Nike ออกคอเลกชันใหม่ โดยใช้ข้อมูลชีวภาพของลูกค้า
คุณคิดว่าการออกคอลเลกชันสินค้าใหม่ต้องใช้ปัจจัยอะไรบ้าง?
การจะเผยโฉมสินค้าหรือคอลเลกชันใหม่สักชิ้นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนอกจากจะต้องสำรวจเทรนด์ และเก็บข้อมูลความชอบ และความต้องการของกลุ่มลูกค้าเสียก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยนำข้อมูลเล่านั้นมาดีไซน์และออกแบบเป็นสินค้ารุ่นใหม่อีกที
แต่วันนี้การตลาดวันละตอนขอหยิบเอา Case Study จากแบรนด์แฟชั่นกีฬาระดับโลกอย่าง Nike มาเล่าให้ฟังซะหน่อย เพราะในครั้งนี้การออกคอเลกชันใหม่ของ Nike แตกต่างออกไป จากการใช้ข้อมูลแบบเดิมๆ มาเป็นการใช้ข้อมูลชีวภาพของลูกค้าแทน
นำข้อมูลชีวภาพของลูกค้ามาใช้ในคอลเลกชันใหม่อย่างไรให้เวิร์ก
Nike ออกคอเลคกชันใหม่ในชื่อ Nike Advanced Apparel Exploration (A.A.E.) 1.0 ที่ดีไซน์มาจากข้อมูล biometric ของเราๆ
โดยเริ่มจากการใช้ 3d scan ในการวัดร่างกายของผู้ใส่แต่ละคนที่แตกต่างกัน จากนั้นจะผลิตออกมาเป็น pattern เฉพาะที่มีแค่ตัวเดียวในโลกเท่านั้น คอเลคชันและแคมเปญนี้จะเริ่มในวันที่ 14 กันยายน..ซึ่งผ่านมาละ เพื่อจะดูและติดตามผลว่าจะขยายไปในสเกลระดับโลกยังไงต่อ
ใช้กลยุทธ์ Personalization ช่วยดันยอดขายขึ้น
จากการเก็บข้อมูลของ nike เองพบว่าหลังจากออก Nike Flyknit technology (อารมณ์คล้ายๆการสั่งตัดรองเท้าตามขนาดเท้าที่แตกต่างกันไป) ไปได้ 3 เดือน ยอดขายก็พุ่งขึ้นกว่า 40% แถมยังช่วยลดต้นทุนในการผลิตส่วนเกิน ค่าคนงาน หรือแม้แต่การ stock สินค้าลงไปได้อีกมาก
เทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นทำให้คนเราได้อะไรดั่งใจมากขึ้น การ tailor made และ personalization ก็พัฒนามากขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าใครสนใจข้อมูลเพิ่มเติม ลองดูที่ลิงค์นี้นะครับ https://www.nike.com/gb/nikelab
ส่วนใครที่อยากเรียนรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์การทำตลาดในรูปแบบอื่นๆ แนะนำให้ไปอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่
ในบทความหน้าผมจะมีอะไรมาอัปเดตอีกบ้าง สามารถติดตามได้ผ่านเพจการตลาดวันละตอน รวมถึง Twitter และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนนะค