การทำธุรกิจบน Instagram ที่คุณต้องรู้ในปี 2023
การทำธุรกิจบน Instagram ในปี 2023 กำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อไอจีกลายเป็นศูนย์กลางความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนกับธุรกิจ
ในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะในประเทศไทยของเรานั้น มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นระหว่าง 3%-3.5% ในปีนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของธุรกิจจากการเปิดประเทศต่าง ๆ ภายในภูมิภาค
ยิ่งในช่วงหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 ในประเทศไทย ธุรกิจต่าง ๆ ได้ตระหนักถึงศักยภาพของโซเชียลมีเดียมากขึ้น เพราะเป็นพื้นที่สำคัญสำหรับการมอบความบันเทิงและเชื่อมต่อกับลูกค้าได้มากขึ้นนั่นเองค่ะ โดยในวันนี้เฟิร์นจะพาทุกคนมาดูกันว่า การทำธุรกิจบน Instagram ในปี 2023 เราควรที่จะต้องรู้อะไร ต้องทำอะไรยังไงกันบ้าง ไม่รอช้า ไปดูกันเลยค่าาา
กำหนดทิศทางอนาคตของการค้า
ในปัจจุบัน ผู้บริโภคชาวไทยนิยมใช้แพลตฟอร์มในเครือของ Meta เพื่อการเชื่อมต่อและความบันเทิงมากที่สุด โดยเฉพาะ Instagram ที่กลายเป็นพื้นที่สำคัญสำหรับทั้งชุมชนและการซื้อขายในประเทศไทยอย่างรวดเร็ว
ดรูฟ โวห์รา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจ Meta (ตลาดระดับกลาง) ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “ในแต่ละวัน Instagram เป็นพื้นที่ที่จุดประกายการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้คนกับธุรกิจต่าง ๆ เป็นจำนวนกว่าพันล้านครั้ง โดยนำเสนอการเชื่อมต่อกับชุมชนต่าง ๆ ผ่านความสนใจที่มีร่วมกัน การแสดงออกถึงความรู้สึกส่วนตัวที่มีต่อแบรนด์ และการมีส่วนร่วมกับวัฒนธรรมใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นการส่งข้อความเชิงธุรกิจกำลังเป็นที่นิยมในประเทศไทยในปัจจุบัน และได้กลายเป็นแพลตฟอร์มอันทรงพลังที่กำหนดทิศทางอนาคตของการค้าผ่านการค้นพบ”
และเรามาดูบทบาทในการกำหนดทิศทางอนาคตของการค้า และวิธีการที่แพลตฟอร์มไอจีนี้ช่วยให้ธุรกิจไทยบรรลุเป้าหมายในปี พ.ศ. 2566 ได้ด้านล่างนี้เลยค่า
ต่อยอดโอกาสจากการส่งข้อความ
การส่งข้อความ มีบทบาทสำคัญกับการ ทำธุรกิจบน Instagram เป็นอย่างมาก เพราะเป็นการช่วยเหลือลูกค้าให้สามารถค้นพบและมีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้ ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความส่วนตัว (ผ่านโปรไฟล์หรือโพสต์), การสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับร้านค้า หรือการตอบกลับผ่านฟีเจอร์ Stories
หลังสถานการณ์การแพร่ระบาด ทำให้เกือบครึ่งหนึ่งของผู้บริโภคชาวไทยในปัจจุบันแชทเพื่อพูดคุยกับธุรกิจมากขึ้น โดย
- 42% ใช้การส่งข้อความเชิงธุรกิจมากขึ้น
- 62% สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ผ่านแอปพลิเคชันส่งข้อความในเครือของ Meta
- 58% ซื้อสินค้าผ่านช่องทางในเครือของ Meta
สิ่งที่ Meta กำลังให้ความสำคัญในปัจจุบัน นั่นก็คือการสร้างคุณค่าในขั้นตอน ‘การค้นพบที่นำไปสู่การพิจารณา’ (Discovery to Consideration) และการมอบประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ ที่สามารถใช้งานได้ทุกวัน
- 72% ของผู้บริโภคที่ค้นพบผลิตภัณฑ์บนแพลตฟอร์มในเครือของ Meta ยังคงใช้งานแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ขั้นตอนการค้นพบไปจนถึงขั้นตอนการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เนื่องจากประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ และบทสนทนาที่ต่อเนื่องบน Meta
สำหรับ Messenger และการส่งข้อความส่วนตัว
- 52% ของ Gen Z เห็นด้วยว่า Instagram เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์และบทสนทนากับแบรนด์
- 45% พร้อมเปิดใจแชร์ความสนใจส่วนตัวของพวกเขา ให้ธุรกิจได้รับรู้ผ่านการแชท
Instagram ตัวช่วยในการสร้างความสัมพันธ์
ผู้คน ครีเอเตอร์ และธุรกิจต่าง ๆ กว่า 2,000 ล้านราย เป็นส่วนหนึ่งของคอมมูนิตี้ที่ร่วมสร้างคอนเทนต์และโต้ตอบกันในทุก ๆ วัน
ในจำนวนผู้ใช้ทั้งหมดนี้ มีผู้คนกว่า 90% ที่ติดตามร้านค้าธุรกิจ โดย 2 ใน 3 บอกว่า พวกเขาสามารถสร้างความสัมพันธ์กับแบรนด์ได้อย่างมีความหมายยิ่งขึ้น
ผลการสำรวจชาวไทยโดย Global Web Index ชี้ว่า Instagram เป็นแพลตฟอร์มอันดับหนึ่งสำหรับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับแบรนด์ และได้กลายมาเป็นแพลตฟอร์มที่คนรุ่นใหม่เลือกใช้เพื่อเชื่อมต่อและรับแรงบันดาลใจ
- Gen Z ซึ่งกว่า 48% เรียนรู้เกี่ยวกับบริการและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน
แต่ๆๆ การทำธุรกิจบน Instagram เราก็ต้องรู้ก่อนว่าในตอนนี้ธุรกิจอะไรที่สามารถเข้าถึงและเป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริโภครุ่นใหม่ ซึ่งก็จะมีธุรกิจในกลุ่มดังต่อไปนี้ค่ะ
- ดนตรี 74%
- อาหารและเครื่องดื่ม 68%
- เทคโนโลยี 65%
- การดูแลสุขภาพ 57%
จากข้อมูลดังกล่าว เป็นที่ชัดเจนว่า คนไทยเชื่อมต่อถึงกันผ่านความสนใจและความชอบของตัวเอง ธุรกิจจึงควรต้องใช้ประโยชน์จากความสนใจของพวกเขา เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดกิจกรรมและการเติบโตทางธุรกิจ
ดังนั้น การทำธุรกิจบน Instagram แบรนด์ควรจะสร้างโปรไฟล์ที่กระตุ้นให้คนที่ไม่ใช่ผู้ติดตาม อยากที่จะแวะมาเยี่ยมชมเพจ รวมไปถึงการใช้ฟีเจอร์ Story หรือ Reels เพื่อสื่อสารความเป็นแบรนด์ที่โดดเด่นและสร้างสรรค์ยิ่งขึ้น
ข้อมูลล่าสุดจาก Meta ชี้ว่า ผู้คนทั่วโลกรีแชร์วิดีโอ Reels มากกว่า 2,000 ล้านครั้งในแต่ละวัน โดยแคมเปญโฆษณารูปแบบ Reels สามารถสร้างผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าแคมเปญที่ไม่ได้มีโฆษณา Reels อย่างเห็นได้ชัด
อย่างเช่น แบรนด์ GQ แบรนด์เสื้อผ้าคุณภาพระดับนวัตกรรมที่มุ่งแก้ปัญหาประจำวันที่ทำให้ชีวิตของผู้สวมใส่ง่ายขึ้น ได้ใช้ Reels และ Story เป็นส่วนหนึ่งในการทำแคมเปญผลิตภัณฑ์ใหม่ และพบว่าเกิดระดับความตั้งใจซื้อเพิ่มขึ้น 9.3 เท่า อัตราการเข้าถึงสูงขึ้น 65% และค่าใช้จ่ายต้นทุนต่อการแสดงผลพันครั้ง หรือ CPM ลดลง 5% เลยทีเดียวค่ะ
สรุป
เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว การทำธุรกิจบน Instagram คงไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่นัก แบรนด์ต่าง ๆ ควรพยายามเอาตัวเองมาอยู่ในทุก ๆ ขั้นตอนในเส้นทางการซื้อสินค้าของผู้บริโภค และสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าในหลากหลายรูปแบบกันนะคะ
ไม่ว่าจะเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมตามความชอบของลูกค้าแต่ละคนผ่าน Stories, การแสดงความคิดเห็นผ่าน Comment และโพสต์ หรือการส่งข้อความส่วนตัวก็ตาม เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและส่งมอบประสบการณ์ที่มีคุณค่าให้กับผู้บริโภคกันค่ะ
ติดตามบทความด้านการตลาดเพิ่มเติมได้จากเพจการตลาดวันละตอน ที่ เว็บไซต์ Facebook Twitter Youtube และ Blockdit ได้เลยค่า
และสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการปลดล็อคโอกาสในการเติบโต ผ่านเครื่องมือทางธุรกิจของ Instagram ได้ ที่นี่