การตลาดแบบจริงใจ - เมื่อแบรนด์ใช้ใจขาย ลูกค้าจึงแลกใจในการซื้อ
คุณรู้มั้ยว่าขนมที่กำลังกินอยู่มันมาจากไหน มีที่มาที่ไปยังไง คุณเคยรู้มั้ยว่ากำลังหยิบอะไรเข้าปากอยู่?แน่นอนครับว่าแม้แต่ผมเองก็ยังไม่รู้ และบางครั้งผมก็ไม่อยากรู้ด้วยซ้ำว่าของแสนอร่อยอย่างขนมกรุบกรอบนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร ถึงมาอยู่ในถุงขนมที่ผมเพิ่งซื้อ
ความโปร่งใสของแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญ
ที่มาที่ไปของอาหาร หรือความโปร่งใสของผู้ผลิตและแบรนด์ กำลังเป็นเรื่องที่คนทั้งโลกให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะจากการสำรวจล่าสุดพบว่าคนส่วนใหญ่กว่า 74% มีความเชื่อมั่นหรือไว้วางใจในข้าวของ หรือสังคมรอบตัวเราน้อยลงมาก
และก็จากการสำรวจอีกเหมือนกันก็พบว่า คนกว่า 70% ให้ยกเรื่องความเชื่อมั่นหรือไว้วางใจได้เป็นหนึ่งในสามองค์ประกอบสำคัญในการตัดสินใจจะซื้อหรือไม่ซื้ออะไร เรียกได้ว่าความโปร่งใสจนไว้วางใจได้ชี้เป็นชี้ตายแบรนด์ได้เลยนะครับ
39% ของคนพร้อมจะเปลี่ยนไปใช้แบรนด์อื่นที่มีความโปร่งใสน่าเชื่อถือได้มากกว่าแบรนด์ที่ตัวเองใช้มาเป็นเวลานาน และ 56% ก็พร้อมจะผูกพันธ์กับแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือที่ตัวเองใช้อยู่แบบยาวๆ กันไป
เห็นมั้ยครับว่าความโปร่งใส น่าเชื่อถือ ไม่ใช่แค่กระแสอีกต่อไป แต่กลายเป็นสิ่งที่แบรนด์ทุกแบรนด์ที่จะอยู่รอดต่อไปได้ต้องมี
ยิ่งจริงใจลูกค้ายิ่งวางใจ
ที่ปูมาทั้งมดนี้เพื่อจะบอกว่ามันฝรั่งยี่ห้อหนึ่งในสหรัฐอเมริกาที่ชื่อว่า Kettle นั้นเลือกที่จะเปิดเผยให้ลูกค้าของตัวเองรู้ว่ามันฝรั่งที่กำลังกินอยู่นั้นมีที่มาที่ไปยังไง ตั้งแต่ใครเป็นคนปลูก ปลูกยังไง เก็บเกี่ยวออกมายังไง ทั้งๆ ที่เรื่องแบบนี้แบรนด์อื่นๆ โดยเฉพาะแบรนด์ใหญ่ๆ เลือกที่จะเก็บงำไว้เป็นความลับแบบสุดๆ
ด้วยการปรับแพ็กเก็จถุงขนมให้มีรหัสที่เรียกว่า Tater Tracker อยู่หน้าซอง แทบจะอ้อนวอนให้คุณต้องเข้าไปดูกันเลยทีเดียว
แถมเนื้อหาข้างในก็ไม่ธรรมดา เพราะมาในรูปแบบวีดีโอ 360 องศา ที่พร้อมให้ดูได้ทุกซอกมุมไม่มีการเซ็ตอัปเรื่องปกปิดแต่อย่างไร
เพราะ Kettle เองเชื่อว่าการตรงไปตรงมา โปร่งใสจริงใจกับลูกค้าและผู้ผลิตทุกๆ ฝ่าย คือหัวใจของความสำเร็จของธุรกิจตลอด 30 ปีที่ผ่านมา
ส่วนใครที่อยากเรียนรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์การทำตลาดในรูปแบบอื่นๆ แนะนำให้ไปอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่
ในบทความหน้าผมจะมีอะไรมาอัปเดตอีกบ้าง สามารถติดตามได้ผ่านเพจการตลาดวันละตอน รวมถึง Twitter และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนนะครับ