เมื่อ Data-Driven Starbucks ทำให้ในวันนี้เขาไม่ได้อยู่ในธุรกิจร้านกาแฟอย่างที่หลายคนคิด แต่พวกเขาอยู่ในธุรกิจ Data ในระดับเดียวกับบริษัท Tech Company ไปแล้วครับ เพราะสตาร์บั๊คไม่ได้อยู่ได้ด้วยยอดขายจากเมนูกาแฟหรือเครื่องดื่มร้อนหรือเย็นจากทั่วโลกเท่านั้น แต่พวกเขาใช้ Data ที่ได้จากการซื้อขายเมนูต่างๆ มากกว่า
การตลาดในยุคปัจจุบันนั้นไปไกลมากกว่า แนวคิด 4P หรือ 5P แบบเดิมที่ทุกคนคุ้นชินกัน แต่จะต้องเข้าใจในมุมมองของประสบการณ์ผู้บริโภคให้ครอบคลุมมากขึ้นและลึกซึ้งมากขึ้น ต้องศึกษาลงไปให้ลึกถึงพฤติกรรม ความชอบ ไลฟ์สไตล์และข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มผู้บริโภคเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่จะนำไปต่อยอดในการทำตลาดให้ประสบความสำเร็จได้ เพราะเราอยู่ในยุค Experience-Driven ที่ประสบการณ์เป็นตัวกำหนดนั่นเอง แต่จะทำอย่างไรให้แบรนด์ดัง สินค้าได้รับความสนใจ?
มีคนบอกกันว่า “เวลาเป็นเงินเป็นทอง” ผมก็เพิ่งจะมาเห็นว่าจริงกับแคมเปญ Buy with your time ของ IKEA นี่แหละครับ เพราะนี่คือแคมเปญการตลาดแรกของโลกที่ให้คุณสามารถจ่ายค่าเฟอร์นิเจอร์ในร้านด้วยเวลาที่คุณใช้ไปกับการเดินทางมายัง IKEA ได้ เมื่อปัญหาเดียวของ IKEA
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา คือ ยุคที่ Influencer Marketing หรือการทำการตลาดผ่านผู้ทรงอิทธิพล ด้านความคิดได้รับความนิยมและมาแรงมากที่สุดควบคู่กับการเติบโต อย่างก้าวกระโดดของสื่อออนไลน์และโซเชี่ยลมีเดียมากมาย และในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เราก็คงพอจะได้ยินกันแล้วว่า นี่คือยุคของ Micro Influencer หรือ Nano Influencer หรือคนธรรมดาอย่างเราๆ ที่สามารถ ส่งแรงกระเพื่อมไปสู่สังคมได้ ซึ่งในวันนี้
ในยุคของ Data-Driven ที่ใครๆ ก็พูดกันแต่จะมีสักกี่คนที่สามารถเอามาพลิกแพลงใช้งานได้อย่างน่าทึ่งเหมือนที่ทางกรุงศรีเล่าให้เราฟังในงาน Marketing Oops! Summit 2020 ว่าเขาสามารถลดจำนวนในการโทรออก แต่เพิ่มผลสำเร็จจากการโทรได้ดีขึ้นมากจากการใช้ Data ในแง่มุมที่น่าสนใจมากครับ Condition-Driven Evolution เรื่องทั้งหมดเริ่มจากปัญหาเมื่อกฏหมายบอกว่าห้ามโทรทวงหนี้เกินวันละครั้ง
แคมเปญการตลาดเพื่อความเท่าเทียมทางเพศ Pantene SHE แบรนด์เพื่อผู้หญิงชั้นนำของโลก พบ Social issue หรือปัญหาในสังคมที่ใครหลายคนมองข้าม นั่นก็คือปัญหาการ Bias Algorithm ทางเพศตามมาตรฐานชายเป็นใหญ่มายาวนาน ที่ส่งผลลุกลามไปต่อผลลัพธ์ที่ได้จากการเสริชบน Google ที่ทำให้ไม่ค่อยเห็นผู้หญิงปรากฏในผลลัพธ์ดีๆ
การ Hybrid คืออีกวิธีที่ทำให้แบรนด์ของคุณดูน่าตื่นเต้น และสร้างประสบการณ์ใหม่ๆได้ดี
![[E-Sports Marketing] Skin for Skin เอาสกินในเกมมาแลกสกินแคร์ไปดูแลตัวเอง](https://www.everydaymarketing.co/wp-content/uploads/2020/01/screen_shot_2019-12-02_at_3.08.02_pm_resized-720x540.jpg.webp)
E-Sports Marketing ในวันนี้ไม่ใช่แค่เทรนด์ชั่ววูปหรือกระแสชั่วคราวอีกต่อไป แต่กลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญในการทำการตลาดใหม่ๆ ที่เต็มไปด้วยกลุ่มคนที่พร้อมจะจ่ายแบบจัดเต็ม เมื่อปลายเดือนมกราคาที่ผ่านมาเราได้เห็นแบรนด์ใหญ่อย่าง KFC ยังต้องใช้ RoV เพื่อขยายฐานลูกค้าออกไปให้ไกลกว่าแค่คนชอบกินไก่ หรือคนชอบความสะดวกสบายของร้านฟาสต์ฟู้ดเท่านั้น ด้วยการทำแคมเปญ KFC x RoV
Burger King ทำแคมเปญรับบริจาคของเล่นพลาสติกเก่าที่ไม่ต้องการแล้ว Meltdown เพื่อเอามาหลอมใหม่ให้มีประโยชน์มากขึ้น จากเทรนด์ภาวะพลาสติกล้นโลกที่กังวลกันไปทุกชาติ ทำให้ Burger King เกิดไอเดียว่า ถ้าอย่างนั้นเราเอาพลาสติกพวกนั้นที่ถูกเก็บไว้ให้เก่าโดยไม่ได้ใช้ และก็อาจจะถูกทิ้งกลายเป็นขยะพลาสติกไปเพราะเหตุนั้น มาหลอมใหม่ให้กลายเป็นพลาสติกที่เกิดประโยชน์ขึ้นอีกครั้งครับ เลยเกิดเป็นแคมเปญที่ชื่อว่า Meltdown
แคมเปญการตลาดที่จะเล่าให้ฟังในวันนี้ เป็นเรื่องของการเอา Data มาช่วยกระตุ้นให้เกิด Emotional ตามมา หรือจะเรียกว่า Data-Driven Emotional Marketing ก็ได้ครับ เมื่อแบรนด์เหล้าแบรนด์หนึ่งของสเปนที่ชื่อว่า Ruavieja ได้ทำแคมเปญที่ชื่อว่า Tenemos