่าไม่มีอะไรที่ขายไม่ได้บนออนไลน์นั่นเองครับ
จำนวนการใช้เงินบนออนไลน์โตแซงหน้าจำนวนคนที่เริ่มช้อปปิ้งออนไลน์
หมายความว่าคนที่เปลี่ยนจากแค่การเล่นอินเทอร์เน็ตกลายมาเป็นคนที่ใช้เงินบนอินเทอร์เน็ตนั้นมีอัตราการเติบโตที่ไม่ร้อนแรงเท่าจำนวนเงินที่ถูกใช้บนอินเทอร์เน็ตนั่นเองครับ
เพราะจากการเติบโตของสภาพเศรษฐกิจในอาเซียนทั้งหมดส่งผลให้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตนั้นดีขึ้นมาก จาก 3G กลายเป็น 4G และก็เริ่มกลายเป็น 5G แล้วในบางประเทศ ซึ่งส่งผลให้การจับจ่ายใช้สอยบนช่องทางออนไลน์กลายเป็นเรื่องสะดวกสบายยิ่งขึ้น
จากเดิมต้องยืนเรียกรถแท็กซี่ริมถนน หรือขับรถไปต่อแถวกินอาหารร้านอร่อย กลายเป็นเราเรียกผ่านแอปกันเป็นเรื่องปกติ และก็จะเห็น LINEMAN หรือ GRAB หรือ GET วิ่งกันให้ทั่วท้องถนนและยืนต่อแถวเต็มร้านดังไปหมดแล้ว
ดังนั้นเศรษฐกิจดิจิทัล หรืออาจจะเรียกใหม่ว่าดิจิทัลเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจก็ด้วยการที่ผู้คนเริ่มใช้เงินผ่านทางแอปต่างๆ บ่อยครั้งขึ้น และนั่นก็ส่งผลให้เกิดการขยายตัวของชนชั้นกลางเพิ่มขึ้นไปพร้อมกันครับ
ซึ่งอัตราการขยายตัวของการใช้เงินผ่านช่องทางดิจิทัลหรือออนไลน์ถูกคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นกว่า 3.2 เท่า เมื่อนับจากปี 2018 ไปจนถึงปี 2025 ซึ่งตัวเลขการเติบโตนี้จะแซงหน้าตัวเลขของคนที่กลายมาเป็น Digital consumer อย่างมากในช่วงเวลาเดียวกัน และตัวเลขนี้ก็ยังสะท้อนให้เห็นว่าค่าเฉลี่ยการใช้เงินบนช่องทางออนไลน์จะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
จากที่เคยช้อปโดยเฉลี่ยคนละ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อปีในปี 2015 เมื่อเข้าสู่ปี 2018 ตัวเลขการใช้เงินบนออนไลน์ของเราชาวอาเซียนก็เพิ่มขึ้นไปกว่าเท่าตัวไปอยู่ที่ 124 ดอลลาร์สหรัฐ และก็ถูกคาดการณ์ว่าในปี 2025 ตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นไปจนถึง 392 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อปี ซึ่งนับเป็นการโตถึง 3.2 เท่าเมื่อนับจากปี 2018 ครับ
และเมื่อเจาะลึกในรายละเอียดลงไปที่แต่ละประเทศในอาเซียน เราพบว่าประเทศที่จะมีการใช้เงินบนออนไลน์มากที่สุดคือประเทศอินโดนีเซียและไทย ส่วนประเทศที่ถูกคาดการณ์ว่าจะมีการขยายตัวมากที่สุดก็ตกเป็นของประเทศเวียดนามกับไทย (ดีใจจัง ไทยติดทั้งในส่วนของขนาดและการเติบโตสองหัวข้อเลยทีเดียว)
แต่แม้ประเทศอินโดนีเซียจะไม่ได้มีอัตราการเติบโตในเรื่องการใช้เงินบนออนไลน์สูงที่สุด แต่ด้วยจำนวนประชากรที่มากที่สุดก็ส่งผลให้มูลค่ารวมการใช้เงินบนออน์ไลน์ของประเทศเขาใหญ่ที่สุดในอาเซียนครับ
เพราะการใช้เงินบนออนไลน์คือสมรภูมิใหม่ของการแข่งขันทางธุรกิจ เพราะโลกเราก้าวเข้าสู่ยุคผู้บริโภคดิจิทัลอย่างเต็มตัวแล้ว
มอง E-Commerce จีนแล้วจะรู้ว่าตลาด Online retail ไทยและอาเซียนยังมีโอกาสโตได้อีกมหาศาล
จากตัวเลขจะเห็นว่าในวันนี้สัดส่วนการใช้เงินบนออนไลน์ยังเทียบไม่ได้กับออฟไลน์แม้แต่น้อย การค้าขายที่เกิดขึ้นบนออนไลน์หรือในภูมิภาคอาเซียนมีสัดส่วนแค่ 3% ของการค้าขายที่เกิดขึ้นทั้งหมดที่มีมูลค่าตลาดสูงถึง 587,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
แต่ตัวเลขที่น้อยนิดแค่ 3% ของ online retail เมื่อเทียบกับภาพรวม retail ทั้งหมดก็ทำให้เห็นโอกาสว่า ยังมีพื้นที่อีกมากให้กับธุรกิจที่กล้าเข้ามาลงทุนจะสามารถพิชิตตลาดออนไลน์ได้อยู่ ในเมื่อประชากรอาเซียนกว่า 59% ในวันนี้กลายเป็น digital consumer ที่ล้วนใช้เงินบนออนไลน์อยู่แล้ว
ตัวเลขสัดส่วน 3% นี้เกิดขึ้นที่ประเทศอินเดียเช่นเดียวกัน แต่กับประเทศจีนนั้นต่างออกไปมาก เพราะสัดส่วนของ online retail สูงถึง 23% จากมูลค่าตลาด retail ทั้งหมด ซึ่งตัวเลขนี้สูงกว่าของอาเซียนเราถึง 7 เท่า และนั่นก็บอกให้รู้ถึงความเป็นไปได้อีกมากที่รอยู่
เมื่อการเติบโตของทั้งจำนวนคนที่เริ่มใช้เงินบนออนไลน์และปริมาณเงินที่ใช้บนออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น จะเห็นว่ายังไม่ได้อยู่ในกลุ่มธุรกิจค้าปลีก หรือ Retail เท่าไหร่นัก
ดังนั้นถ้าเราลองดูจากประเทศจีนเป็นตัวอย่างของสัดส่วนการใช้เงินกับ Retail ของ Digital consumer จะเห็นว่าเรายังมีโอกาสโตได้อีกเยอะ ซึ่งนั่นก็สะท้อนว่าแบรนด์ใดก็ตามที่สามารถก้าวเข้ามาเป็นเจ้าตลาดได้ก่อน ก็จะสามารถยึดครองตลาดค้าปลีกออนไลน์ หรือ online retail ที่ยังไม่มีผู้นำในวันนี้ครับ
Clothing และ Personal care คือโอกาสที่ซ่อนอยู่ของ Online retail
ใน ASEAN สินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์เสริม Gadget ต่างๆ นั้นมีสัดส่วนการขายบนออนไลน์ที่ดีมากในวันนี้ เพราะมีสัดส่วนถึง 19% ของการค้าขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ซึ่งดูเผินๆ เหมือนจะเป็นตัวเลขที่ดี แต่ถ้ามองดูให้ดีจะเห็นว่าสินค้าในกลุ่มนี้สำหรับการขายบนออนไลน์น่าจะใกล้ถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ดังนั้นถ้าจะเข้าไปขายเพิ่มก็น่าจะเหนื่อยกว่าเมื่อเทียบกับสินค้าประเภทอื่นที่ยังมีสัดส่วนไม่มากเท่านี้
เมื่อดูจากข้อมูลในรายงานที่บอกให้รู้ว่า สินค้าในกลุ่มเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ที่รวมไปจนถึงเครื่องประดับ และรองเท้า ต่างหากที่ยังดูมีโอกาสอีกมากให้โตบนออนไลน์ เพราะเมื่อเทียบสัดส่วนการซื้อขายที่เกิดขึ้นบนออนไลน์นั้นยังมีสัดส่วนน้อยมากกับตลาดทั้งหมด คืออยู่ที่ 9% เท่านั้นเอง แต่ในประเทศจีนสัดส่วนการซื้อสินค้าในกลุ่มเสื้อผ้าออนไลน์กลับสูงถึง 47% ทีเดียวครับ
และสินค้าในกลุ่มข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวหรือ Personal care ก็เป็นอีกกลุ่มที่ยังเต็มไปด้วยโอกาส เพราะขนาดของตลาดออนไลน์ในกลุ่มนี้มีแค่เพียง 7% เมื่อเทียบกับการซื้อขายที่เกิดขึ้นทั้งหมดของสินค้ากลุ่ม Personal care ยิ่งเมื่อเทียบกับประเทศจีนในปัจจุบันแล้วยิ่งแล้วใหญ่ เพราะเขาซื้อออนไลน์กันสูงถึง 38% ครับ
และจากการคาดการณ์ตัวเลขการเติบโตรายปีในแต่ละกลุ่มสินค้าก็พบว่า แนวโน้มว่าสินค้าในกลุ่มเสื้อผ้า แฟชั่น รองเท้า หรือเครื่องประดับมีแนวโน้มว่าจะโตขึ้นกว่าปีละ 25-30% เช่นเดียวกับสินค้าในกลุ่ม Personal care และเครื่องสำอางครับ
และทั้งหมดนี้ก็สรุปได้ว่า ยังมีผู้บริโภคอีกหลายร้อยล้านคนที่รอแบรนด์มาเติมเต็ม
ยิ่งผู้คนออนไลน์มากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งก่อให้เกิดโอกาสทางธุรกิจมากขึ้นเท่าไหร่ เพราะพวกเขาจะค้นหาสิ่งที่ต้องการมากขึ้น เริ่มใช้เงินกับช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น และคำถามสำคัญทิ้งท้ายคือ ธุรกิจหรือแบรนด์ของคุณนั้นพร้อมที่จะก้าวเข้าไปเปิดตลาดออนไลน์กับผู้บริโภคให้มากกว่าที่ใครๆ ก็ทำอยู่แล้วหรือยัง?
ในตอนหน้าเราจะมาทำความเข้าใจ Digital Consumer 2020 in ASEAN จากรายงานของ Facebook อย่างลึกซึ้งว่าแท้จริงแล้วอะไรกันแน่ที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจเลือกคู่แข่งแทนคุณ > https://www.everydaymarketing.co/business/e-commerce-business/discovery-generation-insight-digital-consumer-in-asean-2020-from-facebook-report/
ดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็มได้ที่ > http://bit.ly/2QJIJg0