Lazy Girl Jobs เทรนด์การทำงานของ GenZ ที่ไวรัลใน TikTok กับผู้ช่วยอย่าง ChatGPT
Lazy girl jobs หรือนิกขอเรียกขำๆ ว่าเป็น เทรนด์ งานสาวขี้เกียจ เป็นไวรัลที่ถูกพูดถึงใน TikTok สำหรับลักษณะงานในฝันชาว GenZ ที่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมจนสื่อใหญ่ระดับโลกอย่าง BBC และ Wall Street Journal ยังต้องพูดถึง และที่สำคัญค่ะเพื่อนๆ เทรนด์งานใหม่นี้ยังมีความเกี่ยวเนื่องกับ Generative AI อย่าง ChatGPT ในฐานะผู้ช่วยของสาวขี้เกียจในการทำงานอีกด้วย ( •̀ ω •́ )✧
Lazy girl jobs คืออะไร?
โดย Lazy girl jobs เป็นคอนเทนต์ที่สร้างมาจาก Content creator ที่ชื่อ Gabrielle Judge ที่สร้างคำนี้ขึ้นมาเพื่อสื่อถึงลักษณะของงานที่มีความปลอดภัย และมั่นคง!! ซึ่งให้ผลตอบแทนที่สมเหตุสมผลกับคนทำงาน รวมถึงเวลาการทำงานที่ยืดหยุ่นได้ และควรเป็นการทำงานจากที่บ้าน ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำให้งานลักษณะนี้ช่วยให้คนทำงานมี Work-life balance ตามลักษณะมุมมองการใช้ชีวิตที่ให้ความสำคัญกับสมดุลและสิ่งที่ชอบของชาว Generation Z
ความน่าสนใจก็คือ Gabrielle Judge ใช้กลยุทธ์ทางการตลาดในการสร้างคำให้เป็นที่ถูกพูดถึง และวิจารณ์ทั้งในแง่ดี และแง่ไม่ดี ในเรื่องของคำศัพท์และแนวคิด ที่ผู้คนมีต่อ wording นี้ ซึ่งหลังจากที่ Gabrielle ปล่อยคำว่า Lazy girls jobs ออกไปสิ่งที่เธอพบก็คือ มีการพูดถึงและบทสนทนามากมายเกี่ยวกับเรื่องความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน และสิ่งนี้เองค่ะเพื่อนๆ ที่ทำให้เธอสามารถสร้างคำที่เป็นไวรัลได้ พร้อมทั้งสามารถสร้างค่านิยมการทำงาน ที่แตกต่างจากค่านิยมดั้งเดิมอย่างการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยดีๆ แล้วค่อยหางานทำ หลังจากนั้นจึงจะประสบความสำเร็จ
ในฐานะที่เธอเป็น “Anti work girlboss” หรือนิกขอตีความว่าเป็นหัวหน้าของสาวๆ ที่ต่อต้านการทำงาน คอนเทนต์ของ Gabrielle ที่พูดถึงเรื่องของ Work-life-balance มีผู้เข้าชมมากกว่า 146,000 คน โดยสิ่งหนึ่งที่ทำให้เทรนด์นี้ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่องก็คือการที่ Gabrielle สร้าง Community ของคนที่อยากมีสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน ผ่านการให้คำแนะนำการทำงานที่เหมาะสมกับ Life style ของผู้ติดตามที่เข้ามาสอบถามทุกคน และวางกลยุทธ์ทางการตลาดของแบรนด์ของเธอให้เป็นการสร้าง Digital Product ในการช่วยให้การทำงานแบบ Lazy girls เป็นไปได้ในความเป็นจริงด้วยการใช้ Generative AI อย่าง ChatGPT ในการช่วยงาน
สถิติเกี่ยวกับ Lazy girl job ของ GenZ
จากผลสำรวจทางสถิติของ Workspace Technology พบว่ากว่าครึ่งของ Generation Z จะลาออกจากงานหรือที่ทำงานที่ไม่สามารถสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานได้ หรือไม่ได้รับทางเลือกให้สามารถทำงานแบบไฮบริด (สามารถทำงานได้ทั้งที่บ้านและที่ Office) และมีคน GenZ เพียง 49% ที่กล่าวว่างานคือสิ่งที่เป็นสำคัญในชีวิต ในขณะที่เมื่อเทียบกับคนยุค Millennial ที่เห็นว่างานเป็นสิ่งสำคัญมากถึง 62% ซึ่งเมื่อพิจารณา #lazygirljob พบว่ามี wording ที่สื่อถือ hashtag นี้ได้เป็นอย่างดี เช่น
- Realising at this age that I don’t care about building a ‘career’ or climbing the corporate ladder. => ที่บอกว่าในช่วงอายุของเขายังไม่สนใจเกี่ยวกับการเติบโตในหน้าที่การงาน
- All I want to do is make the most amount of money working the least amount of hours so I can spend the majority of my time with my family living life on my own terms instead of spending 40 years working for a boss who’s paying what they think is ‘fair’ => หรือคอมเมนต์นี้ที่แสดงทัศนคติว่า สิ่งที่เจ้าของโพสต์ต้องการมากที่สุดคือการทำเงินให้ได้จากชั่วโมงการทำงานที่น้อยที่สุด เพื่อที่จะสามารถใช้เวลากับครอบครัวและให้เวลากับการใช้ชีวิตของตัวเองได้ แทนที่จะต้องใช้เวลาในการทำงานถึง 40 ปีให้กับเจ้านายที่จ่ายค่าจ้างโดยคิดว่ายุติธรรมแล้ว
การใช้งาน Generative AI ใน Lazy girl jobs
จากการที่ลักษณะงานแบบ Lazy girl เป็นการให้ความสำคัญระหว่างชีวิตและสมดุลการทำงาน ทำให้หมายความว่า งานเหล่านี้เป็นงานที่ต้องใช้ศักยภาพในการทำงาน และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ เช่นการเป็น Content creator หรือการทำ Digital marketing บนแพลตฟอร์มต่างๆ หรือการเพิ่มพูนทักษะการทำงานเพื่อให้ได้เข้างานในสายงานที่ต้องการ/การหาตำแหน่งงานที่เหมาะสมกับ Life Style ทำให้ส่วนนี้เองค่ะ ที่ Generative AI อย่าง ChatGPT เข้ามามีบทบาทในการทำให้เหล่าสาวขี้เกียจบรรลุจุดมุ่งหมาย โดยมีลักษณะการใช้งาน (ผ่าน Promt) ดังนี้ค่ะ
- การใช้ ChatGPT ในการช่วยประเมินว่าประกาศรับสมัครงานมีความเหมาะสมกับเราหรือไม่ ผ่านการใช้ AI ช่วยประเมินจุดแข็งและความต้องการเฉพาะตัวของเรา
- การใช้ Generative AI ช่วยร่างเรซูเม่ หรือ CV ที่ดึงเอาจุดแข็งที่น่าสนใจของเรา ให้เหมาะสมกับงานที่เราต้องการสมัคร
- ใช้ระบบ RPA ในการติดตามการสมัครงานทั้งหมดของเราในที่เดียว เพื่อให้สามารถจัดระเบียบได้ง่ายขึ้น
- ใช้ ChatGPT ในการช่วยประเมินและต่อรองค่าตอบแทนที่คุ้มค้าอย่างแท้จริง
- การใช้ ChatGPT ในการช่วยออกแบบและแนะนำการเรียนรู้ และแพลตฟอร์มในการเรียนเพิ่มเติมสำหรับทักษะที่เราต้องการ
- สำหรับ Lazy Girls สาย Tech นั้น ChatGPT ก็เหมือนผู้ช่วยในการทำงานได้ และเป็นที่ปรึกษาในการทำงาน
- สำหรับ Lazy Girls สาย Digital Marketing แน่นอนค่ะว่า ChatGPT ช่วยเราสรุปงาน สร้าง Idea ทำวิจัยตลาด ตลอดจนสร้าง Draft งานให้เราได้ด้วย
Last but not Least…
ในมุมมองส่วนตัวนิกคิดว่า Lazygirljobs อาจไม่ใช่เทรนด์ใหม่แบบพึ่งเกิด แต่ว่าเป็นการนำเอากลยุทธ์ทางการตลาดในการช่วยสร้าง Wording ที่เป็นภาพจำผ่านคำเก๋ๆ ที่สามารถตีความได้ทั้งในแง่บวกและแง่ลบ ร่วมกับการใช้งานเทคโนโลยีแห่งยุคอย่าง Generative AI เจ้าดังคือ ChatGPT เข้ามามีส่วนร่วมในการเพิ่มประสิทธิภาพ เพื่อให้เทรนด์เดิมอย่าง Work-life-balance ทัชใจคน GenZ และเข้าถึงได้จริงจนเป็นกระแสขึ้นมา และในมุมมองของผู้ประกอบการนิกพบว่าเทรนด์นี้ค่อนข้างน่าสนใจและควรจับตามองในการหาโอกาสทำการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ เช่น Bootcamp หรือแพลตฟอร์มเชื่อมโยง Tools ต่างๆ เป็นต้น
