ล่าสุด Twitter ได้แชร์ Report Conversation ที่เกิดขึ้นและมีความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนบนแพลตฟอร์มของเค้า นั่นก็คือเรื่องของ นักกีฬาหญิง หรือ Women in Sports โดยเฉพาะหลังจาก Olympics Games
Category: Twitter
อย่างที่เรารู้กันดีว่ามีหลายล้านบทสนทนาเกิดขึ้นบนทวิตเตอร์ในทุกๆ วัน นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่คนเข้ามาติดตามสิ่งที่เป็นกระแส สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น หรือเข้ามาติดตามข่าวด่วน จนทำให้เกิด cultural moments แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวในแวดวงบันเทิง ข่าวประเด็นร้อน กีฬา ไปจนถึงการเคลื่อนไหวทางสังคม ทวิตเตอร์จึงเป็นเหมือนภาพสะท้อนทางสังคมและวัฒนธรรมที่ชี้ให้เห็นว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญสำหรับผู้คนในประเทศนั้นๆ ถอด
แฮชแท็ก นั้นเปรียบเสมือนกับคีย์เวิร์ดที่ใช้เพื่อค้นหา กลุ่มคนที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน อยู่ในสถานที่เดียวกัน หรือตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน โดยแฮชแท็กเกิดขึ้นครั้งแรกบนทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2007 ซึ่งในปีนี้ก็ครบรอบ 14 ปี และได้กลายมาเป็น #วันแห่งแฮชแท็ก หรือ
อยากรู้ไหมว่าคนไทยคุยอะไรกันบ้างในทวิตเตอร์? “บทสนทนา” ถือเป็นหัวใจของทวิตเตอร์ จะเห็นได้ว่า เพียงทวีตเดียว ก็สามารถสร้างอิมแพ็คไปในวงกว้าง ทวิตเตอร์เขาก็เลยได้ทำการวิจัยเพื่อศึกษาลงลึกไปในกว่า 64,000 ทวีตบนทวิตเตอร์ประเทศไทย เพื่อค้นหาพลังของทวีตและชาวทวิตภพมีวิธีกำหนดวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองได้อย่างไรผ่านชุมชนและบทสนทนา โดยเป้าหมายของทวิตเตอร์ตั้งแต่แรกเริ่มคือการได้ทราบถึงมุมมองที่ถูกต้องแม่นยำในบทสนทนาของคนไทยบนทวิตเตอร์ ซึ่งสิ่งที่ค้นพบคือ บทสนทนาของคนไทยมีความหลากหลายและมีชีวิตชีวา ผลจากงานวิจัยของทวิตเตอร์แสดงให้เห็นว่า หัวข้อในการสนทนามีการทับซ้อนกันอย่างน่าสนใจจนทำให้เกิดเป็นธีมทางวัฒนธรรมหลัก
การมีบัญชี Netflix ที่มีหนังให้เลือกมากมายนั้นมัน Wow จริงๆ แต่ก็มีหลายคนที่เสียเวลาไปกับการเลือกหนังเป็นชั่วโมงๆ กว่าจะได้ดูจริงๆ หากเทียบกันแล้วเวลาที่เสียไปกับการเลือกหนังนั้นนานยิ่งกว่า ล่าสุด Netflix India เค้าเลยทำโปรเจค Personalization เพื่อ แนะนำหนังตาม Mood ของเจ้าของบัญชีออกมา ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เกิดขึ้นได้จากการจับมือร่วมกันกับแพลตฟอร์มอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Twitter / Spotify และ Swiggy ที่เป็นแพลตฟอร์มสั่งอาหารในอินเดียค่ะ เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นจากปัญหาที่ว่า ประเทศอินเดียเป็นประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อจากโรคระบาดโควิดสูงมากๆ หลายองค์กรก็พยายามจะชักชวนให้ชาวอินเดียที่อยู่บ้านได้ ก็ช่วยกันเลี่ยงการออกจากบ้านกันซักนิด
ทวิตเตอร์เป็นแพลตฟอร์มที่ผู้คนมารวมตัวกันเพื่อพูดคุยกับคนอื่นๆ ที่มีความสนใจ มีแพสชั่นร่วมกัน และยังมองหาสิ่งที่เกิดขึ้น #WhatsHappening ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของกีฬา วงการบันเทิง วัฒนธรรม ไปจนถึงเรื่องของดนตรีที่เป็นหนึ่งในชุมชนหลักที่ทรงพลังบนทวิตเตอร์ซึ่งมีพื้นที่ให้กับแฟนดนตรีทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นดนตรีแนว K-pop ร็อค คันทรี่ แจ๊ส EDM
ถึง Twitter จะโลดแล่นเป็นหนึ่งใน Top Platform โซเชียลมีเดียมาได้สักพัก แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีแบรนด์ในไทยน้อยมากๆ ที่ใช้ช่องทางนี้อย่างจริงจังและประสบความเร็จกับมัน ตรงนี้เพลินขอไม่นับรวมเหล่าร้านพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ทั่วไป ที่ขายของกันเก่งจนไว้คราหน้าเพลินจะรวมเทคนิคแพรวพราวของเหล่าแม่ค้ามาแชร์ให้ฟังกันบ้าง แต่ตอนนี้สำหรับแบรนด์ที่ใช้ทวิตเตอร์อยู่แล้วกำลังอยาก เพิ่ม Followers บน Twitter ลองมาดู 7 Actions นี้ที่แบรนด์หรือนักการตลาดไม่ควรทำค่ะ แน่นอนว่าการเพิ่ม Followers บน Twitter นั้นหลักๆ ต้องอาศัย ‘Purpose’ หรือการตอบลูกค้าให้ได้ก่อนว่า ลูกค้าควรติดตามช่องทางทวิตเตอร์ของแบรนด์คุณไปเพื่ออะไร? เพื่อรับรู้ข่าวสารของแบรนด์งั้นหรอ? เราอาจจะลองถามตัวเองก็ได้ค่ะว่า
บทความวันนี้นุ่นจะมาพูดถึง Twitter Blue เป็นเสมือน Twitter ในแบบที่พรีเมียมขึ้น รวมทั้งมีการอัปเกรดฟีเจอร์ที่ชาวทวิตเตอร์ต่างรอคอยกันมานานแล้ว ซึ่งนุ่นจะมารวบรวม Feedback หลังจากที่ชาวทวิตเตอร์ได้ทราบข่าวนี้กันว่ามีความคิดเห็นอย่างไรด้วยค่ะ ถ้าพูดถึงเรื่องค่าบริการที่หลาย ๆ คนอาจจะยินดีจ่ายให้กับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต่าง ๆ อย่างเช่น
งานนี้แบมบอกได้เลยค่ะว่า Clubhouse อาจจะมีหนาว เพราะตอนนี้ทวิตเตอร์เขาได้ส่ง Twitter Spaces หรือฟีเจอร์สนทนาด้วยเสียงแบบเรียลไทม์มาเขย่าโลกโซเชียลแล้ว หลังจากที่ทวิตเตอร์ได้แนะนำ Spaces หรือการสนทนาด้วยเสียงแบบเรียลไทม์ไปเมื่อปีที่แล้ว ก็ได้ทำการพัฒนาและทดสอบฟีเจอร์อย่างต่อเนื่องกับเฉพาะกลุ่ม และพบว่าการสนทนาด้วยเสียงนั้นเป็นการสร้างบทสนทนาในรูปแบบใหม่ที่สร้างสีสันและกำลังมาแรงเลยทีเดียว Twitter Spaces เหมาะกับใคร?
มีใครไม่รู้จักของเล่นอย่างตัวต่อ LEGO บ้าง? เชื่อว่าไม่มีใช่ไหมคะ? ปลื้มเองก็เคยเล่นตอนเด็ก แต่พอโตมาก็ไม่ได้สนใจแล้ว เพราะเริ่มทำงาน ความสนใจเราก็เริ่มเปลี่ยน ว่างทีก็เสพโซเชียล กิน นอน ไม่มีเวลาให้ย้อนกลับมาเล่น ถึงงั้นก็อย่าว่าแต่ LEGO เลยค่ะ