Data Research Insights : สรุปกระแสดราม่า’หุ้น Stark’ ในมุมมองชาวเน็ตด้วย Social Listening
เรียกได้ว่าเป็นประเด็นที่ร้อนแรงมากเลยทีเดียวเกี่ยวกับ หุ้น Stark ที่ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) โดยมีบริษัทย่อยเป็นผู้ประกอบกิจการรายใหญ่ในการผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ล อีกทั้งยังมีประสบการณ์ในธุรกิจสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลมามากกว่า 50 ปี นอกจากธุรกิจสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ล STARK ยังมีบริษัทย่อยที่ประกอบกิจการให้บริการด้านทรัพยากรบุคคล (ข้อมูลจาก SET) เราอยากพาทุกคนมาสำรวจความคิดเห็นของชาวเน็ต ว่ามีมุมองอะไรที่น่าสนใจบ้างด้วยการใช้ Social Listening Tools กับ Mandala เข้ามาช่วยเราในวันนี้
การพูดถึง ‘หุ้น Stark’ โดยรวม
สัดส่วนการพูดถึงนั้นจะอยู่ในช่องทาง Facebook มากเป็นอันดับที่ 1 จากการพูดถึงด้วยตัวเพจข่าวเอง และคอมเมนต์ต่างๆ รองลงมาก็ะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก Twitter เกิดจากการพูดถึงของชาวเน็ตมากกว่าการพูดถึงจากเพจข่าวต่างๆ
ส่วนในแง่ของ Word Cloud คนยังให้ความสนใจเกี่ยวกับประเด็นหุ้นกู้ ราคาหุ้น มูลค่าตลาดเป็นต้น
Timeline เกิดเหตุ
มหากาพย์นี้มี Timeline ที่ค่อนข้างนาน ทางเราเลยขอสรุปออกเป็น 3 ช่วงหลักๆ คือ ช่วงก่อนเกิดเหตุ จะเห็นได้ว่าคนนั้นพูดถึงเกี่ยวกับการลงทุนสะส่วนใหญ่ เป็นคนที่อยู่ในแวดวงอยู่แล้ว ถัดมาคือช่วงตอนที่เริ่มมีสัญญาณ ซึ่งในที่นี้ในช่วงแรกเหมือนบริษัทจะไปได้สวย มีกำไรอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยความที่ช่วงเดือนสิงหาคม ทางกลต. ได้อนุมัติให้เพิ่มทุนในการขายหุ้น ซึ่งนั่นก็ทำให้ราคาหุ้นปกตินั้นร่วงลงมาส่งผลให้เกิดความคิดเห็นในเชิงต่างๆ เช่นการโกง หุ้น stark เกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง
พามาแตกประเด็นที่คนพูดถึงในแต่ละช่วงเวลา
1. ก่อนเกิดเหตุ
การพูดถึงหุ้น Stark ยังคงอยู่ในเชิงบวกทั้งในงบไตรมาสที่มีกำไร และการเข้าซื้อกิจการสายไฟ ส่วนมากจะเป็นความเห็นที่มาจากเพจเซียนหุ้นต่างๆ ที่ออกมาให้คำแนะนำ ส่วนความเห็นเชิงลบไม่ได้มาจากหุ้น Stark ในขณะนั้น แต่จะมาจากเพจของเซียนหุ้นที่สรุปราคาหุ้นรายวันมากกว่า
2. เริ่มมีสัญญาณในวงที่กว้างขึ้น
ด้านแง่บวกที่คนพูดถึงคือข่าวหรือเพจต่างๆออกมาทำข่าวเกี่ยวกับ Stark ในแง่การถูกปรับระดับความน่าเชื่อถือบริษัทเป็น BBB+ ที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนพ.ย. ปีที่แล้ว
ด้านนแง่ลบจะมีการพูดถึงเยอะขึ้นในช่วงเดือนธ.ค. ที่ราคาหุ้นนั้นเริ่มลงมาเรื่อยๆ จะเห็นได้ว่ามีคนทั่วไปออกมาแสดงความคิดเห็นเพิ่มมากขึ้น แทนที่เมื่อก่อนจะเป็นเพจข่าวที่พูดถึง Stark ในแง่ต่างๆ
3. ช่วงเริ่มและเกิดเหตุ
พอเข้ามาในช่วงเริ่มจะเกิดเหตุ จะเห็นได้ว่ามีคอมเม้นท์บนโลกโซเชียลที่แพร่หลายมากขึ้น และทำให้ช่วงนั้นความเห็นเชิงลบพุ่งขึ้นไปที่ 30% เลยทีเดียว
ที่เริ่มตั้งแต่การส่งงบช้าในช่วงปลายเดือนก.พ. ก็เริ่มจะเป็นข่าวออกมาเรื่อยๆ เป็นส่วนหนึ่งในการส่งผลให้ราคาหุ้นร่วง นอกจากนั้นยังส่งผลกระทบกับ TOA บริษัทที่มีสนามสกุลเดียวกันกับผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Stark
นอกเหนือจากผู้ลงทุน หุ้นที่เกี่ยวข้องกันแล้ว ยังมีประเด็นอื่นๆที่คนพูดถึงอีกมากมาย ไปดูด้านล่างพร้อมกันเล้ยยย
ประเด็นที่พูดถึงอย่างแพร่หลาย แตกออกได้หลายมุมมอง
จากการสำรวจบนโซเชี่ยลมีเดียในช่วงวันที่ 2 ก.ค. 2565 – 2 ก.ค. 2566 บนช่องทางต่างๆ เราพบว่าคนพูดถึงออกมาได้หลายประเด็นมากๆ เดี๋ยวทางการตลาดวันละตอนจะสรุปให้ฟังค่ะ
เหตุผลของการลงทุน
อย่างแรกเลยของคนที่เป็นนักลงทุนนั้นคงไม่พ้นเรื่องผลตอบแทน บางคนนั้นมองว่าเป็นการทำกำไรได้อย่างเร็ว บางคนนำเงินที่ซื้อหุ้นกู้ของ Stark ไปจะสามารถทำให้เขามีเงินในช่วงวัยเกษียณ หรือนำเงินส่วนนั้นเก็บไว้ให้ลูกหลายในอนาคต
เปรียบเทียบ ล้อเลียน เสียดสี
ดราม่าร้อนแรงแบบนี้คงหนีไม่พ้นการพูดเสียดสี หรือนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาพูดในมุมมองตลกๆ หรือเน้นการล้อเลียน
ได้ยินแว่วว่า Stark หลายคนคงนึกถึง Tony Stark ตัวตึง Avengers ของใครหลายๆคนที่มักจะเจออยู่ใต้คอมเมนต์อยู่บ่อยๆ
โจรภาคใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้น
มีชาวเน็ตบางส่วนนำเรื่องราวของความเสียหายที่เกิดขึ้นไปเปรียบเทียบกับหุ้น MORE ที่ชาวเน็ตมองว่าเป็นการกระทำที่ไม่ต่างจากการปั่นตลาด เพื่อปล้นเงินของนักลงทุน นอกจากนี้ยังมีหุ้นอื่นๆ ที่โดนเปรียบเทียบเช่นกัน คือหุ้น Delta หากใครเป็นสายนักลงทุนก็คงจะคุ้นชื่อเป็นอย่างดี
เทียบกับพอร์ตตัวเอง / สินสอด
อันนี้น่าจะเป็นเชิงพูดเล่นแนวตัดพ้อมากกว่า
เทียบกับประกัน
หลังจากข่าวออกมามีบริษัทประกันเจ้าหนึ่งตกเป็นเหยื่อของเรื่องนี้ ทำให้มีคนออกมาแสดงความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นว่า บริษัทประกันก็เอาเงินไปลงทุนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ที่น่าสนใจคือตัวแทนประกันบางท่าน ยังนำข้อได้เปรียบตรงนี้มาบอกกับลูกค้าว่า Unit Linked ของบริษัทตัวเองไม่ได้ลงทุนในหุ้นนี้ สบายใจได้แน่นอน
ล้อเลียนประเด็นการเมือง
เป็นการนำคำพูดวลียอดฮิตของนักการเมืองที่มักจะพูดบ่อยๆ เกี่ยบกับว่าประเทศไทยจะถูกอเมริกายึดครอง เลยทำให้เพจเฟสบุ๊คชื่อดังนำมาล้อเลียน ซึ่งก็ได้ Engagememnt ไปไม่น้อยเลย
มุมมอง ความรู้ ความเข้าใจ
ตามตำราเขาบอกว่า ‘การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง’ ประเด็นนี้มีความคิดเห็นแยกออกมาเป็น 2 ฝ่าย ได้แก่คนที่พอจะเห็นสัญญาณตั้งแต่แรกว่าพบความผิดปกติของหุ้น (สายไหวตัวทัน) แต่ก้มีบางส่วนที่ยังสงสัยเกี่ยวกับการดูงบการเงินของบริษัทใหญ่ๆ ว่าไม่มีการตรวจเช็คบัญชีก่อนลยเหรอ?
TOA โดนลูกหลงไปด้วย
หากเราจะเปรียบความสัมพันธ์ให้เห็นภาพง่ายๆเลยคือ TOA เปรียบเสมือนแม่ส่วน Stark เป็นลูกของเขา ซึ่งปฎิเสธไม่ได้เลยว่าทาง TOA จะมีผลตามไปด้วย นั่นก็คืแราคาหุ้นร่วงลงมา ถึงแม้ว่าจะบอกว่าไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับเหตุการณ์นี้
บางคนเห็นด้วยว่าทางผู้บริหารของ TOA จะเกี่ยวข้องด้วย และเขื่อมั่นในตัวของผู้บริหาร TOA มากๆ
อีกฝ่ายก็พากันสงสัยว่าการที่มีพาสปอร์ตหลายเล่ม จะทำให้หนีปัญหาหรือไม่ และปล่อบละเลยเหมือนที่ผ่านๆมา
ผลกระทบในวงกว้าง
ด้านชื่อเสีย แก่นักลงทุนต่างประเทศ : ที่คนมองว่าคดีที่เสียหายเป็นหมื่นล้านนั้นส่งผลต่อการลงทุนต่างชาติ
ตลาด SET เงียบกริบ : พิษของเรื่องนี้ก็ค่อนข้างเป็นอุทาหรณ์ให้กับใครหลายคนมาก ซึ่งทำให้คนหันมาสนใจประเด็นนี้มากขึ้น และมีการคิดและระมัดระวังมากขึ้น
กลต / ผู้ตรวจสอบบัญชี
เรื่องนี้จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากกลต และผู้สอบสอบบัญชี โดยเป็นการสงสัยว่าทำไปปล่อยให้เรื่องผ่ายมานานแบบนี้? เข้า Set 50 ได้อย่างไร? และทำไม audit จึงไม่เจอความผิดปกติใดๆ
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงมุมมองจากชาวเน็ตเท่านั้น บางอันก็อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการชี้แนะ หรือชักตูงจากใครมาลงทุน โดยส่วนใหญ่คนมองว่า ขาดความรู้ ความเข้าใจศึกษาหุ้นให้เข้าใจโดยละเอียด ทำให้เสียหายกับการลงทุนไปเยอะ อีกฝ่ายก้ยังไม่แผ่วเช่นกัน นั่นก็คือกลต และบริษัทตรวจสอบบัญชีที่ได้กล่าวไปข้างบน
นอกจากนี้เรายังมีเคสอื่นๆที่คนนำไปเปรียบเทียบกันอยู่ในเรื่องของหุ้น Stark ด้วย
- MORE : จำหน่ายอุปกรณ์ประหยัดพลังงานและพลังงานทดแทน วางระบบน้ำประปาและบริหารจัดการน้ำประปา และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยที่เรื่องเพิ่งเกิดไปในช่วงพ.ย.-ธ.ค. ในปี 2565 ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าเคสของ MORE และ Stark ไม่ได้คล้ายกันมากนัก แต่ประชาชนมีข้อสสัยว่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ออกมาได้อย่างไรอีก และทิ้งช่วงเวลาเกิดเหตุไม่นานด้วย
- JKN :ธุรกิจหลักทำเกี่ยวกับจำหน่ายสิทธิคอนเทนต์ทั้งไทยและต่างประเทศ การที่ถูกพูดถึงนั้นเป็นการพูดในแง่ของการเพิ่มทุนของ JKN ที่คล้ายกับ Stark ที่ถึงแม้ว่าธุรกิจของ JKN จะดูสุ่มเสี่ยงกว่า แต่ยังสามารถอยู่รอดได้
- Enron : บริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับพลังงาน ของสหรัฐอเมริกาที่มีการโกงและปั่นหุ้น
- Luckin Coffee ที่มีเรื่องราวการตกแต่งบัญชีเพื่อทำให้มีรายได้ของไตรมาสนั้นสูงขึ้นเกินจริงไป 310 ล้านดอลลาร์หรือราว 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีเคสคล้ายๆกับ Stark ในแง่การแต่งบัญชี
สรุปกระแสดราม่า’หุ้น Stark’ สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด
หลังจากที่ได้ใช้ Social Listening Tools มา ก็พบเจอคำถามที่คนมักจะถาม หรือเป็นคำถามที่น่าจะสนใจ เราเลยลองลิสมาเป็น 4 คำถามที่อยากฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรับทราบและการป้องกันไม่ได้เกิดกรณีแบบนี้อีก โดยทั้งการอยากให้เพิ่ทหน่วยงานหรือสถาบันที่ปกป้องเงินลงทุน การอายัดทรัพย์สินจากผู้กระทำความผิดที่ช้าเกินไปมั้ย? การจัดการเงินที่ส่งประกันสังคมไปมีการบริหารความเสี่ยงยังไงบ้าง? และเกณฑ์การจัดลำดับของหุ้น SET50 SET100 ยังน่าเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน?
หรือถ้าอยากเรียนการใช้ Social Listening ให้เป็นด้วยตัวเอง ก็สามารถลงเรียนกับการตลาดวันละตอนได้ หรือจะส่งทีมมาเรียนก็ได้
คลาสเรียนออนไลน์ Social Listening Analytics
คลาสเรียนออนไลน์ Social Listening เน้น Workshop ลงมือทำจริงด้วยตัวเอง รุ่นล่าสุด ศุกร์สุดท้ายของเดือน เปิดแล้ว
เรียนสดทางออนไลน์ ผ่าน Zoom เต็มวัน 9:00 – 15:00
ค่าเรียนคนละ 9,900 บาท รับจำกัดรุ่นละ 20 คน (ถ้าเต็มรุ่นนี้ต้องขอให้รอรุ่นหน้า)
อ่านรายละเอียดและสมัครก่อนเต็มได้ที่ลิงก์นี้ครับ
https://bit.ly/sociallisteningclass
แล้วคุณจะรู้ว่าการเข้าถึง Insight และ Opportunity ใหม่ๆ เป็นเรื่องง่ายแค่ใช้ Social Listening ให้เป็น
อ่านเทรนด์อื่นๆที่น่าสนใจต่อได้ที่นี่