3 Marketing Trends 2021 ที่ธุรกิจในวันนี้ต้องรีบปรับตัว

จริงๆ สิ่งที่เพลินจะแชร์และสรุปให้ในวันนี้ล้วนแต่จะเป็นอะไรที่เพลินเชื่อว่า นักการตลาดและเจ้าของธุรกิจหลายๆ ท่านอาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว เพราะมันเป็นเหมือนกระแสรองที่ควรจะเป็นกระแสหลักในวันนี้ ด้วยตัวเร่งอย่างสถานการณ์ COVID19 ที่กระทบทุกๆ ฝ่าย หลายๆ บริษัทก็อยากจะลดต้นทุน ตรงไหนปรับได้ ลดได้ ก็อยากจะปรับลงกันทั้งนั้น งั้นเรามาดู 3 Marketing Trends ในปี 2021 และต่อจากนี้กันค่ะ

1. Marketing Automation

แน่นอนว่า Marketing Automation หรือการ Automate งานรูปแบบ Pattern ทำซ้ำๆ ให้ทำได้ด้วยตัวเองแบบไม่ต้องใช้แรงงานคนนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ มันมีมาสักพักแล้ว เราต่างได้ยินคำนี้ แต่จะมีสักกี่บริษัทที่เริ่มใช้งานมันอย่างจริงๆ จังๆ ซึ่งจากผลสำรวจเค้าพบว่า 45% ของงานที่หลายๆ บริษัทให้ลูกน้องทำเนี่ย สามารถ Automate แล้วลดแรงงานคนได้

นอกจากนี้เค้ายังพบอีกด้วยว่า Marketing Automation นั้นเพิ่มประสิทธิผลของธุรกิจได้ 14.5% และลดค่าคนทำงานซ้ำๆ พวกนี้ได้ถึง 12.2% ค่ะ โดยที่น่าสนใจคือ 63% ของบริษัทที่เค้ามีการใช้ Marketing Automation แล้ว มีการเติบโตและแซงหน้าคู่แข่งได้ด้วยค่ะ

ซึ่งอย่างในปีที่ผ่านๆ มา เพลินได้ยินหลายๆ บริษัทที่ขาย Tools สำหรับทำ Automation มากมายในไทย ยิ่งธุรกิจไหนที่มีการทำกายขาย การทำการตลาดแบบ Multi-channel หรือมากกว่า 1 แพลตฟอร์มนี่ เพลินว่า Tools ตัวนี้จะยิ่งตอบโจทย์เลยค่ะ เพราะไม่ว่าจะเป็นงานที่ทำแบบวนลูปอย่างการยิง SMS / Ads ในโซเชียล / ยิง Email Marketing หรือการโทรคุยจาก Sales กับลูกค้า สิ่งเหล่านี้คืองานเบื้องต้นที่เหมาะและควรค่ากับการให้ Tools ทำงานแทนมากๆ

งั้นเพลินจะลองยกตัวอย่างการใช้ Automation ในส่วนของการทำ Email Marketing ดูนะคะ สมมุติว่าวันนี้เราไม่ได้มี Tools พวกนี้ ท่าปกติของนักการตลาดก็คือการเขียน email ขึ้นมา ตกแต่ง วาง layout แล้วก็เอาอีเมล์ของลูกค้าที่มีทั้งหมดขึ้นมา ใส่ลงไปแล้วยิงพรวดเดียวถูกไหมคะ?

แต่วันนี้ ถ้าธุรกิจปรับตัวมาใช้ Tools แบบ Automation แทน ระบบจะทำหน้านี้ในการเรียนรู้พฤติกรรมของคนรับสารด้วย ว่ากี่โมงลูกค้า A มักเปิดเช็คอีเมล์ แล้วลูกค้า B เปิดอีเมล์ส่วนใหญ่ตอนไหน เค้าก็จะ Customize ยิง Email ไปให้ตรงกับเวลาเหล่านั้นของลูกค้าด้วยค่ะ นอกจากนี้ระบบอย่างพวก MailChimp ยังช่วยเรา Categorize Leads ด้วย ว่าอีเมล์นี้เป็น Lead ประเภทไหนตาม Action ของลูกค้าที่ได้รับอีเมล์ เช่น กลุ่มที่คลิกลิ้งค์ กลุ่มที่ไม่คลิก ทำให้เราสามารถเรียนรู้และปรับกลยุทธ์ในอีเมล์หน้านั่นเองค่ะ

2. Artificial Intelligence

ในส่วนของการใช้ AI นั้นหมายถึงการใช้ Technology เข้ามาช่วยในการพูดคุย-โต้ตอบกับลูกค้าแบบธรรมชาติมากยิ่งขึ้นค่ะ เพราะวันนี้หลายๆ บริษัทที่ทำ AI ก็มีระบบ NLP หรือ ​Natural Language Processing ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จากเมื่อก่อนมาก ด้วยระยะทางจากเมื่อก่อนที่ให้ Bot ได้เรียนรู้เอง + Machine Learning ด้วย 

ตัวอย่างงานของ AI ที่เจ้าของธุรกิจและนักการตลาดสามารถทำได้เบื้องต้นเลยก็คือ การทำ Chatbots เพื่อลดคนหรือ Admin ในการตอบหรือแบ่งกะแบบ 24/7 ตามแพลตฟอร์ม Social Media ต่างๆ อย่าง Messenger นั่นเองค่ะ ซึ่ง Messenger เองก็มีระบบ AI ในการช่วยตอบเช่นเดียวกัน แต่ฟังชั่นก์อาจจะยังไม่ถึงบริษัทที่เค้าเจาะลึกเรื่อง NLP ของไทยจริงๆ เพราะต้องเข้าใจว่า ภาษาไทยและบริบทของภาษาไทยนั้นมันยากกว่าภาษาอังกฤษมากโขอยู่ค่ะ

นอกเหนือจาก AI ใน Chatbots แล้ว แน่นอนว่าต้องมีเรื่องของ Personalized Messages ที่เจ้า AI จะช่วยเราได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ความชอบ Buying Patterns ของกลุ่มลูกค้า Segment คล้ายกัน ให้เราสามารถต่อยอดโดยการแนะนำลูกค้าคนอื่นๆ ได้อีกว่า ดูหนังเรื่องนี้แล้ว ควรไปดูเรื่องไหนต่ออีก หรือส่วนมากคนที่เค้าดูเรื่องนี้ เราดูเรื่องนี้ด้วยนะเป็นต้นค่ะ

3. Experiential Marketing

ข้อนี้ต้องบอกว่าตรงตามชื่อเลยค่ะ นั่นก็คือการตลาดแบบสร้าง Experience หรือประสบการณ์ เพื่อให้ลูกค้าได้รู้สึกมีส่วนร่วมเหมือนโดนดึงเข้าไปร่วม Brand Emotional ด้วย ซึ่งจริงๆ มันก็คือการทำ Event Marketing แหละ ไม่ว่าจะ On-ground หรือ Online ก็แล้วแต่ ขอแค่แบรนด์สามารถทำให้คนที่เข้าร่วม Event เป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ได้ก็เพียงพอแล้ว

โดยจาก Research พบว่า 74% ของคนที่เดิน Event บอกว่าเค้าสร้างความรู้สึกใหม่ๆ กับแบรนด์ผ่านงานอีเว้นท์ แล้วยิ่งงานอีเว้นท์ดี ปังมาละก็ 70% ของคนเดินชมงานเนี่ย จะกลายเป็น Regular Customer ให้กับแบรนด์เลยค่ะ แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือ การเดินอีเว้นท์ หรืออยู่ใน Live Event เนี่ย มันสามารถกระตุ้นให้คนอยากซื้อมากขึ้นถึง 98% โดยนักการตลาดที่ใช้ Experiential Marketing สามารถทำยอดขายได้เพิ่ม 79% เลยค่ะ

เทคนิคเบื้องต้นในการทำให้คนอยากมางานเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Magnet อย่างเหล่าดารา Influencers มาร่วมงานด้วย หรือจะทำให้เชิงของ Touring ที่เป็นเหมือน Roadshow ไม่ต้องรอคนมาหาเรา แต่เราเนี่ยแหละที่เข้าไปหาเค้าแทนค่ะ หรือจะเป็นการใช้ Location ของ Partners เข้ามาช่วยในการจัด Event ก็ได้ ที่นี่งานเราก็จะเข้าถึงลูกค้าหลากหลายมากขึ้นค่ะ

ทั้งหมดนี้ก็คือ 3 Marketing Trends 2021 ที่เพลินสรุปและอยากให้นักการตลาดหลายๆ ท่านได้ปรับและประยุกต์ใช้ไปพร้อมๆ กันก่อนที่คู่แข่งจะใช้ จนเรามารู้ตัวอีกที ก็ช้าไปแล้ว ยังไงลองดูนะคะ ว่าอันนี้ที่เราสามารถทำได้เลยบ้าง ลองดูค่ะ

Source: Maryville University