ปรับธุรกิจเข้าถึงเทรนด์การบริโภคในยุคใหม่ ต้องใช้ Data ตัวช่วยทรงพลังอย่างรู้เท่าทัน

ปรับธุรกิจเข้าถึงเทรนด์การบริโภคในยุคใหม่ ต้องใช้ Data ตัวช่วยทรงพลังอย่างรู้เท่าทัน

ในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี เทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้วิถีการดำเนินชีวิตและพฤติกรรมผู้คนเปลี่ยนแปลงไปมากมาย และปฏิเสธไม่ได้ว่า Data กลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับแบรนด์ในการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ และปัจจุบัน Data ไม่ได้เป็นเรื่องของ big brands อีกต่อไป แต่จำเป็นสำหรับธุรกิจขนาดกลางและเล็กที่ต่างเข้ามาใช้ประโยชน์จาก Data กันมากขึ้นแล้ว

LINE ในฐานะแพลตฟอร์มดิจิทัลหลักที่เปิดโอกาสให้นักธุรกิจสามารถเก็บ Data จากเครื่องมือต่างๆของ LINE เล็งเห็นความสำคัญของการใช้ Data ให้สอดรับกับแนวทางการตลาด มุ่งให้นักการตลาดตระหนักบทบาทของ Data และเตรียมความพร้อมใช้งานดาต้าเพื่อธุรกิจในโลกยุคใหม่ เปิดมุมมองให้ธุรกิจในเรื่องการใช้งานดาต้าให้เป็น เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจผ่านงานเสวนาให้ความรู้แบบเจาะลึกทุกแง่มุมจากผู้เชี่ยวชาญด้านดาต้าแห่งยุค ในงาน THAILAND NOW AND NEXT: PREPARING FOR THE CHANGING WORLD โดย LINE ประเทศไทย

บทบาทของดาต้ากับมาร์เก็ตติ้งในไทย

แดน ศรมณี กรรมการผู้จัดการ ADA Digital (Thailand) ผู้เชี่ยวชาญและขับเคลื่อนการทำการตลาดดิจิทัลผ่านการใช้งานดาต้า อธิบายถึงความสำคัญของ Data ในโลกธุรกิจผ่านหัวข้อเสวนาไฮไลท์สำคัญของงานอย่าง  “Data as a Driver of Business Growth” โดยชี้ให้เห็นว่าเมื่อผู้บริโภคยุคนี้กล้าที่จะเปิดเผยตัวตนในโลกออนไลน์ ทำให้เห็นมิติความต้องการของผู้บริโภคหนึ่งคนได้หลากหลายมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ทั้งยังมีความซับซ้อน สามารถรับสื่อได้หลายทาง และยังมีความต้องการ Touch & Feel ที่ต้องเห็นและสัมผัสสินค้าเหมือนเดิมอยู่ ดังนั้นการนำเครื่องมือจัดการกับฐานข้อมูลหรือ Data ที่เหมาะสม แม่นยำ และครอบคลุมทุกพฤติกรรมความต้องการมาใช้ จึงเป็นประโยชน์ต่อการสร้างแบรนด์และวางแผนการตลาดได้จริง  

Data เปรียบเป็น Footprint ที่ทำให้แบรนด์รู้จักลูกค้าได้หลากหลายแง่มุม สามารถคาดเดาโอกาสทางการตลาดว่าจะทำอย่างไรให้ลูกค้าสนใจ เห็นแนวโน้มการนำเสนอสินค้าที่จะทำให้ลูกค้าซื้อซ้ำ หรือแม้กระทั่งรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้และทำให้เขากลายเป็นผู้บอกต่อไปยังลูกค้าคนอื่น และความน่าสนใจของ Data ยังพบว่ามีส่วนช่วยให้แบรนด์เข้าถึง Personalize Experience สามารถเพิ่มยอดขายกว่าเดิมได้ 2-3 เท่าเลยทีเดียว

ปัจจุบันมี Marketing Tech จำนวนมากถูกนำมาใช้จัดการข้อมูลต่างๆ ของผู้บริโภคให้สามารถใช้งานได้ ซึ่ง Data ที่ยอดเยี่ยมจะเป็นมากกว่าข้อมูลทั่วไปที่ใครๆ ก็มีได้นั้น แบรนด์จำเป็นต้องนำมาจัดกลุ่ม เพื่อให้กลายเป็นองค์ความรู้ เกิดการเชื่อมโยงจนเป็น Insight และเมื่อมองเห็นโอกาสที่มากกว่า ก็จะเป็น Wisdom ที่แบรนด์จะเอาชนะใจลูกค้าได้อยู่หมัด แต่ก็ต้องยอมรับว่าตอนนี้ไม่มีเครื่องมือใดที่จะตอบโจทย์ได้ 100% 

การที่แบรนด์จะเข้าถึงลูกค้าและรักษาฐานลูกค้าไว้ได้ จึงต้องเข้าใจให้ได้ก่อนว่าเครื่องมือแต่ละตัวนั้นใช้ทำอะไร แล้วเลือกใช้อย่างถูกวิธี โดยผสมผสานระหว่าง Data + Technology + Customer Experience ซึ่งนักการตลาดจะต้องสื่อสารกับไอทีด้วยคำง่ายๆ ถึงความต้องการว่าอยากได้อะไร เพื่อให้ไอทีตีโจทย์ความต้องการนั้นเป็น Data ที่เหมาะสมแล้วจัดสรรเข้าโปรแกรมในการเก็บข้อมูลของลูกค้า เพื่อใช้รวบรวมข้อมูลลูกค้า และจัดกลุ่มข้อมูลเข้าด้วยกันหรือ Customer Data Platform (CDP)  

และสิ่งที่แบรนด์ไม่ควรละเลยอย่างเด็ดขาด คือต้องใช้เทคโนโลยี เพื่อเป้าหมายในการชี้เป้า ให้รู้ว่าควรจะเสนอสิ่งใดให้เหมาะสม ช่วยในการรักษาฐานลูกค้า และใช้เพื่อรักษาประสิทธิภาพแบรนดิ้งของตัวเอง แต่ยังคงไม่ควรทิ้งเรื่องกการสื่อสารและการตลาดที่ชัดเจน ใส่ใจ ที่จะทำให้ลูกค้ารักแบรนด์ ซึ่งเป็น DNA การตลาดที่คลาสสิกและยังคงมัดใจลูกค้าได้เสมอ 

ธุรกิจต้องพร้อม หลัง พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนตัวบังคับใช้

เพราะ Data เปรียบเหมือนอาวุธลับที่จะช่วยให้ธุรกิจนำมาใช้วางแผนมาร์เก็ตติ้งได้อย่างแม่นยำ แต่เมื่อการมาถึงของ พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ได้เริ่มบังคับใช้ในวันที่ 1 มิ.ย. นี้ ส่งผลให้นักการตลาดจะต้องทำความเข้าใจและเตรียมพร้อมอย่างรอบด้าน ซึ่งกฤติยาณี บูรณตรีเวทย์ พาร์ตเนอร์จาก Baker & Mckenzie บริษัทที่ปรึกษาด้านกฎหมายและธุรกิจระดับโลก ได้กล่าวถึงประเด็นทางกฎหมายเรื่องข้อมูลส่วนบุคคลที่ทุกธุรกิจทั้งเล็กและใหญ่ต้องรู้และให้ความสำคัญเมื่อใช้งาน Data

ในหัวข้อ “Knowing Data Privacy and Security” ย้ำว่าทุกธุรกิจจะต้องรู้พื้นฐานของกฎหมายฉบับนี้ และจะต้องทำการตลาดโดยคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพพื้นฐาน โดยระมัดระวัง Sensitive Data เป็นพิเศษ อาทิ ข้อมูลสุขภาพ ลายนิ้วมือ ความเห็นทางการเมือง พฤติกรรมการเพศ เป็นต้น ที่มีโทษทั้งทางปกครอง อาญาและทางแพ่ง และกฎหมายยังเปิดโอกาสให้ดำเนินคดีแบบกลุ่มด้วย ซึ่งผู้ใช้ข้อมูลจะต้องแจ้งและขอความยินยอมเจ้าของข้อมูลก่อนจะเก็บหรือใช้งาน และหากมีการใช้งาน Service Provider รายอื่นที่จะทำสัญญาประมวลผลข้อมูล ก็จำเป็นต้องตระหนักถึงการให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าไว้ด้วยเช่นกัน 

นอกจากนั้นกฎหมายฉบับนี้ยังยกระดับความคุ้มครองเพื่อประโยชน์ของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการขอใช้สิทธิ Opt-Out ไม่อนุญาตให้ส่งหรือเสนอข้อมูลใดๆ มาอีก หรือการถอนความยินยอมที่เคยให้ไว้ก่อนหน้า สามารถขอแก้ไขข้อมูล โอนข้อมูล หรือแม้กระทั่งจำกัดการใช้ข้อมูลก็ย่อมทำได้ ดังนั้นนักการตลาดจึงต้องระวังไม่ให้กิจกรรมการตลาดของตนละเมิดความคุ้มครองข้อมูลส่วนตัวอย่างเด็ดขาด ขณะเดียวกันก็จะต้องวางแผนการใช้ Data อย่างเหมาะสม และประยุกต์ใช้อย่างเท่าทัน ไม่ให้ Data ชี้นำความต้องการของกลุ่มเป้าหมายจนผิดเพี้ยนไป เช่น Data บอกว่าลูกค้ารายนี้ไม่เคยซื้อสินค้าเลย ก็จัดส่งโปรโมชันพิเศษให้ ในขณะที่กลุ่มลูกค้าที่เคยซื้อสินค้ากลับไม่ได้ข้อมูลโปรโมชันพิเศษใดๆ เลย จึงอาจกลายเป็นการละเลยการตลาดสำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าประจำ เป็นต้น   

LINE Data Solution ตัวช่วยธุรกิจไปต่อในโลกหมุนเร็ว

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญและขับเคลื่อนการทำการตลาดดิจิทัลผ่านการใช้งานดาต้า ให้ความเห็นที่น่าสนใจเพิ่มเติมว่า การตัดสินใจเลือกผู้เชี่ยวชาญมาช่วย อาจดีกว่าแบรนด์ต้องเสียเวลาเรียนรู้เอง เพราะการมี First Party ที่เป็นการเก็บข้อมูลเองของแบรนด์ เมื่อนำมาบวกกับ Third Party ที่เก็บข้อมูลปัจจัยภายนอกเป็นข้อมูลเสริมในมุมที่กว้างขึ้น จะทำให้แบรนด์เห็น Profile ของลูกค้าได้มากกว่า มีความแม่นยำมากขึ้น และลึกขึ้นอีกด้วย กลายเป็น Data Enrichment ให้เห็นพฤติกรรมอื่นๆ ของลูกค้าได้อีกด้วย

ดังนั้นในยุคที่ Data มีอิทธิพลสูง มีกฎระเบียบในการคุ้มครองของข้อมูลส่วนตัวเข้มข้นขึ้น และมีเครื่องมือหลากหลายที่จะเข้ามาช่วยจัดการ Data ดังนั้น ธุรกิจจึงควรสรรหาเครื่องมือที่จะช่วยให้ Data ถูกนำไปใช้อย่างเหมาะสม และสามารถวัดผลความสำเร็จได้จริง ซึ่ง Data Solution ของ LINE ในฐานะที่ LINE เป็นแพลตฟอร์มที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวมากที่สุดจะเข้ามาช่วยธุรกิจให้ไปต่อได้ ภายใต้บริบทของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป

LINE เผยถึงแผนงานด้าน Data โดยจะฟังเสียงลูกค้าผู้ใช้งานมากขึ้น เน้นการเชื่อมโยงทุกระบบใน Ecosystemอย่างไม่สะดุด พร้อมแนะนำดาต้าโซลูชั่นใหม่เพื่อการบริหารธุรกิจอย่าง Business Manager ที่จะเข้ามาเป็นตัวกลาง เชื่อมโยงและเติมเต็มการทำงานข้ามโซลูชั่นให้มีประสิทธิภาพขึ้น ระหว่าง LINE Official Account และ LINE Ads Platform (LAP) สำหรับแบรนด์ที่มีบัญชี LINE OA หรือบัญชี LAP มากกว่า 1 บัญชี เมื่อแบรนด์สามารถแชร์ข้อมูลระหว่าง 2 โซลูชั่นนี้เข้าด้วยกัน โดยไม่มีข้อจำกัดในเรื่อง Cross-targeting แบบ 1 บัญชีต่อ 1 บัญชีเท่านั้นอีกต่อไป ก็จะทำให้แบรนด์สามารถประยุกต์ใช้ข้อมูลที่หลากหลายขึ้นเพื่อเจาะฐานลูกค้าและต่อยอดพัฒนาสินค้าได้ดีกว่าเดิม อีกทั้งยังวางแผนที่จะเปิดการเชื่อมต่อข้อมูลจาก MyCustomer โซลูชั่นสำหรับแบรนด์ในการดูแล จัดการ First Party Data ด้วยตัวเอง มาเข้ากับ Business Manager นี้อีกด้วยในอนาคต ทั้งนี้ Business Manager จะเริ่มเปิดให้บริการในเดือนเมษายนนี้

นอกจากนั้นตลอดทั้งปี 2565 LINE ยังนำพลังของ AI มาปรับใช้กับ Data ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น (Enrich LAP data with AI) โดยเน้นปรับปรุงคุณภาพ Data ที่ได้จาก LAP ให้ดีขึ้น โดยเรียนรู้พฤติกรรมทั้งแบบเจาะจงและไม่เจาะจงเพื่อเป็นตัวช่วยในการสร้างกลุ่มเป้าหมายได้กว้างและแม่นยำกว่าเดิม เพื่อให้แบรนด์สามารถนำมา Re-target สร้างฐานผู้บริโภคใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็มีแผนพัฒนา MyShop Open API เปิดให้แบรนด์หรือร้านค้าสามารถเชื่อมต่อเครื่องมือ MyShop กับระบบต่างๆ ตามที่ต้องการ เพื่อจัดการกับข้อมูลสินค้า สต็อก และออเดอร์ด้วยตนเองบน MyShop ได้ง่ายขึ้น

และอีกหนึ่งความพิเศษที่ LINE ได้นำเสนอ คือแผนการเปิด Facebook Integration on MyCustomer เปิดโอกาสให้แบรนด์สามารถนำข้อมูลที่ได้บน Facebook Page มาเชื่อมต่อและเก็บรวมเข้าไว้ด้วยกันใน MyCustomer ได้ เนื่องจากแบรนด์สินค้าต่างๆ ไม่ได้ใช้แพลตฟอร์มเดียวในการสร้างการรับรู้และขายสินค้าในปัจจุบัน การที่แบรนด์ได้รับข้อมูลเชื่อมโยงระหว่างสองแพลตฟอร์มนี้ได้ในเวลาเดียวกัน จะยิ่งทำให้แบรนด์ได้ใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสร้าง Engagement ที่มีประสิทธิภาพกว่าเดิม และสร้าง Performance ต่างๆ ได้ครอบคลุมมากขึ้น พร้อมแนะนำกิมมิกสำหรับแบรนด์ในการดึงดูดหรือกระตุ้นให้ลูกค้าอนุญาตให้เชื่อมโยงข้อมูลได้ เช่น การให้สติ๊กเกอร์ LINE เป็นสิ่งตอบแทน เป็นต้น โดยแผนดังกล่าวมีแพลนที่จะเปิดตัวในไตรมาส 2 ของปีนี้

ผู้สนใจสามารถติดตามชมงาน THAILAND NOW AND NEXT: PREPARING FOR THE CHANGING WORLD ย้อนหลังได้ที่ https://lin.ee/uFtHA5R/wcvn และติดตามอัพเดทความรู้ ข่าวสารสำหรับผู้ต้องการทำธุรกิจผ่าน LINE ได้ที่ LINE Official Account: @linebizth และ FB Fanpage: LINE for Business

#ThailandNowandNext2022 #LINEforBusiness

Bambinun*

Content Creator แห่งการตลาดวันละตอน ที่หลงรักการเล่าเรื่องผ่านตัวหนังสือ พอๆ กับการกินของอร่อย และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเป็นทาสแมว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ใช้ Social Listening บ้างไม่ ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถาม ว่าปกติใช้ Social Listening บ้างหรือไม่ แล้วถ้าใช้ ใช้ตัวไหนอยู่