อยากคลิปปังต้องอ่าน : เทรนด์ TikTok 2023 ยุคแห่งความมั่นใจ

อยากคลิปปังต้องอ่าน : เทรนด์ TikTok 2023 ยุคแห่งความมั่นใจ

เริ่มต้นปีใหม่ 2023 มาได้สักพักแล้ว แต่ TikTok ก็ยังคงเป็นหนึ่งในแพลทฟอร์มที่ให้ความบันเทิงยอดนิยมบนโลกอินเทอร์เน็ต โดยในปีนี้เอง TikTok ก็ได้มีรีพอร์ตเกี่ยวกับเทรนด์ใหม่ๆที่ถูกสร้างขึ้นโดยเหล่าผู้ใช้และครีเอเตอร์ผ่านความมั่นใจในการทำคอนเทนต์มากขึ้นในหลายมิติ เราไปชมกันเลยดีกว่า เทรนด์ TikTok 2023 ที่ถูกแบ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆนั้นมีอะไรบ้าง

1. Actionable Entertainment

เริ่มด้วยเทรนด์ที่ทำให้ผู้ชมเข้าถึงและติดใจอย่าง Actionable Entertainment ที่เป็นความบันเทิงที่คนสามารถเข้าถึง และทดลองได้ด้วยตัวเอง โดยที่จะแตกออกเป็นหลายสไตล์ตามจุดประสงค์ที่แบรนด์นั้นจะเลือกใช้

Show, Don’t Sell

เพราะผู้คนชอบการเล่าเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องเล่าที่เข้าใจและเข้าถึงง่าย เช่นเรื่องเล่าใน #POV และ #Storytime ที่เหล่าครีเอเตอร์จะแบ่งปันเรื่องราวและประสบการณ์จากหน้าที่การงานหรือสิ่งที่พวกเขาชอบ อย่างเช่นด้านเครื่องสำอางค์ ที่คนมั่นใจที่กล้าจะแชร์เรื่องราวที่เกี่ยวกับสินค้าที่ใช้ ไม่ว่าจะเป็นด้านบวกหรือลบ ผู้คนก็ยังให้ความสนใจ เพื่อจะนำสิ่งที่ได้รับฟังไปปรับใช้ในชีวิตของตัวเอง ถ้าหากว่าคลิปใน TikTok เล่าเรื่องว่าสินค้านั้นๆดีมีคุณภาพ ผู้คนก็จะอยากลอง หรือหาโอกาสลองสินค้านั้นๆ ในทางกลับกัน ถ้าหากว่าประสบการณ์เกี่ยวกับสินค้านั้นไม่ดี หรือไม่เป็นอย่างที่ถูกโฆษณาไว้ ผู้คนก็จะไม่อยากลองสินค้ามากขึ้นเท่านั้น 

ตัวอย่างของแบรนด์เครื่องสำอางค์อย่าง E.L.F. ที่แสดงให้เห็นว่าการเล่าเรื่องจากประสบการณ์จริงนั้นทำให้ผู้คนสนใจมากขึ้น

TikTok Investigates : ชาว TikTok นี่แหละคือนักสืบตัวจริง  

ผู้คนจะชอบค้นหาความจริงและข้อพิสูจน์จากบน TikTok เพราะด้วยความสบายใจที่ได้รับฟังความเห็นจากคนอื่น อย่างในเทรนด์นี้ก็จะมีแฮชแท็กอย่าง #ExpectationVsReality และ #FactOrCap (โดยคำว่า Cap จะเป็นสแลงที่หมายถึงการโกหก) โดยใน #FactOrCap จะเป็นการค้นหาความจริงว่าเคล็ดลับที่ถูกแชร์นั้น ใช้ได้จริง หรือว่าเป็นเรื่องโกหกกันแน่ เพื่อที่ผู้คนจะได้เลือกเคล็ดลับเหล่านั้นไปใช้ โดยที่ไม่ต้องกังวลว่ามันจะใช้ไม่ได้จริง 

อย่าง Wayfair มีตัวอย่างที่ดีสำหรับ #ExpedctationVsReality โดยที่ Wayfair นั้นใช้ TikTok ในการแสดงให้เห็นสินค้าและเฟอร์นิเจอร์ที่พวกเขาขายบนออนไลน์นำมาวางให้เห็นกันชัดๆ ว่าถ้าหากมันถูกวางในบ้านจริงๆมันจะเป็นอย่างไร ซึ่งทำให้ปัญหาการไม่ตรงปกนั้นหายไป

Customer-to-Creator (จากลูกค้าสู่ครีเอเตอร์)

ถึงแม้ว่าอาจจะดูเป็นวิธีเก่าและหนักไปทางการขายเกินไป แต่ก็ยังเป็นวิธีที่ได้ผลมากสำหรับแบรนด์และธุรกิจ ที่เปลี่ยนลูกค้าที่ชื่นชอบในสินค้า ให้กลายเป็นครีเอเตอร์ที่สร้างคอนเทนท์ให้แบรนด์ ซึ่งให้ผลดีกับทั้งครีเอเตอร์, ตัวแบรนด์, และลูกค้าเป็นอย่างมาก ที่รีวิวนั้นจะมาจากการใช้จริง มากกว่าการถูกจ้างให้โปรโมท เช่นใน #MustHaves และ #TikTokMadeMeBuyIt นั้นจะเป็นการบอกต่อของที่ต้องมี และของที่ซื้อเพราะเห็นใน TikTok

อีกตัวอย่างที่ดีอย่าง StudySmarter ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยดูได้จากยอดเข้าชมรวมถึง 5.1 ล้าน และอัตรายอดดาวน์โหลดอยู่ที่ 34.4%

ทริคเล็กๆน้อยๆที่จะทำให้วิดีโอน่าสนใจมากขึ้น

วิธีการเข้าถึงเทรนด์ Actionable Entertainment นั้นก็จะมีอยู่หลากหลายสำหรับครีเอเตอร์ เช่น การซิงค์เสียงและคำบรรยายให้เข้ากัน การเพิ่มการบรรยายต่างๆบนตัวคลิปวิดิโอ ไม่ว่าจะเป็นซับไตเติ้ล หรือประโยคเล็กๆน้อยๆเพื่อให้เข้าใจง่าย หรือแม้แต่การเล่นเสียงให้เกิดอารมณ์ร่วมไปกับคอนเท้นท์นั้นๆ

2. Making Space for Joy

เทรนด์ต่อมา ก็จะเป็นพื้นที่สร้างความสุข เพราะเราก็ไม่สามารถปฎิเสธได้ว่าความบันเทิงนั้นเป็นหนึ่งปัจจัยหลักที่ TikTok มอบให้ผู้ใช้

The Memeing of Life

มีม! ถ้าในชีวิตเรานึกถึงความบันเทิงเราก็จะนึกถึงมีมอยู่ในนั้นเสมอ ตั้งแต่การเล่นเสียง ไปจนถึงนำคลิปต่างๆมาสอดคล้องกับสถานการณ์ มีมนั้นอยู่คู่กับโลกโซเชียลอย่างตัดกันไม่ขาด ตัวอย่างมีมในปี 2022 ก็จะมี #CornKid และ #TeenageDirtbag และผู้ใช้ถึง 90% ยังบอกอีกว่า เมื่อเล่น TikTok แล้วมีแรงไปทำอย่างอื่นในชีวิตมากขึ้น เพราะพวกเขามีความสุขมากขึ้นและไม่เบื่ออีกต่างหาก ซึ่งนั่นก็เป็นโอกาสที่แบรนด์นั้นหันมาสนใจการ tie-in สินค้าแบบเนียนๆควบคู่กับความบันเทิง

ตัวอย่างแบรนด์ที่ใช้มีมจนเห็นผลก็จะมี Scrubdaddy ซึ่งเป็นแบรนด์ฟองน้ำล้างจานที่ทำสินค้าของตัวเองมาเล่นกับมีม ทำให้ภาพลักษณ์ของสินค้านั้นไม่หายไปตามกาลเวลา

Wellbeing Your Way

เคล็ดลับต่างๆ ก็เป็นอีกหนึ่งกระแสที่มาแรงไม่แพ้กัน เช่น การแชร์เคล็ดลับวิธีการต่างๆที่ทำให้กิจวัตรประจำวันนั้นง่ายขึ้น (lifehacks) หรือขั้นตอนลัดในการแต่งหน้า หรือแม้แต่การจัดการตัวเองในการทำงานตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น แฮชแท็กตัวอย่างก็จะมี #InnerChild และ #HotGirlWalk และแบรนด์ดังอย่าง Target ที่ผลักดันให้ผู้คนให้รางวัลตัวเองที่ทำให้ย้อนไปถึงวัยเด็ก เพราะนั่นก็เป็นสิ่งเล็กๆที่ทำให้เรามีความสุขได้ในทุกๆวัน

@target

young me would pass out if he could see me now 😌 @Rob Mitchell

♬ Lloren – ❤️

Little Luxe

การได้มองดูผู้อื่นให้รางวัลตัวเอง ก็จะทำให้เรายอมรับในการให้รางวัลตัวเองได้มากขึ้น โดยกระแสนี้ครีเอเตอร์นั้นจะแสดงให้เห็นความสุขของพวกเขาผ่านการให้รางวัลตัวเอง ซึ่งเป็นการชักชวนให้ผู้ชมทำแบบเดียวกัน เพราะรู้สึกว่า เราก็เข้าถึงมันได้ เช่นใน #TreatYourself และ #UnwindWithMe หรือตัวอย่างจาก Rare Beauty ที่ให้กำลังใจผู้ชม ว่าพวกเขาเหมาะสมกับสิ่งที่พวกเขาต้องการ ถึงแม้จะรู้สึกว่ามันอยู่ไกลเกินเอื้อมก็ตาม

เคล็ดลับที่จะทำให้คลิปดูสนุกมากขึ้น

การเข้าถึงเทรนด์นี้ จะไปทางด้านการสร้างความสุขและความบันเทิงตามชื่อเทรนด์ เช่นการทำ ASMR ที่เป็นการทำเสียงเบาๆเล็กน้อย ให้รู้สึกผ่อนคลาย การทดลองสินค้าให้ดู หรือจะเป็นการเพิ่มเอฟเฟ็คผ่านฟิลเตอร์ของ TikTok ให้น่ารับชมมากขึ้น อาทิเช่น TikTokLIVE, Effect House, และ TikTok Creator Marketplace

3. Community-Built Ideals

อีกเทรนด์หนึ่งที่น่าจับตามองก็คือ ไอเดียจากคอมมูนิตี้ ที่ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นจากกลุ่มครีเอเตอร์แนวหน้า แต่เป็นเรื่องราวที่ถูกแชร์จากคอมมูนิตี้นั้นๆ ที่ทำให้ผู้คนนั้นเข้าถึงกันเองได้มากขึ้น เช่น #TiredMoms ที่เหล่าคุณแม่จะมาแชร์และคุยกันในเรื่องการเป็นแม่ หรือใน #CozyGamers ที่โฟกัสไปทางเรื่องการเล่นเกมแบบชิลๆ

Ask TikTok

อาจจะคล้ายคลึงตัวอย่างก่อนหน้าก็จะเป็น “คิดไม่ออก ถาม TikTok สิ” ที่ผู้คนจะหาคำตอบในเรื่องที่ตัวเองไม่รู้ผ่านคลิปวิดิโอที่อาจจะตอบคำถามของพวกเขาได้ หรือแม้แต่สร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขาทำสิ่งใหม่ๆ เช่นใน #EduTok และ #TikTokMadeMeTryIt ที่จะมีการสอนเรื่องต่างๆ ซึ่งก็มีแบรนด์อย่าง Tampax ที่นำคำถามที่พบบ่อยมาสร้างเป็นคอนเทนท์แทน

Destination: Growth

ต่อมาจะเป็นเป้าหมายคือการเติบโต ที่จะสนับสนุนในด้านแนวคิดต่างๆในการใช้ชีวิต เพื่อที่จะประสบความสำเร็จในด้านต่างๆของชีวิตที่ตัวเองต้องการ เช่น #GrowthMindset และ #Advice ที่ให้คำแนะนำในเรื่องต่างๆและด้านการเจริญเติบโตทางความคิด อย่างที่ Penningtons นั้นได้ไฮไลท์เรื่องราวและเส้นทางการเจริญเติบโตของผู้ใช้ดังในตัวอย่างที่ครีเอเตอร์นั้นมีความกล้ามากขึ้นที่จะแต่งตัวไปชายหาด หลังจากที่ไม่มั่นใจในรูปลักษณ์ของตัวเองมานาน เพราะได้รู้ว่าการที่กลัวสิ่งที่คนอื่นคิดไปนั้นมันไม่สำคัญเท่าการทำในสิ่งที่ตัวเองนั้นรัก

Bestie Behavior

อย่างสุดท้ายที่ดูเป็นกันเองซึ่งให้อารมณ์ประมาณว่า “เพื่อนกัน ไม่มีเส้นกั้น” ที่เหล่าครีเอเตอร์จะสร้างคอนเทนท์การใช้ชีวิตประจำวัน เช่นการทานข้าว ช็อปปิ้ง และลองสินค้าใหม่ๆ ที่ผู้ชมจะสามารถลองทำตาม และรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง หรือแม้แต่รู้สึกเป็นเพื่อนกับครีเอเตอร์นั้นๆผ่านการใช้สินค้า หรือทำกิจกรรมที่เหมือนกัน เช่นใน #ShopWithMe และ #ComeWithMe ที่แม้แต่แบรนด์ก็สามารถทำได้อย่าง Shopee เพิ่มยอดผู้ใช่ใหม่ของตัวเองขึ้นได้อย่างมาก ผ่านคลิปการทดลองสินค้าที่เป็นกันเอง

อยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกระแสนี้ต้องทำยังไงบ้าง?

ครีเอเตอร์จะสามารถเข้าถึงเทรนด์นี้ได้ผ่านวิธีการที่เป็นระบบมากกว่าเทรนด์อื่น เช่นการสอน ที่เนื้อหานั้นจะต้องถูกต้องและใช้งานได้ และมีความเฉพาะเจาะจงมากพอให้ผู้ชมรู้สึกมีส่วนร่วมและเข้าถึงได้ หรืออาจจะเป็นการสร้างโพลล์เพื่อให้ผู้คนเข้ามาถกกันเองในคอมมูนิตี้ของครีเอเตอร์นั้นๆ

บทสรุปของ เทรนด์ TikTok 2023 จะเห็นได้ชัดว่าไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ใด หรือสไตล์ไหน ก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่สนับสนุนทางจิตใจของผู้ใช้ที่ทำให้พวกเขามั่นใจและสบายใจมากขึ้น จึงทำให้พวกเขากลับเข้ามาในแพลทฟอร์มเรื่อยๆ ไม่ว่าจะมาจากครีเอเตอร์ หรือแบรนด์เองก็ตาม ซึ่งผลตอบรับก็สามารถทำให้ทั้งฝั่งครีเอเตอร์และแบรนด์ กับผู้ใช้นั้นกระสบผลสำเร็จทั้งทางด้านธุรกิจ และการใช้ชีวิตนั่นเอง

ขอบคุณรายงานของ TikTok ที่แชร์สิ่งดีๆให้กับเหล่านักการตลาดได้อ่าน

Pitchakorn Sirimonta

Freelance at Everyday Marketing.co and current social media management who has a passion for business innovation and believe in data-driven marketing.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *