Instagram 10th Anniversary กับฟีเจอร์ที่มากกว่าแค่เปลี่ยนสี Icon
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2020 ที่ผ่านมา Instagram ได้ฉลองวันครบรอบ 10 ปี ตั้งแต่ก่อนตั้งมา จากแอปที่คนติสๆ ใช้ในการลงรูปแนวๆ Vintage หน่อยๆ วันนี้กลายเป็น Mainstream Social Media App ไปเสียแล้ว ซึ่งเมื่อครบรอบ Instagram 10th Anniversary บริษัทเค้าก็ได้จัดฟีเจอร์ลับเป็น Gimmick นิดๆ หน่อยๆ ให้ผู้ใช้งานได้ลองเปลี่ยนและเล่นกันค่ะ
ฟีเจอร์แรกที่หลายๆ คนคงรู้กันอยู่แล้วก็คือ การเปลี่ยนสี App Icon อินสตาแกรมเป็นสีอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Logo ตัวเก่าที่เป็นลายวินเทจสีน้ำตาล หรือสีเหลือง เขียว ชมพู ดำ ทอง หรือแม้กระทั่งสี Pride รุ้งที่เพลินก็ใช้อยู่เช่นเดียวกัน ส่วนใครที่ยังเอ๊ะ? อันไหน ทำยังไง เพลินจะมาแชร์วิธีเปลี่ยน Icon App ของไอจีให้ฟังสั้นๆ ค่ะ
ธีการก็ง่ายมากๆ แค่เข้าไปที่ Settings แล้ว Swipe ลงมาข้างล่าง เราก็จะเริ่มเห็นตัว Emoji โผล่ออกมา ดึงๆ ให้สุด ก็จะเป็นเสียงเป๊าะ! พร้อมข้อความเฉลิมฉลองวันเกิด 10 ปีอินสตาแกรม และไอค่อนหลากสีให้เลือกกันด้วยค่ะ ใครใช้สีไหนกันบ้างไหนลองมาแคปเจอร์มาโชว์หน่อย หรือว่ายังเปลี่ยนไม่ได้กันแน่นะ?
ตัวต่อมาก็คือเจ้า Stories Map ค่ะ ที่เป็นฟีเจอร์เพิ่มเข้ามาในหน้า Archive ให้เราได้มี Private Calendar และ Private Map ส่วนตัว โดยฟีเจอร์ก็จะแสดง Stories ที่เราเคยลงมาตั้งแต่ไอจีเปิดตัว Stories เมื่อ 3 ปีที่แล้ว รวมไปถึง Archive Posts ที่เราต้องการ Hide จากหน้า Profile แต่ไม่อยาก Delete ไปเลย เหมือนเพลินก็จะเป็นบ่อยค่ะ แบบอยากให้ไอจีเป็นเหมือน Diary ลงรูปนี้ไปตั้งนานแล้ว แต่ตอนนี้เราสวยขึ้น หรือเราไม่ได้คุมโทนสมัยนั้น อยากเอารูปเก่าออกก็ลังเล ถ้าเคยเป็นแบบนี้ ใช้ Feature Archive นี้จากอินสตาแกรมได้เลยค่ะ
โดยขั้นตอนก็ง่ายมาก แค่ไปที่รูปในหน้า Profile ที่เราอยากซ่อน > กดตัวตุ่ม 3 ตุ่ม > แล้วกด Archive Post แค่นี้รูปนั้นก็จะหายไปจากหน้า Profile เลยทันที แต่! ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะมันจะไปอยู่ในหน้า Archive Post แทน ซึ่งถ้าวันนึงเราเปลี่ยนใจ อยากเอากลับมาไว้ในหน้า Profile ก็ทำได้ค่ะ สบายมาก
ซึ่งฟีเจอร์นี้ เพลินคิดว่าเหมาะกับการทำ Influencer Marekting มาก โดยเฉพาะ Influencers กลุ่ม Micro ตัวเล็กที่นักการตลาดหลายๆ คนชอบจ้างแบบ 30 วันลบออก ก็อาจจะเปลี่ยนมาเป็น 30 วันกด Archive แทนได้ เพื่อในอนาคตเราอาจจะขอเอามาแปะคืนที่เดิม หรือว่าสำหรับ Influencers ก็สามารถเก็บไว้เหมือน Portfolio ได้เช่นเดียวกันค่ะ
ต่อมาก็คือฟีเจอร์ Hide Comment แบบอัตโนมัติค่ะ ซึ่งอย่าเพิ่งรีบเอ๊ะนะ เพราะอันนี้เป้นฟีเจอร์ที่อินสตาแกรมเค้าคิดขึ้นมาเพื่อ Hide เฉพาะ Comment ที่มีลักษณะหรือใจความใกล้เคียงกับถ้อยคำรุนแรง หรือแม้กระทั่งประโยคที่เคยถูกคน Report เข้ามาจากไอจีทั่วโลก ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้องผู้ใช้งานจากการโดน Bully อย่างไรก็ตาม หากผู้ใช้ยังต้องการจะอ่านอยู่ ก็สามารถคลิกที่ปุ่ม ‘View hidden comments’ เพื่ออ่านคอมเม้นต์นั้นได้ค่ะ
และสืบเนื่องจากฟีเจอร์ด้านบนที่ Hide Comment แบบ Automatically แล้ว อินสตาแกรมยังได้ทำระบบสะกิดคนเม้นต์ก่อนที่จะโพสต์ด้วย ซึ่งหาก Comment ของคุณมีถ้อยคำรุนแรง ดูหมิ่น เหยียดหยาม ระบบจะ Detect ทันที และจะมีระบบ Nudge ที่จะสะกิดคุณว่า สิ่งที่คุณกำลังพิมนั้นมันไม่เหมาะสม และเสี่ยงถูกปิดบัญชีในไอจีได้เลยค่ะ
จะเห็นได้ว่า Instagram นั้นมีการพัฒนาและปรับตัวอยู่เสมอๆ จนวันนี้ Instagram 10th Anniversary แล้ว ตัวแอปก็ได้กลายเป็น Social Media Platform ชื่อดัง โดยเฉพาะในกลุ่ม Millennial ลงไปถึงกลุ่ม Gen Z ด้วย แต่ก็อย่างที่เพลินเคยบอกค่ะว่า TikTok นั้นกระแสมาแรงมาก ทำให้กลุ่ม Gen Z โยกไปอยู่ที่แพลตฟอร์มนั้นค่อนข้างเยอะ อีกทั้งเพราะบน TikTok ใครๆ ก็สามารถเป็น Stars ได้ ดังเร็ว ทำให้คนสนใจจะไปเล่น เอา Views ในช่องทางนั้นมากกว่าค่ะ
ล่าสุด Poll จาก Piper Sandler ได้ทำ Survey กับ Teens ในประเทศในอเมริกาจนพบว่า เด็กวันรุ่นที่นู้นเลือก TikTok มากกว่า Instagram แล้ว แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ได้แปลว่า Instagram จะหมดหนทาง เพราะ Reels ที่เพิ่งปล่อยออกมาถือว่าได้รับกระแสที่ดี เหลือเพียงแต่การพัฒนาและกระจายให้ผู้ใช้งานได้เข้าถึงได้จากทั่วมุมโลกเท่านั้น ซึ่งถ้าหากช้า ก็อาจจะเสร็จ App ใหม่ที่ YouTube กำลังซุ่มทำขึ้นมาอีกก็ได้ค่ะ
จะเห็นได้ว่าลูกเล่นอะไรต่างๆ มากมายที่นักการตลาดสามารถหยิบไปใช้ได้ อย่างระบบ Nudge ที่คอย Hide Comment ไม่ดีให้ หรือการตั้ง Archive Posts ที่อาจจะไม่เวิร์คแล้ว หรือเก่าไป ลงผิดพลาด การบรีฟ Influencers ให้ลงโพสต์จาก 30 วันแล้วลบ ก็อาจจะเปลี่ยนเป็น 30 วันแล้วกด Archive แทน เผื่อวันนึงจะเปลี่ยนใจ อยากดึงกลับมาก็ได้เช่นกันค่ะ ลองเอาไปประยุกต์ใช้งานดูนะคะ
สำหรับคนที่อยากอ่านเกี่ยวกับ Instagram Marketing เพิ่ม คลิกตรงนี้เลยค่ะ
