สรุป 5 เทคนิคการสร้าง Brand Awareness บน Instagram ประจำปี 2021 ที่นักการตลาดต้องรู้ นักการตลาดหลายคนคงรู้จักคำว่า Brand Awareness กันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เพราะเป็นเป้าหมายหลักของแทบทุกแบรนด์บนตลาดทั่วโลก
Search Results for: IG Stories
นุ่นได้มีโอกาสเข้าร่วมงาน Thailand Influencer Awards 2020-2021 by Tellscore ที่ผ่านมา และได้เปิดโลกของ Influencer Trends ที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่ากว้างและมีความสำคัญในการพาแบรนด์เติบโตได้มากมายขนาดนี้ นุ่นเลยอยากจะเอาส่วนนึงของอินฟลูเอนเซอร์เทรนด์ มาอัพเดทให้เพื่อนๆ การตลาดวันละตอนได้อ่านกัน
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2020 ที่ผ่านมา Instagram ได้ฉลองวันครบรอบ 10 ปี ตั้งแต่ก่อนตั้งมา จากแอปที่คนติสๆ ใช้ในการลงรูปแนวๆ Vintage หน่อยๆ วันนี้กลายเป็น Mainstream Social Media App ไปเสียแล้ว ซึ่งเมื่อครบรอบ Instagram 10th Anniversary บริษัทเค้าก็ได้จัดฟีเจอร์ลับเป็น Gimmick นิดๆ หน่อยๆ ให้ผู้ใช้งานได้ลองเปลี่ยนและเล่นกันค่ะ ฟีเจอร์แรกที่หลายๆ คนคงรู้กันอยู่แล้วก็คือ การเปลี่ยนสี App
ทุกวันนี้หันไปทางไหนก็มีแต่ Content มากมายเต็มไปหมด เพราะนอกจากแบรนด์จะทำ Content ของตัวเองแล้ว ผู้บริโภคก็ทำ Creator ก็ทำเหมือนกัน จนเกิดเป็นกระแส User Generated Content หรือ UGC ที่แบรนด์อยากลุกขึ้นมา กระตุ้นให้คนพูดถึง บอกต่อแบรนด์กันเยอะๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็หนีไม่พ้นความต้องการของแบรนด์ที่อยากให้คนติด Branded Hashtags เข้าไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นแฮชแท็กชื่อแบรนด์ แฮชแท็กชื่อแคมเปญ แฮชแท็กชื่อสินค้าอีก ทำเอาคนเหนื่อยหน่าย ไม่อยากจะติดแท็กค่ะ
ช่วงก่อน เวลาเราจะทำการตลาด เราก็จะมุ่งเน้นไปที่หน้าร้านเป็นหลัก ถ้าเป็นสื่อออนไลน์ก็ยังคงไม่ใช่ Website แต่เป็นสื่อ Social Media ที่เราตั้งทีมมาอัพเดท Content กันทุกวัน ส่วนเว็บไซต์นั้น ก็ปล่อยทิ้งไม่มีอะไรใหม่เลยมาสัก 3-4 ปีได้แล้ว แต่วันนี้ต้องบอกว่าเทรนด์เปลี่ยนไปแล้วค่ะ นั่นก็เพราะว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคเนี่ย เริ่มหันมาเป็นแบบ Omnichannel อย่างที่เราพยายามตามเทรนด์กันมาตลอด วันนี้คนเริ่มปรับตัวเข้า E-commerce มากกว่าหน้าร้าน สั่งซื้อของบนออนไลน์บ่อยกว่าหน้าร้านด้วยค่ะ ต้องบอกว่าตัวแปรสำคัญของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ก็คือเจ้าโรคระบาด COVID19 เนี่ยแหละ ที่เป็นตัวทำให้การสั่งซื้อของออนไลน์เปลี่ยนไปมาก
ล่าสุด Facebook ก็ได้แชร์ 7 Tips ให้กับเหล่านักการตลาด โฆษณาค่ะ ว่าจะทำอย่างไรให้ Brand Message ที่ใช้บน Multimedia Content ของ Facebook เนี่ยเข้าถึงคนได้แบบปังๆ คนรู้เรื่อง หรือเพิ่ม Engagement ได้ด้วย ซึ่งบอกเลยว่างานนี้ Facebook เค้าได้ทำการบ้านมาพร้อม เพราะเค้ามี Creative Research Team ที่คอย Monitor Performance งานลูกค้าต่างๆ ที่เข้ามา จนรู้แล้วว่า Brand
สาวๆหลายคนคงทราบดีว่า Sephora เป็นธุรกิจค้าปลีกที่รวบรวมเครื่องสำอางค์และสกินแคร์ต่างๆไว้ในที่เดียวซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยมี 1,900 สาขาทั่วโลก ใน 29 ประเทศ ซึ่งกว่า 200 ร้านนั้น ตั้งอยู่ในแถบเอเชียแปซิฟิกในหลายประเทศเช่น ออสเตรเลีย จีน
KFC ที่ประเทศ UAE จัดแคมเปญ KFC Scroll-Thru ที่ให้คนสามารถสั่งไก่หรือเมนูอาหารอื่นๆ บน Social Feed ได้แบบเวลาขับรถเข้า Drive-Thru เด๊ะๆ แต่มื้อนี้แค่เปลี่ยนมาส่งเป็น Delivery ถึงบ้านแทน ไม่ต้องวนรถออกมาให้ยุ่งยากแล้ว แถมยังได้ Engagement และการเข้าถึงที่ดีกว่าแค่ยิง Ads ไปเฉยๆ แล้วนั่งรอแบบไม่มีความหวังว่าเมื่อไรคนจะเข้าแอปมาสั่ง Food Delivery สักทีค่ะ Situation: ไอเดีย Scroll-Thru นี้ เกิดขึ้น หลังที่การตลาดของ KFC ใน UAE เริ่มรู้แล้วว่า Competition Rate ของตลาด Delivery นั่นสูงเพิ่มขึ้นมาก แบรนด์ไม่ได้แข่งกันกับแค่แบรนด์ Fast
เคยสังเกตไหมวะว่า ตัวเราเองเนี่ย Shop ออนไลน์มาก็หลายร้าน แต่เวลาจะซื้อของชิ้นถัดไปบนออนไลน์ทีไร ก็ยังต้องมองหา Review หาคน Comment อะไรต่างๆ นาๆ ถึงจะตัดสินใจซื้อ แถมบางร้านเข้าไป ยังกลับคลิกออก กดกากบาทแล้วไปหาร้านอื่นแทนด้วย ฮั่นแน่… งั้นลองเปลี่ยนหมวกกลับมาเป็นนักการตลาดกันค่ะ แล้วลองคิดดูว่า เว็บ E-commerce ของคุณหรือในการดูแลของคุณนั้น
Social listening tool อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ของนักการตลาดที่อยู่ในแบรนด์ใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่นักการตลาดทุกคนที่จะสามารถเข้าถึงเครื่องมือชนิดนี้ได้ ด้วยข้อจำกัดเรื่องราคาที่เริ่มต้นส่วนใหญ่ในหลักหมื่นบาท และไม่ใช่แค่หมื่นต้นๆ แต่มักจะเริ่มต้นกันที่ 30,000-50,000 บาทครับ แต่เนื่องด้วยวันนี้เริ่มเกิดเครื่องมือ Social listening tool ใหม่ๆ