แคมเปญการตลาด Benz เชื่อมแรงบันดาลใจ Dream Car วันนั้นสู่วันนี้
Mercedes-Benz หรือ Benz เชื่อว่าทุกคนคงเคยได้ยินชื่อนี้ผ่านหูกันมาแน่นอน เพราะเป็นยี่ห้อรถที่อยู่มายาวนาน พร้อมทั้งเป็นรถยุโรปในฝันของใครหลาย ๆ คน แต่หากเราไม่พูดถึง Benz ที่เป็นรถ แต่เป็นคำว่า Benz เชื่อว่าหลายคนก็คงนึกถึงใครสักคน หรืออาจเป็นชื่อของใครสักคนที่รู้จักถูกต้องมั้ยคะ ซึ่งการตั้งชื่อตามยี่ห้อรถ หรือ เทศกาลแบบนี้ ต้องบอกว่าเป็น Culture ของคนไทยที่นิยมกัน ซึ่ง Benz เองก็เห็นถึงจุดนี้ จนเกิดเป็น แคมเปญการตลาด BENZ เชื่อมต่อแรงบันดาลใจ Dream Car จากวันนั้นจนวันนี้ค่ะ
Start for Simple เริ่มต้นจากสิ่งที่เรียบง่าย
สิ่งที่ แคมเปญการตลาด Benz ทำเรียกว่าเป็นสิ่งที่เรียบง่ายแต่เต็มไปความสร้างสรรค์ค่ะ โดย Benz ประเทศไทยได้ทำแคมเปญการตลาดนึงขึ้นว่าชื่อว่า In The Name Of Benz ซึ่งเป็นแคมเปญที่ Related กับคนไทยมาก เพราะแคมเปญจะนำคนที่มีชื่อเล่นว่า Benz มา แล้วให้แนะนำตัว รวมทั้งพูดถึงที่มาของชื่อ ซึ่งที่น่าแปลกใจก็คือ ทุกคนมีที่มาของชื่อเกี่ยวข้องกับรถเบนซ์หมดเลย และจะแตกต่างกันไปตามแต่ละบริบทของแต่ละคน
โดยใน Video จะมีทั้งคนที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอยู่ด้วย และ คนธรรมดาทั่วไปค่ะ ซึ่งการทำแบบนี้เป็นการ Represent ทั้งในส่วนของ Extra กับ ordinary ได้อย่างลงตัวเลยค่ะ
อย่างที่บอกไปว่าแคมเปญนี้จะนำคนที่มีชื่อเล่นว่า Benz มา แล้วให้แนะนำตัว รวมทั้งพูดถึงที่มาของชื่อ ซึ่งทุกคนมีที่มาของชื่อเกี่ยวข้องกับรถเบนซ์หมดเลย และจะแตกต่างกันไปตามแต่ละบริบทของแต่ละคน แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันมากที่สุด คือ เป็นการตั้งชื่อของพวกเขาจากพ่อแม่ ที่ซื้อรถ Benz หรือ ใฝ่ฝันที่จะมีรถ Benz ทำให้พวกเขาจึงได้ชื่อนี้มา
” ปีที่ผมเกิด คุณพ่อผมซื้อรถเบนซ์พอดี ก็เลยได้ชื่อว่า เบนซ์ “
โดยสิ่งนี้เองสะท้อนให้เราเห็นว่ารถเบนซ์เป็นรถในฝันของพ่อแม่หลาย ๆ คน ทำให้พอลูกเกิดมาก็นำมาตั้งเป็นชื่อลูก ซึ่งต้องบอกเลยวัฒนธรรมการตั้งแบบนี้ต้องเป็นประเทศไทยถึงจะเข้าใจว่าทำไม การตั้งชื่อตามยี่ห้อรถ ตามเทศกาลต่าง ๆ โดยตัวผู้เขียนมองว่าการที่พ่อแม่จะเลือกชื่อสักชื่อให้ลูก มันคือความทรงจำดี ๆ มันคือความภาคภูมิใจที่พวกเขาฝากเอาไว้ในตัวลูก ทำให้การที่ทำแคมเปญนี้ออกมาจึงถือว่าตรงจุด และคนไทยจะรู้สึกอินได้ง่ายค่ะ
ซึ่งถ้าหากเราดูว่าพบว่า ทัศนคติและภาพจำของคนไทยเกี่ยวกับรถเบนซ์ที่นอกจากจะเป็น Dream Car แล้ว ยังพูดถึงความแข็งแกร่ง ความหรูหรา ความทนทาน อีกด้วย นอกจากนั้นยังมีเรื่องของการตั้งคำถามที่เป็นประเด็นทางสังคมที่ Stereotypes ว่าสิ่งนี้เหมาะกับผู้หญิง สิ่งนี้เหมาะกับผู้ชาย อย่างคำถามที่ว่าคิดว่าชื่อ Benz เหมาะกับผู้หญิง หรือ ผู้ชาย เพื่อคนเห็นว่าไม่ว่าผู้หญิง หรือ ผู้ชายก็สามารถใช้ชื่อ Benz ได้ รวมไปถึงการใช้รถเบนซ์เองก็เช่นเดียวกันค่ะ
Then and Now ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น
การส่งต่อในทีนี้ไม่ได้หมายถึงการส่งต่อรถ มันคือการส่งต่อความเชื่อ ความชอบ ความประทับใจ จากคุณปู่สู่คุณพ่อและสู่ลูกในปัจจุบัน เพราะนอกจากการถามชื่อ ความเป็นมาต่าง ๆ แล้ว ก็ยังมีการพูดถึงทัศนคติและภาพจำของคนรุ่นลูกที่ถูกส่งต่อมาจากรุ่นพ่อแม่ และทำให้ตัวพวกเขาก็มองว่า Benz ก็เป็นรถในฝันของพวกเขา เช่นกัน
ไม่ว่าด้วยเหตุผลที่ว่าชอบเพราะชื่อตัวเอง หรือ เหตุผลที่ชอบเพราะคุณพ่อคุณแม่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Benz ก็ได้กลายเป็น Dream Car ของพวกเขาไปแล้วค่ะ
นอกจากนั้น Thasorn Boonyanate หรือ คุณพีท Chief Creative Officer at TeamXThailand ที่เป็น creative powerhouse ของแคมเปญนี้ก็ในบอกไว้อีกว่า จะเชื่อหรือไม่แล้วแต่ ในประเทศไทยทุกคนจะมีเพื่อนอย่างน้อย 1 คนที่ชื่อเบนซ์ ซึ่งถามว่าจริงมั้ย ผู้เขียนว่าจริงค่ะ และตรงนี้เองผู้เขียนก็มองว่าเป็นการบอกนัย ๆ ว่า Benz ก็เป็นที่นิยมในไทยขนาดไหน ซึ่งกระแสตอบรับของ แคมเปญการตลาด BENZ นี้ก็ยืนยันได้อย่างดีเลยค่ะ
หลังจากปล่อยแคมเปญเพียงแค่ 48 ชั่วโมง ผลตอบรับที่ได้คือ มียอดเข้าชม 2 ล้านวิว แชร์ไป 2,500 แชร์ มีการกดถูกใจ 18,000 ไลค์ และ 1,500 คอมเมนต์ ซึ่งคนที่ได้ดู Video ตัวนี้ก็จะเห็นความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนานของคนไทยและ Mercedes-Benz ค่ะ
” 2 million views in 48 hours มีคนเข้ามาดู 2 ล้านวิว ภายใน 48 ชั่วโมง “
และนอกจากนั้นในงาน Motor Show 2024 Mercedes-Benz Thailand ก็ได้เชิญชวนผู้เข้าร่วมงานเจาะลึกเรื่องราวของ “เบนซ์” โดยร่วมสัมผัสแรงบันดาลใจ ที่เป็นที่มาของความภาคภูมิใจ การส่งต่อ และความหลงใหล Benz จนเป็นเรื่องราวของคนชื่อ “เบนซ์” แบบที่เราได้ชมกันไป ภายในธีมของเบนซ์ที่เป็น “สัญลักษณ์แห่งแรงบันดาลใจ” ค่ะ
Getting to know YOURSELF รู้จักตัวเราเองให้ดี
แคมเปญการตลาด Benz เชื่อมต่อแรงบันดาลใจ Dream Car จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ในแคมเปญนี้ Benz ไม่ใช่แค่การอ้างว่า แบรนด์ของตนเองเป็นแบรนด์ที่น่าใฝ่ฝัน แต่ยังนำคนที่มีชื่อตามรถเบนซ์ มาเป็นตัวอย่างและหลักฐานสนับสนุน ที่แสดงให้เห็นว่าแบรนด์ได้รับการยอมรับว่าเป็น Dream Car จริง ๆ ค่ะ
รวมไปถึงเรื่องราวข้อเท็จจริงที่ว่าพ่อแม่พร้อมที่จะตั้งชื่อลูกตามแบรนด์ Benz พร้อมกับเหตุผลที่แต่ละคนแสดงออกมา ทั้งเรื่องความแข็งแกร่ง ความหรูหรา ก็จะทำให้คนทั่วไป ผู้ชม รู้สึกถึงความหรูหรา ความแข็งแกร่งของ Benz ผ่านคำสัมภาษณ์ และเรื่องราวที่ถูกเล่าออกมา
รวมไปถึงยังเป็นการเน้นย้ำถึงเรื่องที่แบรนด์เป็นที่ยอมรับและถูกยกย่องอีกด้วย ซึ่งจุดนี้ที่ Mercedes-Benz รู้ว่าชื่อแบรนด์ของพวกเขาเป็นชื่อยอดนิยมในการตั้งชื่อในประเทศไทย ก็ทำให้ Mercedes-Benz สามารถสร้างโอกาสที่จะทำความเข้าใจ ทำการตลาดและเพิ่มยอดขายตลาดไทยอีกด้วยค่ะ
ซึ่งการแบรนด์เข้าใจวัฒนธรรมของประเทศ หรือ ภูมิภาคที่จะเข้าไปทำการตลาด แล้วรู้ว่าตอนนี้แบรนด์ของเราอยู่ตรงจุดไหนในใจผู้บริโภคจะทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จในการทำตลาดในภูมิภาคนั้น ๆ ค่ะ
เช่นเดียวกันที่ Benz เข้าใจ Culture ของประเทศไทย และรู้ว่าตัวแบรนด์เป็นที่ยอมรับจนนำเอาไปตั้งชื่อ แล้วนำจุดนี้ถ่ายทอดออกมาผ่านการเล่าของตัวละครที่อยู่ในโฆษณา ทำให้สร้างความ Related การเข้าถึงได้ ของคนในประเทศไทยได้
ก่อนหน้านั้นก็เคยมีแคมเปญ Say It Proud ของ Head & Shoulders ในปี 2019 ที่ถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดี ของการเข้าใจวัฒนธรรม ในกรณีจะต่างกันที่ Head & Shoulders เป็นแบรนด์ที่ไม่ได้รับความนิยม และ สร้างยอดขายได้น้อยกว่า เพราะคนในประเทศอินโดนีเซีย ไม่สามารถออกเสียง Head & Shoulders พอจะพูดก็กลัวอ่านผิด เลยไปซื้อแบรนด์อื่นแทน
แคมเปญ Say It Proud ของ Head & Shoulders ก็เลยทำออกมาสนับสนุนให้คนกล้าออกเสียงผิด ผ่านนักแสดงที่ออกเสียงผิดเหมือนกัน แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่แค่คุณที่ออกเสียงผิด และมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ มันคือเรื่องทั่วไป ไม่ว่าจะออกเสียงว่าอะไรขอแค่กล้าพูดก็พอ ซึ่งการ Head and Shoulders สามารถเข้าถึงและสร้างการเชื่อมต่อที่แท้จริงภายในประเทศอินโดนีเซียได้ ส่งผลให้แบรนด์เป็นที่จดจำและผลักดันยอดขายของแบรนด์อีกด้วยค่ะ
Storytelling ต้องทำถึงและถูกต้อง
นอกจากนั้นการเล่าเรื่องก็สำคัญ ต้องบอกว่าผู้บริโภคทุกวันนี้มีการรับรู้และวิจารณญาณที่ค่อนข้างสูงทำให้พวกเขาเลือกที่จะรับสารที่ตัวเองต้องการเท่านั้น หากแบรนด์ยัดเยียดโฆษณา หรือ ทำโฆษณาที่ดูเป็นโฆษณาเกินไปจะทำให้ผู้ชมเบื่อหน่าย และ สร้างภาพจำที่ไม่ดีต่อแบรนด์
ซึ่ง แคมเปญการตลาด Benz นี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้เรื่องราวที่กินใจและโฟกัสไปที่มนุษย์ให้เป็นศูนย์กลางเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของแบรนด์ Mercedes-Benz โดยเน้นไปที่คนที่รักและยกย่องแบรนด์ของพวกเขา และให้พื้นที่คนเหล่านี้สร้างเหตุผลที่น่าสนใจเพื่อสนับสนุนการส่งต่อการเป็น Dream Car ของแบรนด์ค่ะ
และที่สำคัญคือเบนซ์เองไม่ได้บอกว่าเรารถของตัวเองดียังไง หรือ บอกว่ารถของเรามีคุณสมบัติอะไรแบบตรง ๆ เพราะถ้าทำแบบนั้นจะยิ่งทำให้คนดูรู้สึกเบื่อ เพราะถ้าคนดูต้องการทราบคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ แค่เข้าไป Search บน Internet ก็มีข้อมูลขึ้นมาเป็น 1,000 เว็บไซต์แล้ว
ดังนั้นการเล่าเรื่องจึงต้องเป็นมากกว่าการมาบอกข้อดี หรือ คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ ต้องเล่าแล้วสามารถสร้างความประทับใจในใจและในความคิดของคนดูได้ เหมือนวิธีการเล่าเรื่องของ Mercedes-Benz ในแคมเปญนี้ ที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ประสบการณ์และอารมณ์ของมนุษย์ที่มาเล่าให้เราฟัง มากกว่าคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ ซึ่งถึงว่าสอดคล้องกับการรับรู้ของผู้บริโภคในปัจจุบันค่ะ
และทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของ แคมเปญการตลาด BENZ เชื่อมต่อแรงบันดาลใจ Dream Car จากวันนั้นจนวันนี้ ค่ะ ถ้าชอบ หรือ สนใจอยากอ่านบทความด้านการตลาดแบบนี้อีก ผู้เขียนฝากติดตามด้วยนะคะ หรือ ถ้าใครอยากให้ผู้เขียนนำมุมมองการตลาดแบบไหนมาเล่าให้ฟัง สามารถคอมเมนต์บอกกันได้เลยนะคะ
สำหรับนักอ่านที่ชอบ และ อยากอ่านบทความเกี่ยวกับการตลาดเพิ่มเติม รวมถึงข่าวสารด้านการตลาดต่าง ๆ สามารถติดตามได้จาก เพจการตลาดวันละตอน รวมไปถึงเว็บไซต์ Twitter Instagram YouTube และ Blockdit ของการตลาดวันละตอนได้เลยนะคะ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าค่ะヽ(•‿•)ノ
อยากอ่านบทความการตลาดเพิ่มเติม ลองเลือกอ่านบทความด้านล่างนี้ได้เลยนะคะ
อีกหนึ่งแคมเปญการตลาดที่มีความเข้าใจวัฒนธรรมแล้วนำเสนอออกมาได้อย่างดี
