TikTok เผยผลสำรวจความสำคัญของ Sound Marketing

TikTok เผยผลสำรวจความสำคัญของ Sound Marketing

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ใครหลานคนติดแพลตฟอร์มอย่าง TikTok จนสามารถนั่งดู นั่งเล่นได้เป็นชั่วโมงๆ ก็คือ “เพลง” จนวันนี้ต้องบอกว่าเสียงเพลงทั้งหลายมันกลายเป็น Sense Experience ที่สำคัญมากสำหรับแพลตฟอร์ม ทั้งเพลงแบบ Original / เพลง Remix / หรือเพลงที่เอามาตัดต่อ Recompose อื่นๆ ตามสไตล์ Creative ของ Users แต่ละคนอีก ทำให้ติ๊กต่อกกลายเป็นพื้นที่ที่เรียกได้ว่าใช้ Sound Marketing หรือขับเคลื่อนด้วยเสียงของจริงค่ะ

อย่างไรก็ตามเพราะแพลตฟอร์มอื่นๆ ก็สามารถใช้เสียงดึงดูดคนได้เหมือนกันจนเกิดเป็นคู่แข่งมากมายทั้ง Instagram Reels ทั้ง YouTube Shorts ทำให้ TikTok ต้องรีบออกมาแสดงจุดต่าง โดยการเผย Survey เพื่อแสดงผลให้รู้แล้วรู้รอดว่า ‘ถึงจะใช้เสียงเพลงเหมือนกัน แต่จะเป็นแพลตฟอร์มเหมือนกันไม่ได้’ แต่จะต่างกันอย่างไรนั้น มาดูกันผลสำรวจ Survey ของติ๊กต่อกกันดีกว่าค่ะ

โดย Survey Report เล่มนี้ติ๊กต่อกเค้าก็ได้ร่วมมือกันบริษัทเจ้าแม่ Research อย่าง Kantar เพื่อหาความสำคัญของ Sound Marketing ในธุรกิจสื่อการตลาดและโฆษณา รวมไปถึงว่าทำไมเสียงเพลงต่างๆ บนติ๊กต่อกถึงต่างจากแพลตฟอร์มอื่นๆ จนกลายเป็น Key Elements หลักในการดัน Engagement Rates บนแพลตฟอร์มในวันนี้ ซึ่งผลสำรวจก็พบว่า:

  • คนเสพเสียงเพลงบนติ๊กต่อกได้ดีกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ: จาก Research ของ Kantar พบว่าคนชื่นชอบเสียงและเพลงต่างๆ บนติ๊กต่อกมากกว่าช่องทางอื่นๆ โดยระบุว่าเสียงและเพลงบนติ๊กต่อกนั้นสามารถสร้างประสบการณ์ความสนุกได้มากกว่าช่องทางอื่นๆ ซึ่ง 66% ของ Users บอกว่าแม้ปิดเสียงหรือ Audio Turned Off แล้ว คนก็ยังชอบติ๊กต่อกมากกว่า ในขณะที่วิดีโอไร้เสียงในช่องทางอื่นๆ นั้นดูแล้วรู้สึกไม่สนุกเท่ากันค่ะ
  • เสียงต่างๆ เป็นเสมือนตัว Anti-Scroll บนติ๊กต่อก: เพราะเสียงเป็นเหมือนอีก Sense นึงที่ทำให้หูได้ยินด้วย ไม่เหมือนกับช่องทางอื่นๆ ที่อาศัยตาดูอย่างเดียว ทำให้คนรู้สึกว่าการใช้ทั้งหูและตาพร้อมกัน ทำให้พวกเค้ามีโฟกัสที่เยอะขึ้น เลยทำให้การเลื่อน Content ผ่านไปเฉยๆ นั้นลดลง กลับกันคืออยากหยุดดูเพราะเสียงพวกนั้นต่างหาก ทำให้ 73% บอกว่าถึงแม้จะเป็นโฆษณาบน TikTok ก็เถอะ พวกเค้าก็ยังหยุดดูถ้าใช้ Sound Marketing เข้าช่วย ซึ่งตัวเลข 73% นี้ก็สูงกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ ด้วยค่ะ
  • เสียงเป็นสิ่งที่แยกออกจาก TikTok ไม่ได้: ผลสำรวจพบว่า 88% ของผู้ใช้งานติ๊กต่อกบอกว่าเสียงกับติ๊กต่อกเป็นของคู่กันในการสร้างประสบการณ์ความสนุกบนแพลตฟอร์ม ถ้าไม่มีเสียงหรือเพลงบนติ๊กต่อก ก็ไม่รู้ว่าจะดูวิดีโอไปทำไม 
  • เสียงบนติ๊กต่อกเป็นตัวกระตุ้น Creativity: ผลสำรวจพบว่า เสียงบนติ๊กต่อกเป็นตัวกระตุ้นไอเดียให้กับ Users ทั้งการ Remix / Duet / หรือ Recompose ต่างๆ ก็เกิดขึ้นทันทีหลังได้ฟังเพลงหรือฟังเสียงเหล่านั้น จนเกิดเป็น UGC จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการดัดคลิปจากคนดังหรือคนไม่รู้จักก็ตาม จนทำให้สิ่งนี้กลายเป็น Culture วัฒนธรรมการใช้งานของ Users บนติ๊กต่อกไปแล้วค่ะ

การ Key findings หลักของผลสำรวจเล่มนี้ จะเห็นได้ว่าเสียงนั้นสำคัญมาก เพราะมันเป็นเหมือนการโสตประสาทอีกอย่างนั่นก็คือหู ทำให้คนไม่เพียงแค่เลื่อนผ่านด้วยการใช้สายตามอง แต่เป็นการใช้เสียงเพื่อช่วย Build และดึง Attention ให้คนหยุดที่จะรับชมคลิปต่างๆ ได้มากกว่าแค่ Awareness ธรรมดา ซึ่งเอาจริงๆ ข้อนี้นักการตลาดหลายท่านคงไม่แปลกใจ เพราะเสียงเนี่ยแหละที่เป็นปัจจัยที่ทำให้ Video Content ทุกวันนี้ฮิตและเป็นที่นิยมมากในทุกช่องทาง 

อย่างไรก็ตาม TikTok ก็ได้ออกมาสรุปแล้วว่า ถึงจะ Video Content ที่ใช้ Sound Marketing เหมือนกันแต่จะเป็นแพลตฟอร์มเหมือนกันไม่ได้ ดังนั้นหากแบรนด์ไหนที่อยากจะสร้างตัวตนบน TikTok ต้องปรับตัวให้เข้ากับ Culture คนเล่นติ๊กต่อกให้ได้เสียก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มโอกาสที่คนจะเสพเนื้อหาของแบรนด์จนจบหรือ Repeat การชมหรือดูซ้ำนั้นเองค่ะ แล้วแบรนด์ควรปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมอย่างไรบ้าง TikTok สรุปมาให้แล้วค่ะ

Sound Marketing บนติ๊กต่อกนั่นสำคัญ
  • ใช้เพลงที่ License และเป็นที่นิยม: แน่นอนว่าเนื้อหาเชิง Business ก็จะถูกลิมิตให้ไม่สามารถใช้เพลงดังๆ ได้ตามอำเภอใจ แต่สิ่งที่แบรนด์สามารถทำได้คือ การดีลเรื่อง License กับแอป ทั้งนี้ก็เพื่อได้องกระแสเพลงติดเทรนด์และเข้าถึงคนที่กำลังอินชมคลิปภายใต้เพลงเดิมซ้ำๆ นั่นเองค่ะ
  • สร้างเพลงหรือ Jingle ของตัวเอง: สิ่งนึงที่แบรนด์ทำได้อีกอย่างก็คือการสร้างเพลงของตัวเอง เอาให้สนุก และสามารถกระตุ้นเปิดไอเดียความคิดสร้างสรรค์ของคนเล่น TikTok ให้ได้ นอกจากจะไม่ต้องเป็นแค่ผู้ตามเทรนด์แล้ว ถ้าเพลงที่แบรนด์ทำมันดีจริง ก็จะกลายเป็นผู้นำเทรนด์เองมากกว่า ไม่ต้องดีลเรื่องลิขสิทธิ์หรือ License ใดๆ ด้วย แถมได้การทำ Music Marketing เพิ่มด้วยอีกข้อ ที่แน่นอนว่าไม่ต้องอยู่ใน TikTok อย่างเดียว แต่ใช้งานใน Media อื่นๆ ด้วยได้เช่นกันค่ะ

นอกเหนือจากนี้ TikTok ก็มีคลังเพลงฟรีที่แบรนด์สามารถใช้ในการสร้าง Branded Content ได้อยู่ภายใต้ Commercial Music Library ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างเนื้อหาในน่าสนใจผ่าน SoundMarketing ได้ค่ะ

ทั้งหมดนี้ก็คือสรุป Key Findings หลักๆ ของ Report เล่มล่าสุดของ TikTok ที่ร่วมมือกับบริษัท Research อย่าง Kantar แบรนด์หรือนักการตลาดท่านไหนสนใจก็อย่าลืมที่เข้าไปอ่าน Full Report ต่อได้ที่นี่ หรือนำ Survey Results ไปปรับใช้เพื่อ Blend เข้ากับ Nature ผู้ใช้งานติ๊กต่อกดูบ้างนะคะ เชื่อว่าต้องสนุกมากแน่นอนค่ะ

Plearn Wisetwongchai

Marketing Strategic Planner ในเครือการตลาดวันละตอน | A Creator สาวพลัสไซส์ @Fabfatkid | A Travel Lover ที่หมดเงินเกือบ 80% ไปกับการเดินทางแบบแมสๆ | An Instagrammer @theplearn ที่ชอบเล่น Story เป็นชีวิตจิตใจ | สุดท้ายคือ Data Researcher ทั้ง Social และ Search Data etc. ค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

คุณคิดว่าปัญหา PM 2.5 ที่เชียงใหม่วิกฤตหรือยัง ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถามก่อนอ่านการตลาดวันละตอน แล้วเราจะเอาไปทำเป็น Infographic โชว์หน้าเพจให้รู้ด้วยกัน