เรียกได้ว่ากลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนแรงแซงอากาศในช่วงเดือนเมษายนไปเลย เมื่อบริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR ประกาศแผนขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก แน่นอนค่ะว่าเมื่อข่าวนี้ออกไปก็ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามรวมถึงตัวนุ่นเองด้วย ซึ่งในวันที่
Tag: เงินติดล้อ
แคมเปญการตลาดที่เป็น Business Case Study จาก Facebook ที่ผมจะเล่าให้ฟังในวันนี้เป็นแคมเปญการตลาดที่ดูจากภาพแล้วจะรู้สึกว่าบ้านมาก นั่นก็คือแคมเปญไก่กันชนจากเงินติดล้อเมื่อสองปีก่อน ที่ทำมาเพื่อสร้าง Awareness
บทความสรุปจากงาน UX Thailand Meetup 22 : How to collaborate with
เงินติดล้อ ผมเชื่อว่าหลายคนในที่นี้คงรู้จักองค์กรนี้ดีเป็นแน่แท้ ถ้าถามว่าเงินติดล้อทำธุรกิจอะไร ผมมั่นใจว่าร้อยละร้อยห้าสิบของคนส่วนใหญ่น่าจะรู้ดีว่าเงินติดล้อปล่อยเงินกู้ แต่มีอย่างที่ไหนกันกับบริษัทปล่อยเงินกู้กลับใช้เงินทำแคมเปญโฆษณาหลายสิบล้านเพื่อบอกให้คนไทยห่างไกลจากหนี้ให้มากที่สุด ถ้าเราคิดถึงกำไรน้อยลง คำพูดนี้ออกมาจากพี่ที่ผมรู้จักเป็นการส่วนตัวที่ทำงานอยู่ในเงินติดล้อเป็นระดับเฮดขององค์กรนี้ ในวันนั้นที่แคมเปญนี้ยังไม่ปล่อยออกมา ในวันที่เหมือนได้สัมภาษณ์เชิงลึกในแบบกินไปคุยไปครับ คำพูดนี้ทำให้ผมรู้สึกทึ่งกับองค์กรนี้มากว่ากล้าคิดและพูดแบบนี้ได้อย่างไร
Data-Driven Culture กับ เงินติดล้อตามติด Data ว่าใครเป็นพนักงานที่ Popular ในหมู่พนักงานด้วยกัน แล้วก็ให้พนักงานนั้นเป็นตัวเชื่อมต่อสิ่งที่องค์กรอยากบอกไปถึงพนักงานทุกคนได้อย่างใจ จากงานเปิดบ้านรับสื่อแสดงวิสัยทัศน์และวัฒนธรรมองค์กรของเงินติดล้อเมื่อเดือนพฤษภาคม
เจอแคมเปญดีต้องรีบเล่า เงินติดล้อ อาสาดูแลคนไทยในช่วงสงกรานต์นี้ด้วยการจัดแคมเปญแจกฟรีประกันอุบัติเหตุถึง 100,000 บาท เพราะอุบัติเหตุอยู่รอบตัว และรถกว่าครึ่งบนท้องถนนก็ไม่มีประกันติดรถ เชื่อมั้ยครับว่ารถเกือบ 20 ล้านคันนั้นมีประกันติดรถกันแค่ครึ่ง นั่นเท่ากับว่าอีกครึ่งบนถนนนั้นเป็นรถไม่มีประกัน ทำให้เวลาเกิดอุบัติเหตุทีก็ยากที่จะหาข้อสรุปลงตัวกันได้ทั้งสองฝ่าย