การตลาด Skincare ขายครีม ตามรอบฮอร์โมนภายใน มากกว่าแค่สภาพผิวภายนอก

การตลาด Skincare ขายครีม ตามรอบฮอร์โมนภายใน มากกว่าแค่สภาพผิวภายนอก

การตลาดครีมในประเทศเราต้องบอกว่าไหนจะ Counter Brand ไหนจะแบรนด์ SMEs ยังมีแบรนด์หิ้วจากต่างประเทศ ทั้งเกาหลี ญี่ปุ่น เยอรมัน ฝรั่งเศส อเมริกา ออสเตรเลียมากมาย บอกเลยว่าแก่งแย่งลูกค้ากันในจุดขายเดิมๆ จนลูกค้าเลือกไม่ถูก เพราะการซื้อ Skincare ไม่เหมือนเครื่องสำอางที่มีอารมณ์อยากเสียเงินก็กวาดๆ มันลงกระเป๋าได้ วันนี้เพลินก็เลยจะมาแชร์กลยุทธ์ไอเดียของแบรนด์ Amareta ที่ ขายครีม แบบไม่ซ้ำใคร ไม่ต้องกระโดดลง Red Ocean ต่อสู้แบบจะรอดไม่รอดแหล่ค่ะ

บอกเลยว่า Skincare ของ Amareta นั้นไม่เหมือนครีมตามท้องตลาดทั่วไปที่ออกแบบมาให้เข้า Segmentation ลูกค้าเดิมๆ เช่น กลุ่มลูกค้าผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม หรือกลุ่มลูกค้าตามปัญหาผิวอย่าง ริ้วรอย สิวอักเสบ รอยดำ รอยแดง ฯลฯ แต่ครีมของเค้าเน้นเจาะอะไรที่มันต้นตอกว่านั้นก็คือ Skin Cycles ตามระดับ Hormones ของสาวๆ นั่นเองค่ะ

นักการตลาดรู้หรือไม่คะว่าผู้หญิงเราทุกคนนั้นมีช่วงโทรมและไม่โทรมตามการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายเป็นปัจจัยหลัก (นอกจากการพักผ่อนไม่เพียงพอหรือปาร์ตี้อย่างหนักน่ะนะ) อย่างประโยคสุดคลาสสิคที่ผู้หญิงชอบพูดกันว่า ‘เซ็งมาก ช่วงนี้สิวขึ้น สงสัยเมนส์จะมา’ เนี่ย ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ แต่เป็นเรื่องจริงที่ผู้หญิงเลี่ยงไม่ได้ต่างหาก หรือจะในช่วงตั้งครรภ์ วัยทองที่อารมณ์ มู้ดสวิงบ่อยๆ ทุกอย่างล้วนมีผลสืบเนื่องมาจากการทำงานของฮอร์โมนในร่างกายทั้งนั้นค่ะ

ซึ่งฮอร์โมนในร่างกายก็มีมากมาย กลัวว่าถ้าลงลึกมากเกินไป เดี๋ยวจะกลายเป็นหมอมากกว่านักการตลาดกันแล้ว เอาเป็นว่าขอเอ่ยชื่อฮอร์โมนหลักๆ แล้วกันนะคะ เช่น ฮอร์โมนเพศหญิง Estrogen / Progesterone และฮอร์โมนเพศชาย Testosterone  ที่มีผลโดยตรงต่อสุขภาพผิวไม่ว่าจะ Texture สัมผัสหรือการทำงานฟื้นฟูต่างๆ ค่ะ ทำให้ผู้หญิงจะเห็นได้เลยว่าสุขภาพผิวในแต่ละช่วงเวลามันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ช่วงที่เรารู้สึกสวยเป็นพิเศษหลังประจำเดือนหมด ไล่ไปจนใกล้ประเดือนมาอีกครั้ง จนไปถึงช่วงตั้งครรภ์ หลังคลอด และช่วงวัยทองค่ะ

ซึ่งแบรนด์ Amareta เค้าเข้าใจผู้หญิงมากกว่าแค่สภาพผิวภายนอก แต่เข้าใจลึกไปถึงระบบฮอร์โมนภายในที่เหมือนต้นตอทำให้เกิดปัญหาผิวเสื่อมโทรมได้ เลยออกผลิตภัณฑ์ Skincare ที่เหมาะกับการสภาพผิวตามช่วง Hormones Cycle ไม่ใช่แค่ครีมหรือเครื่องสำอางปกติแค่ปกปิดปัญหาไว้ข้างในนั่นเองค่ะ

โดยสินค้าของเค้ามีตั้งแต่ที่ล้างหน้าหรือ Facial Cleansers / Moisturisers / Oils และ Masks ให้ลูกค้าได้เลือกช้อปปิ้งตามความชอบและสภาพผิว สินค้าก็จะไล่ตั้งแต่สินค้าแบบ Everyday use ไปจนถึงสินค้าที่เป็น Plant-based สูตร Anti-blemish เอาไว้ใช้ในช่วงเวลาที่ Progesterone หรือ Testosterone เริ่มทำงานอย่างช่วงประจำเดือนหรือตั้งครรภ์ เป็นต้นค่ะ

ซึ่งแน่นอนว่านอกจากจะขาย Skincare สำหรับใบหน้าแล้ว แบรนด์เค้ายังมีการ Expand ไปขายครีมที่ใช้สำหรับส่วนอื่นๆ เพิ่มด้วย เช่น ครีมสำหรับ Stretch Marks หรือ Belly Oil ที่จะช่วยคุมรอยแตกตามผิวหน้าท้องให้กับเหล่าผู้หญิงที่กำลังจะเป็นแม่คนด้วย

ขายครีม ผ่าน Personalization ด้านฮอร์โมน

ซึ่งข้อมูลจาก Forbes ก็ได้กล่าวไว้ว่า แบรนด์ Amareta มี Repeat Purchase Rate อยู่ที่ 60% เลย ทั้งนี้ก็เพราะครีมที่ทั้งตรงใจแบบ Personalization และเข้าใจด้วย เพราะ Amareta เค้ามีการทำ Website ให้คนได้เข้าไปตอบ Quiz สั้นๆ เพื่อหา Skincare ครีมที่ใช่กับตัวเอง รวมไปถึงข้อดีที่สินค้าของแบรนด์ที่ไม่มี Ingredients หรือสารอันตราย เพราะเค้าทำงานร่วมกับ American Pregnancy Association ด้วย เรียกได้ว่าข้อมูลแน่น ครบ จนอยากจะเรียนกว่าเป็นแบรนด์ที่เข้าใจผู้หญิงเราจริงๆ เลยละค่ะ

สิ่งที่แบรนด์ Amareta ทำนอกจากจะเป็นการหนี Red Ocean จากกลุ่ม Customer Segment เดิมๆ แล้ว ยังเป็นการ Steal ลูกค้าไปก่อนคู่แข่งแบรนด์อื่นๆ ได้ด้วย เพราะลูกค้าเท่านั้นแหละที่จะรู้ว่า รอบเดือนของตัวเองจะมาประมาณช่วงไหนแล้วหมดช่วงไหน หรือช่วงไหนใกล้ตั้งท้องแล้ว ดังนั้นก่อนที่ Hormones พวกเค้าจะเปลี่ยนจนสิวขึ้นหรือหน้าเป็นริ้ว พวกเค้าก็ใช้ Amareta ไปก่อนที่จะซื้อครีมหรือ Skincare เจ้าอื่นๆ มาใช้เพื่อบำรุงสิวหรือริ้วรอยเหล่านั้นให้หายแล้วนั่นเองค่ะ

เป็นอย่างไรบ้างคะ สำหรับ Strategy Idea ของแบรนด์จากอเมริกา บอกเลยว่าเป็นไอเดียขายสินค้าเก่าด้วยไอเดียใหม่ที่ดีมาก แค่บอกว่าตามรอบ Hormones เราคนเขียนเป็นนักการตลาดยังอยากซื้อเป็นเหยื่อให้เค้าเลย ลองเอาเคสนี้ไปศึกษาดูนะคะ ไม่แน่ในเร็ววันนี้ เพจเราอาจจะได้เจอกันการ ขายครีม แบบใหม่ๆ เพิ่มขึ้น นอกเหนือจากแค่ปัญหาผิว รูปแบบผิว หรือรอบฮอร์โมนก็ได้นะ รอชมเลยค่ะ

Plearn Wisetwongchai

Marketing Strategic Planner ในเครือการตลาดวันละตอน | A Creator สาวพลัสไซส์ @Fabfatkid | A Travel Lover ที่หมดเงินเกือบ 80% ไปกับการเดินทางแบบแมสๆ | An Instagrammer @theplearn ที่ชอบเล่น Story เป็นชีวิตจิตใจ | สุดท้ายคือ Data Researcher ทั้ง Social และ Search Data etc. ค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ใช้ Social Listening บ้างไม่ ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถาม ว่าปกติใช้ Social Listening บ้างหรือไม่ แล้วถ้าใช้ ใช้ตัวไหนอยู่