Experience Economy เมื่อประสบการณ์คือสินค้าหลักของชาว Millennials

Email LinkedIn Tweet Facebook ShareShares768

Experience Economy ว่าด้วยเศรษฐกิจโลกในวันนี้ ถูกขับเคลื่อนโดยชาว Millennials ที่มองหาประสบการณ์ที่น่าจดจำ มากกว่าข้าวของเหมือนคนยุคก่อน เลยเกิดการเติบโตของงานกิจกรรมไลฟ์ปาร์ตี้ต่างๆ มากมายขึ้นทุกวัน เพื่อตอบสนองความต้องการที่ไม่เคยพอของชาว Millennials ดังนั้นคำถามสำคัญในวันนี้ คือ ธุรกิจ หรือแบรนด์ของคุณในวันนี้ ยังขายสินค้า หรือบริการอยู่หรือไม่ ? ถ้าใช่ คุณต้องหาสินค้าใหม่ที่เป็น “ประสบการณ์” มาพร้อมขายแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้น คุณจะพลาดรถไฟขบวนนี้ ที่ชาว Millennials ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ต้องการแล้ว

ชาว Millennials หรือ คนรุ่นใหม่ ที่อยู่ในช่วงอายุ 18 – 34 หรือ คนที่เกิดในช่วงปี 1980-1996 กลายเป็นกลุ่มประชากรที่ใหญ่ที่สุด ของสหรัฐอเมริกาในวันนี้ คนกลุ่มนี้ใช้เงินมากจนต้องมอง เพราะเป็นเงินถึง 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แค่ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา คำถามสำคัญคือ เค้าเอาเงินไปใช้กับอะไร ?

จากการวิจัยของ Eventbrite ทั่วประเทศพบว่า คนรุ่นใหม่หรือชาว Millennials นั้นไม่ได้ให้ความสำคัญกับ Experience เท่านั้น แต่ยังใช้ทั้งเวลา และเงินมากขึ้น ให้กับกิจกรรมจำพวก คอนเสิร์ต กิจกรรมเพื่อสังคม และ การเล่นกีฬาที่จริงจังกว่าคน generation ก่อน อะไรก็ตามที่เป็นประสบการณ์ทางสังคมชาว Millennials เหล่านี้ยินดีจ่ายเต็มที่ก็ว่าได้

ชาว Millennials ต่างกับคนยุคก่อนที่ผ่านมา ความสุขของเค้าไม่ได้มาจากการเป็นเจ้าของ หรือครอบครองข้าวของมากขึ้น ไม่ใช่การมีอาชีพการงาน ที่ต้องมั่นคงเท่าคนยุคพ่อแม่ แต่เป็นการหาความสุขให้ชีวิต แบ่งปันให้กับผู้อื่น หรือ ความสุขของคนยุคใหม่คือ ความทรงจำจากประสบการณ์ที่ดี และหลากหลายในชีวิตนั่นเอง

เมื่อคนรุ่นใหม่ หรือชาว Millennials มีจำนวนมากกว่าหนึ่งในสี่ของประชากรสหรัฐอเมริกาทั้งหมด นั่นหมายความว่า “ประสบการณ์” จะกลายเป็นหัวใจสำคัญ ของการกระตุ้นเศรษฐกิจ แทนการบริโภคเพื่อครอบครองเป็นเจ้าของแบบเดิมๆ

เพราะเมื่อพวกเค้ายิ่งโตขึ้น ฐานะทางการเงินก็ดีขึ้น นั่นหมายความว่า อะไรก็ตามที่ขาย “ประสบการณ์” จะยิ่งเป็นที่ต้องการมากขึ้นสำหรับคนกลุ่มนี้

Key Findings & Insights

Millennials เลือกที่จะใช้เงินกับประสบการณ์ มากกว่าสิ่งของ

ชาว Millennials มากกว่า 3 ใน 4 หรือกว่า 78% บอกว่าจะเลือกใช้เงินกับประสบการณ์ มากกว่าการซื้อสิ่งของที่ตัวเองต้องการ และ 55% ก็บอกว่าจะใช้เงินกับ “ประสบการณ์” หรือ การเข้าร่วมอีเวนท์กิจกรรมต่างๆ เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมอีก

Millennials หิวกระหายประสบการณ์มากกว่าเดิม

กว่า 8 ใน 10 หรือ 82% ของกลุ่ม Millennials เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆที่มอบ live experience หรือประสบการณ์ชีวิตในปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นงานปาร์ตี้ คอนเสิร์ต งานเทศกาลต่างๆ งานแสดงศิลปะ หรือการแข่งขันกีฬา มากกว่าคนรุ่นก่อนถึง 70%

แต่พวกเค้าก็บอกว่า “ยังไม่พอ เอามาอีก” เพราะกว่า 72% บอกว่าพวกเค้าจะใช้เงินกับการซื้อประสบการณ์มากขึ้นอีกในปีหน้า พวกเค้าห่างไกลจากความเป็น “วัตถุนิยม” ที่ต้องการครอบครองข้าวของทรัพย์สินเหมือนคนยุคก่อน สิ่งเดียวที่พวกเค้าต้องการคือ “ประสบการณ์ชีวิต”

Experience create identity และความทรงจำจากประสบการณ์ยังไงก็ไม่สูญหายเหมือนสิ่งของ

เกือบ 8 ใน 10 หรือกว่า 77% ของชาว Millennials บอกว่าความทรงจำที่ดีที่สุดในชีวิตส่วนใหญ่ ก็มาจากการที่พวกเขาเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆมากมายในชีวิต โดยเฉพาะประสบการณ์แบบ Live Experience ที่กว่า 69% เชื่อว่าจะเป็นการได้ออกไปค้นพบผู้คนใหม่ๆ ได้เข้าใจสังคมและโลกกว้างมากขึ้น แทนที่จะเลือกจับเจ่าอยู่บ้านเหมือนคนยุคก่อน

79% ของชาว Millennials บอกว่าชอบที่จะออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านไม่ว่าจะกับเพื่อนหรือครอบครัวเพื่อให้รู้จักกันมากขึ้น เข้าใจกันมากขึ้น

FOMO เป็นตัวกระตุ้นสำคัญของ Millennials ให้กระหาย Experience

Millennials เกือบ 7 ใน 10 หรือกว่า 69% ชอบที่จะแชร์หรือไลฟ์ออกไปทาง Social media ให้โลกรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรเจ๋งๆอยู่ หรือแม้แต่การเห็นเพื่อน Live ก็ทำให้ตัวเองอยากออกไป Live ประสบการณ์จากกิจกรรมเจ๋งๆของตัวเองบ้าง

ชาวอเมริกันส่วนใหญ่เลือกที่จะใช้จ่ายให้กับ Experience

ไม่ใช่แค่กลุ่มคนรุ่นใหม่หรือชาว Millennials เท่านั้นที่เลือกใช้เงินกับ Experience มากขึ้น แต่คนทุกเพศทุกวัยก็กำลังเป็นเหมือนกัน เพียงแค่อาจจะไม่ได้หมุกมุ่นหรือเปย์หนักเท่าชาว Millennials

ตั้งแต่ปี 1987 ยอดการใช้จ่ายเงินกับ Experience ของผู้บริโภคก็เพิ่มขึ้นกว่า 70% และผู้คนก็คาดหวังว่าธุรกิจหรือแบรนด์จะเข้ามาตอบความต้องการด้าน Experience ของพวกเค้ามากกว่านี้

สุดท้ายนี้ เศรษฐกิจโลกกำลังโตตาม “ประสบการณ์” ในแบบที่ชาว Millennials ต้องการ ซึ่งคนใน Generation นี้ก็กลายเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ที่สุดของโลกแล้วก็ว่าได้ ตั้งคำถามกับตัวเองดูซิว่า ถ้าสินค้าเรากลายเป็นประสบการณ์ เราจะขายประสบการณ์อะไรให้ Millennials ?