เผยผลการสำรวจ Insight ผู้ค้าออนไลน์ 5 กลุ่ม ในภูมิภาคอาเซียน

เผยผลการสำรวจ Insight ผู้ค้าออนไลน์ 5 กลุ่ม ในภูมิภาคอาเซียน

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้เราจะสังเกตดูจะเห็นได้ว่า e-commerce นั้นเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ยิ่งในช่วงที่เกิดการระบาดของไวรัส Covid-19 ที่ทำให้เราต้องอยู่บ้านเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้ยอดการซื้อของออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย 

คำถามที่ตามมาก็คือ แล้ว e-commerce นั้นเข้ามามีบทบาทและสามารถส่งแรงกระเพื่อมไปถึงผู้ค้าออนไลน์ในภูมิภาคอาเซียนมากแค่ไหนในช่วงเวลาอย่างนี้

ผู้ประกอบการมีการใช้งานแพลตฟอร์ม e-commerce ที่หลากหลาย

จากข้อสงสัยข้างต้น ทำให้ Sea (Group) บริษัทชั้นนำระดับโลกในด้านการให้บริการอินเทอร์เน็ตแพลตฟอร์มสำหรับผู้บริโภค ซึ่งดำเนินธุรกิจด้าน e-commerce ที่เราคุ้นเคยกันดีในชื่อ Shopee ได้ทำการ “การสำรวจ Online Seller Archetypes” เพื่อจับอินไซต์ว่าบทบาทของอีคอมเมิร์ซที่เพิ่มมากขึ้น จากกระแสดิสรัปชันและการแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่าส่งผลถึงคนที่ขายของออนไลน์ยังไงบ้าง

โดยสำรวจจากผู้ค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Shopee ราวๆ 42,000 ราย จากทั้งหมด 6 ประเทศ ประกอบไปด้วย ประเทศไทย สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่งผลสำรวจที่ได้พบว่ารุปแบบการรับ e-commerce แพลตฟอร์มมาใช้งานมีความหลากหลายโดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ The Homemaker, The Student, The Never-too-late, The Moonlighter และ The Highly-digital

ซึ่งแต่ละกลุ่มก็มีการใช้งานอีคอมเมิร์ซเพื่อตอบโจทย์ความจำเป็นที่แตกต่างกัน ทั้งในแง่การพัฒนาคุณภาพชีวิตและการเสริมศักยภาพธุรกิจ สะท้อนให้เห็นถึงแรงกระเพื่อมจากธุรกิจ e-commerce ที่สนับสนุนให้เกิดความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัว (Resilience & Adaptability) ในผู้ค้าออนไลน์หลากหลายกลุ่มในสังคมวงกว้าง

เดี๋ยวเราตามมาดูกันทีละกลุ่มเลยค่ะว่า คนแต่ละกลุ่มนั้นมีอินไซต์ยังไงบ้าง

1.The Homemaker Entrepreneurs (กลุ่มแม่บ้าน-พ่อบ้าน)

กลุ่มแรกเป็นกลุ่มพ่อบ้าน-แม่บ้านค่ะ ซึ่งบนแพลตฟอร์ม Shopee เนี่ยก็มีผู้ค้าออนไลน์ที่เป็นกลุ่ม The Homemaker จำนวนไม่น้อย โดยเกือบทั้งหมดเป็นคุณแม่ ในช่วงวัย 30 ที่ต้องรับหน้าที่ดูแลบ้าน และความเป็นอยู่ของสมาชิกในครอบครัวจำนวน 4 คน โดยเฉลี่ย 

นอกจากนี้ ราว 60% ของ The Homemaker ระบุว่า ‘การนำรายได้มาใช้ในการดูแลครอบครัว’ เป็นแรงจูงใจหลักในการค้าขายผ่านอีคอมเมิร์ซ และปัจจัยสำคัญที่ทำให้เลือกช่องทางอีคอมเมิร์ซในการทำธุรกิจ ได้แก่ ‘ความยืดหยุ่นของเวลาการทำงาน’ ซึ่งทำให้ The Homemaker สามารถดำเนินธุรกิจและดูแลครอบครัวควบคู่กันไปได้ โดยไม่ต้องเสียสละอย่างใดอย่างหนึ่งไป โดยเฉพาะในช่วงที่จำเป็นต้องรักษาระยะห่าง ซึ่งทั้งพ่อแม่และลูกๆ ถูกจำกัดพื้นที่ให้ทำงานและเรียนอยู่ในบ้าน ดังนั้น แม่บ้านจำเป็นต้องทำ 2 หน้าที่ในเวลาเดียวกัน ทั้งในบทบาท ‘ผู้ประกอบการ’ และ ‘ผู้ดูแลลูกและสมาชิกครอบครัว’ 

2.The Student Entrepreneurs (กลุ่มนักเรียน-นักศึกษา)

กลุ่ม The Student ได้แก่ กลุ่มคนรุ่นใหม่ในวัยเรียนที่ค้าขายออนไลน์ควบคู่ไปกับการเรียน มีรายได้จากการขายสินค้าออนไลน์เป็นรายได้หลักและนำรายได้ไปใช้เพื่อการศึกษาในอัตราที่สูงโดดเด่นจากกลุ่มอื่นๆ อย่างชัดเจน หากเปรียบเทียบกับผู้ค้าออนไลน์กลุ่มอื่นๆ แล้ว The Student มีเงินออมส่วนบุคคลค่อนข้างน้อย อีกทั้งยังต้องเข้าเรียนเต็มเวลาตามที่หลักสูตรการศึกษานั้นๆ กำหนด จึงทำให้มี ‘ความอ่อนไหวทางด้านการเงินและปัญหาการจัดการเวลา’ สูง 

ดังนั้น อีคอมเมิร์ซจึงเข้ามาเป็นโซลูชันที่ช่วยให้คนรุ่นใหม่เหล่านี้ ได้ทดลองทำการค้าขายตามไอเดียและความสร้างสรรค์ของตนได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย มีต้นทุนต่ำและระดับความเสี่ยงที่ต่ำ นับเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ The Student ผันตัวมาเป็นผู้ประกอบการบนโลกอีคอมเมิร์ซได้ง่ายยิ่งขึ้น 

3.The Never-too-late Entrepreneurs (กลุ่มผู้ประกอบการมืออาชีพจากโลกออฟไลน์)

ผู้ค้ากลุ่ม The Never-too-late คือผู้ประกอบการที่เดิมทำธุรกิจอยู่บนช่องทางออฟไลน์ และมีความเชี่ยวชาญจากประสบการณ์การทำธุรกิจที่ยาวนานกว่า 10 ปี ทั้งนี้ พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปตามสภาวะแวดล้อมก็กดดันให้กลุ่ม The Never-too-late ต้องเข้ามาใช้อีคอมเมิร์ซอย่างกะทันหัน ไม่เพียงเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน รักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าที่มีอยู่ แต่ยังต้องการหาโอกาสขยายธุรกิจสู่ตลาดใหม่ๆ อีกด้วย 

แม้ว่า The Never-too-late จะมีความเชี่ยวชาญจากประสบการณ์การทำงานจริงเป็นจุดแข็ง แต่ก็มีจุดอ่อนเช่นกัน คือ การที่พวกเขาเป็นกลุ่มที่มีประสบการณ์ร่วมกับเทคโนโลยีดิจิทัลน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับผู้ค้าออนไลน์กลุ่มอื่นๆ สถิติจากรายงานชี้ว่าสัดส่วนยอดขายบนอีคอมเมิร์ซโดยเฉลี่ยของผู้ค้ากลุ่มนี้อยู่ที่ 28% เท่านั้น ยังเติบโตได้อีกมาก หาก Reskill-Upskill ผู้ประกอบการและพนักงาน เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดให้ธุรกิจใช้ประโยชน์จาก Digital Tools ได้เต็มที่มากขึ้น

4.The Moonlighter Entrepreneurs (กลุ่มทำอาชีพเสริมคู่งานประจำ) 

กลุ่ม The Moonlighter คือ กลุ่มพนักงานประจำที่ขายสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซเป็นอาชีพเสริม โดยมองว่าอีคอมเมิร์ซใช้งานง่าย ช่วยให้จัดการร้านค้าและคำสั่งซื้อได้ตามเวลาที่สะดวก และต้นทุนต่ำ จึงตัดสินใจนำเข้ามาใช้เป็นโซลูชันในการรักษาระดับความพึงพอใจของทั้งนายจ้างและลูกค้าบนโลกออนไลน์ 

เนื่องจากงานประจำคือความมั่นคง ส่วนอีคอมเมิร์ซเป็นแหล่งที่มาของรายได้หลัก ยิ่งไปกว่านั้น 2 ใน 3 ของ The Moonlighter เป็นกำลังหลักในการหาเลี้ยงครอบครัว พวกเขาจึงมีมุ่งมั่นและจริงจังกับการทำธุรกิจส่วนตัวบนอีคอมเมิร์ซ กลุ่ม The Moonlighter มีความสามารถในการใช้ Digital Tools เป็นอย่างดีอยู่แล้ว หากเติมความรู้ในการบริหารธุรกิจเข้าไป ก็จะทำให้มีศักยภาพการขยายธุรกิจสูง

5.The Highly-Digital (กลุ่มพ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์มืออาชีพ) 

กลุ่ม The Highly-Digital คือกลุ่มคนที่สังคมมักจะนึกถึงเมื่อเราพูดคำว่า “พ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์” โดยพวกเขาขายสินค้าออนไลน์เป็นอาชีพหลักเพียงอาชีพเดียว มีความแอคทีฟบนอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มสูง บริหารจัดการร้านค้าออนไลน์ด้วยตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสร้างยอดขายจากช่องทางอีคอมเมิร์ซได้มากกว่า 50% ของยอดขายทั้งหมด 

นับเป็นกลุ่มที่มีทักษะการทำธุรกิจบนช่องทางดิจิทัลสูงที่สุดในกลุ่มผู้ค้าออนไลน์ทั้งหมด โดยกลุ่ม The Highly-Digital มักเป็นคนช่วงอายุ 30 ปี โดย 66% ระบุว่าต้องการหารายได้เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว และอีก 57% ระบุว่าต้องการนำรายได้ไปลงทุนต่อเพื่อขยายธุรกิจบนอีคอมเมิร์ซ 

นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 เข้ามาเร่งกระบวนการ Digital Transformation ให้เร็วขึ้น หลายๆ ประเทศมีความพยายามที่จะสนับสนุนและส่งเสริม SMEs ให้อยู่รอดด้วยการใช้ Digitalization ให้เกิดประโยชน์สูงสุด อย่างไรก็ตาม การใช้มาตรการเยียวยาหรือส่งเสริมศักยภาพ SMEs แบบ One-size-fit-all อาจไม่ใช่คำตอบ เนื่องจากธรรมชาติของผู้ค้าออนไลน์มีความหลากหลาย ทั้งด้านปูมหลัง แรงจูงใจ และการนำอีคอมเมิร์ซไปปรับใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม ‘Hidden Entrepreneur’ อย่าง The Homemaker และ The Student ที่แตกต่างไปจากภาพผู้ประกอบการในความคิดของสังคมส่วนใหญ่อย่างชัดเจน 

‘Hidden Entrepreneur’ หลายๆ คนอาจไม่มีวันผันตัวมาเป็นผู้ประกอบการ หาก ‘Barrier to Entry’ ไม่ถูกลดทอนลงมาอย่างมีนัยสำคัญด้วยดิจิทัลแพลตฟอร์ม ทั้งนี้เพราะการทำธุรกิจไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญมากที่สุด แต่พวกเขาจำเป็นต้องทำธุรกิจเพื่อสนับสนุนสิ่งที่มีความสำคัญสำหรับพวกเขา ได้แก่ ความเป็นอยู่ของครอบครัวและการศึกษานั่นเองค่ะ

Read more: อ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดในแง่มุมอื่นๆ จากการตลาดวันละตอนได้ ที่นี่

ในบทความหน้าแบมจะมีอะไรมาอัปเดตอีกบ้าง สามารถติดตามได้ผ่านเพจการตลาดวันละตอน รวมถึง Twitter และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนนะคะ

Bambinun*

Content Creator แห่งการตลาดวันละตอน ที่หลงรักการเล่าเรื่องผ่านตัวหนังสือ พอๆ กับการกินของอร่อย และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเป็นทาสแมว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

คุณคิดว่าปัญหา PM 2.5 ที่เชียงใหม่วิกฤตหรือยัง ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถามก่อนอ่านการตลาดวันละตอน แล้วเราจะเอาไปทำเป็น Infographic โชว์หน้าเพจให้รู้ด้วยกัน