เทคโนโลยี IoT นั้นเริ่มเป็นที่คุ้นเคยและใช้อย่างแพร่หลายโดยกลืนไปในชีวิตประจำวันของเราโดยไม่รู้ตัว ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน วันนี้ผมเลยเอาตัวอย่างของการเอาเทคโนโลยี IoT มาประยุกต์ใช้ในสินค้าประเภท Luxury อย่างกระเป๋าใบโปรดของสาวๆ ลองมาดูกันว่าทางแบรนด์นั้นทำให้กระเป๋าที่เลอค่าอยู่แล้วล้ำขึ้นไปอีกได้อย่างไร จากความหรูหราสู่ความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี IoT หรือ Internet of
Category: Case Study
UberEats เป็นหนึ่งในธุรกิจส่งอาหารที่บ้านเราอาจจะไม่คุนเคยนัก แต่บอกเลยว่าในแถบอเมริการนั้นต้องบอกว่าเป็นที่นิยมมากเลยทีเดียว วันนี้ผมเลยยกตัวอย่างการเอาตัวอย่างที่ UberEats เอา Data ของผู้ใช้งานมาใช้ในการวางกลยุทธ์เพื่อเปิดร้านค้าเสมือนจริงกัน ลองมาดูกันครับว่าเขาจะหยิบ Data ส่วนไหนมาใช้งานกันบ้าง สร้างร้านอาหารจาก Data การใช้งานของลูกค้า UberEats
App แปลภาษา จะทำให้เด็กเบบี๋จะไม่กลายเป็นปริศนาอีกต่อไปด้วยแอพแปลภาษาทารก ให้ตายเถอะ จะประสบการณ์คุณพ่อมือใหม่ขอแค่ 50% ก็ยอมจ่ายหลักพันหลักหมื่นแล้ว แอพนี้แค่ร้อยนิดๆแถมยังได้ตั้ง 96% ใครที่เคยผ่านช่วงเวลาเป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่นั้นรู้ดีว่าเสียงร้องของลูกนั้นเป็นอะไรที่ต้องใช้การคาดเดาขั้นสูงสุด ดังนั้นแอพนี้จึงมีการวิจัยพัฒนาร่วมกับผู้เชี่ยวชาญหลายด้านจนออกมาได้คุณภาพดีเยี่ยมขนาดนี้ แน่นอนว่าพัฒนาโดยบริษัทที่ชื่อว่า Biloop Technologic ที่เน้นมาทางด้านแอพนี้โดยตรง
ช่วงขายของ..(ตรงไปตรงมากันแบบนี้แหละ) รู้หรือไม่ว่าสินค้าเด็กแบรนด์ Dnee นั้นมีสินค้าที่ขายดีที่สุดอยู่ถึงสองหมวดหมู่ด้วยกันของสินค้าเด็ก ก็คือน้ำตาซักผ้าเด็กอ่อน และครีมอาบน้ำเด็ก ถ้าไม่เชื่อลองถามคุณแม่ๆไกล้ตัวดูก็ได้ ดังนั้นถ้าถามว่า Dnee ดีมั้ยสิ่งนี้ผมตอบไม่ได้ แต่สิ่งนึงที่ตอบได้ก็คือด้วยยอดขายที่ได้รับความไว้วางใจในกลุ่มแม่รุ่นใหม่ เพราะถ้าไม่ดีจริงก็คงขายไม่ดีหรอก วันนี้ Dnee เลยอยากจะนำเสนออีกหนึ่งอย่างที่ตัวแบรนด์ภูมิใจ
Uber อาจจะมีหนักใจกันบ้าง เพราะ Taxi ที่ลอนดอนกำลังปรับตัวเพื่อสู้กับ Uber ตั้งแต่ Uber ถือกำเนิดขึ้นมาก็ทำเอาแท็กซี่ทั่วโลกร้อนๆหนาวๆกันไปหมด ไม่ต้องมองไปไหนไกลเอาบ้านเราก็เห็นภาพแล้ว ที่เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษเองก็กระทบไม่น้อยจนทำให้อัตราการต่อใบอนุญาติขับแท็กซี่ลดลงอย่างมาก ทางแท็กซี่อังกฤษก็เลยต้องหาทางปรับตัวเพื่อให้อยู่รอด ด้วยการออกแบบ MyTaxi
ในยุคนี้การใช้ Application Marketing อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่นัก แต่หลักใหญ่ใจความมันอยู่ที่ว่าใครจะเอาเทคโนโลยีนี้มาพลิกแพลงใช้ในการวางกลยุทธ์การตลาดได้เจ๋งกว่ากันต่างหาก วันนี้ผมเลยเอา Case Study จากแบรนด์ฟาสต์ฟู้ดที่เราคุ้นเคยอย่าง McDonald กันว่าทางแบรนด์ใช้ Application Marketing มาตอบ Objective
Live stream ของร้านขายชีสเก่าแก่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ อยากจะปรับตัวมาขายชีสบนออนไลน์ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้ตัวเองแตกต่าง และไม่ยุ่งยากกับเจ้าของร้านที่เป็นคนยุค Baby Boomer เข้าใจได้ด้วย ผลก็เลยออกมาเป็นการขายออนไลน์ที่ผสมผสานแบบออฟไลน์อย่างลงตัวแบบนี้ครับ วิธีการก็ง่ายๆครับ ตั้งกล้องไว้แล้วไลฟ์สด จากนั้นลูกค้าที่เข้ามาที่หน้าเวปไซต์ของร้านก็จะเห็นภาพหน้าร้าน ให้ความรู้สึกที่เหมือนว่ากำลังซื้ออยู่ที่ร้านและได้พูดคุยกับคนขายจริง ส่วนคนขายที่เป็น
เทคโนโลยี ลิฟต์สมัยนี้เค้าคุยกันได้แล้วนะ คุณรู้มั้ย? ครับ “ลิฟต์” ที่เรากดขึ้นลงกันเป็นประจำในวันทำงานนั่นแหละครับ ที่ผมกำลังพูดถึงว่าลิฟต์สมัยนี้เค้าคุยกันเองได้แล้วนะครับ เพราะในยุค IoT ที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเชื่อมต่อและเชื่อมโยงถึงกันได้ และลิฟต์เองก็เป็นหนึ่งใน “สิ่ง” หรือ “Thing” ที่กำลังแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันเพื่อบริการคนที่ใช้งานได้สะดวกขึ้น
สำหรับการทำการตลาดยุคนี้เรียกได้ว่าค่อนข้างดุเดือด เลยทีเดียว ถ้าเป็นสินค้าและบริการในชีวิตประจำวันของเราอยู่แล้วก็พอที่จะวางกลยุทธ์ให้คนหันมาสนใจได้ไม่ยาก แต่ถ้าเป็นสินค้าที่ไม่ค่อยมีบทบาทในชีวิตประจำวันเท่าไหร่นักอย่าง “น้ำมันเครื่อง” คุณจะทำการตลาดด้วยวิธีไหน จะทำอย่างไรที่จะให้สินค้านอกกระแสได้อยู่ในกระแส คุณคิดว่าจะเป็นยังไงครับ ถ้าน้ำมันหล่อลื่นจะทำแคมเปญด้วย Mobile App จะออกมาเป็นยังไง? นึกไม่ออกใช่มั้ยครับ ไม่เป็นไรครับผมจะเฉลยให้ฟัง ในช่วงเทศกาลฮาโลวีน
จากผลสำรวจของ Volvo บอกว่าทุกวันนี้เวลาคนจะตัดสินใจซื้อรถซักคัน เขาเข้าไป Test Drive ที่โชว์รูมกันแค่ 1.4 ครั้งเท่านั้น ในเมื่อตัวเลขการ Test Drive เป็นตัวแปรสำคัญในการเพิ่มยอดขาย ทำอย่างไรที่จะให้คนได้มาลอง Test