Influence อินฟรูเอนเซอร์ เจาะลึก Influencer Marketing การตลาด คนดัง ตัวจริง

Influence อินฟรูเอนเซอร์ เจาะลึก Influencer Marketing การตลาด คนดัง ตัวจริง

สรุปหนังสือ Influence อินฟรูเอนเซอร์ พลังการขายให้เหมือนไม่ได้ขาย หนังสือที่จะพาคุณไปรู้จักการตลาดแบบ Influencer Marketing หรือการตลาดคนดังตัวจริง ที่นักการตลาดจะได้เข้าใจจริงๆ ว่าเราควรใช้ Influencer อย่างไรให้ปังมากกว่าแป๊ก

Influencer Marketing โตดีเพราะ Ad Block

สรุปหนังสือ Influence อินฟลูเอนเซอร์ พลังการขายให้เหมือนไม่ได้ขาย เจาะลึกการตลาดคนดัง ตัวจริง Influencer Marketing ต่างจาก Celeb อย่างไร

คำว่า Influencer Marketing เป็นที่คุ้นเคยของนักการตลาดดิจิทัลมากมายในบ้านเรามาพักใหญ่ แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่อาจยังไม่เข้าใจคือเราควรทำการตลาดผ่านคนดังที่เป็น Influencer อย่างไร จึงจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่คุ้ม ROI กลับคืนมา

และที่สำคัญคือทำไมอยู่ดีๆ การตลาดแบบ Influencer Marketing จึงได้รับความนิยมจนได้งบการตลาดมากมายในแต่ละปีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็เพราะคนส่วนใหญ่เริ่มเบื่อและรำคาญโฆษณา บวกกับพฤติกรรมการติดตั้งแอปบล็อคโฆษณา Ad Block มากมาย ส่งผลให้โฆษณาออนไลน์เข้าถึงคนส่วนใหญ่ได้น้อยลงไปทุกที

ตัวเลขการติดตั้งโปรแกรม Ad Block เพิ่มสูงขึ้นทุกปีในแบบที่ไม่เคยลดลง สารภาพตามตรงตัวผมเองยังหนีจาก Browser ปกติอย่าง Chrome มาสู่การใช้ Browser ที่มีการ Block Ad อัตโนมัติแทน และนั่นก็ทำให้โฆษณาออนไลน์ที่เคยประสบความสำเร็จอย่างง่ายๆ ก็ค่อยๆ ลดประสิทธิภาพลงไปทุกที

และจากพฤติกรรมนี้ก็ส่งผลให้การตลาดผ่านคนดังตัวจริงหรือ Influencer Marketing เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั่วโลกตั้งแต่ปี 2018 จนถึงทุกวันนี้ในปี 2022 ครับ

ค่าเฉลี่ยของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ติดตั้งโปรแกรม Ad Blockers นั้นสูงถึง 37.5% ส่วนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตไทยก็ไม่ได้น้อยไปกว่านั้นเท่าไหร่นัก เพราะสูงถึง 29.4% หรือเกือบ 1 ใน 3 ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตแล้ว

Source: https://www.everydaymarketing.co/trend-insight/digital-stat-2021-thailand-we-are-social-q3-q4/

ดังนั้นจากเดิมที่ธุรกิจหรือแบรนด์จะเข้าหาผู้คนกลุ่มเป้าหมาย ต้องอาศัยสื่อหลักเป็นส่วนใหญ่ สื่อหลักที่ว่าก็ตั้งแต่ทีวี วิทยุ YouTube Google หรือพื้นที่ Web Banner ต่างๆ ตามเว็บไซต์ชั้นนำยอดนิยม แต่เมื่อผู้คนปิดกั้นโฆษณาไปเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้การตลาดผ่านคนดังตัวจริง Influencer Marketing จึงดูเป็นทางออกสำหรับนักการตลาดในวันนี้

ดังนั้นวันนี้เราจึงหันมาใช้ Influencers เป็นช่องทางในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการแทน Publishers แบบเดิม เพราะในเมื่อผู้คนติดตามใครสักคนเพราะสนใจใคร่รู้เรื่องราวของเขา สนใจว่าเขาจะทำอะไร เขาจะโพสอะไร หรือเขาจะแชร์อะไร การที่แบรนด์จะฝากตัวเข้าไปกับบรรดา Influencers ก็ดูจะเป็นทางออกที่สมเหตุสมผลที่สุดในวันนี้

แต่นั่นเองก็ทำให้เกิด Influencers จำนวนไม่น้อยที่ใช้การซื้อ Likes Follower หรือปั่นยออดผู้ติดตามมากมายเพื่อที่จะได้เอาตัวเลขดังกล่าวไปขายให้กับแบรนด์อีกครั้ง เพื่อที่จะได้รับงานจากแบรนด์ต่างๆ ที่สนใจแต่ยอดตัวเลขผู้ติดตามมากกว่าคุณภาพของกลุ่มผู้ติดตามตัว Influencer คนนั้นแทน

ส่วนนี้ผมขอตอบในฐานะเป็น Influencer คนหนึ่ง (ผมทำเพจการตลาดวันละตอน ณ วันนี้มีคนติดตาม 173,xxx คน โดยแทบไม่ได้ซื้อแอด(เพราะงกครับ) ก็น่าจะเรียกตัวเองว่า Influencer พอได้) ขอบอกตรงนี้เลยว่า อย่าดูแต่ตัวเลขผู้ติดตาม แต่ให้ดูว่า Influencer ที่คุณจะเลือกนั้นคาแรคเตอร์หรือสไตล์เขาตรงกับแบรนด์ของคุณ หรือวัตถุประสงค์ของคุณไหม จากนั้นก็ดูด้วยว่ากลุ่มผู้ติดตาม Followers ของเขาใช่กลุ่มคนที่คุณอยากได้หรือไม่

ดูว่าเขามีการพูดคุยกับผู้ติดตามเป็นอย่างไร ทิศทางการพูดคุยไปทางไหน มีการ Engagement จริงๆ ระหว่างคนกับคนหรือไม่ อย่าเอาแค่ตัวเลข Likes แต่ให้โฟกัสกับ Comments และ Shares เป็นหลักครับ

เพราะ Influencer ที่มีผู้ติดตามหรือจำนวน Followers มากๆ อาจไม่สามารถ Influence เหล่าผู้ติดตามเขาได้เลย ซึ่งนั่นจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มของ Celebritiy หรือ เซเลป มากกว่า เทียบได้กับดาราดังๆ ที่มีผู้ติดตามมากมาย แต่ผู้ติดตามรู้สึกว่าไม่สามารถเข้าถึงได้ ไลฟ์สไตล์ในแต่ละโพสเขาดูไกลตัวเราเกินไป ได้แต่ชื่นชม แต่ไม่สามารถจับต้องได้จริงๆ

ส่วน Influencer นั้นอาจจะมีจำนวน Follower น้อยกว่า แต่ด้วยความที่เขาเริ่มต้นจากการเป็นคนธรรมดา แต่ด้วยความที่เขามีความสนใจหรือเป็นตัวจริงในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ส่งผลให้เมื่อเขาพูดคนฟัง เมื่อเขาแนะนำคนเชื่อ แต่ด้วยความที่เป็นตัวจริงเฉพาะด้าน ก็ไม่สามารถนำมาใช้งานแบบครอบจักรวาลได้

ตัวอย่างเช่น ผมทำเพจการตลาดวันละตอน หลายคนยกให้ผมเป็น Influencer ด้าน Marketing ตอนที่ผมแนะนำหนังสือด้านการตลาดอย่าง Marketing 5.0 ปรากฏว่ายอดขายสำนักพิมพ์มาถล่มทลาย มีคนคลิ๊กลิงก์เข้าไปซื้อหลายพันครั้ง แต่ในขณะเดียวกันถ้าให้ผมไปแนะนำที่เที่ยว ห้องพัก ร้านอาหาร ก็ดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่ ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะแตกต่างกัน ยกเว้นใน Facebook ส่วนตัวที่ผมมีการแชร์ไลฟ์สไตล์มากกว่าในเพจ เวลาจะแนะนำอะไรก็จะแนะนำจากผู้ใช้จริง เช่น การใช้ Solar Cell เพื่อลดค่าไฟ การใช้บริการเช่ารถ EV จากแอปหนึ่งว่าดีกว่าการซื้อรถอย่างไร ผลปรากฏว่าก็มีเพื่อนๆ ตามไปซื้อหรือใช้บริการจำนวนไม่น้อย

นี่แหละครับความต่างระหว่าง Influencer กับ Celebrity แม้คนติดตามจะน้อยกว่า แต่ด้วยความที่เป็นตัวจริงในแต่ละด้านที่มากกว่า คำพูด คำแนะนำ ก็ดูน่าเชื่อถือและก่อให้เกิด Action ได้ดีกว่าครับ

แต่แน่นอนว่าถ้า Celeb คนนั้นโพสอะไรสักอย่างที่คนดูรู้สึกว่าจริง ดูแล้วรู้สึกเชื่อ บวกกับผู้ติดตามเขามีกำลังมากพอก็สามารถกระตุ้นให้เกิดยอดขายถล่มทลายได้ เช่น เวลารีวิวร้านอาหาร หรือรีวิวที่พัก มักจะได้รับการตอบรับอย่างดีจากเหล่าผู้ติดตาม เพราะเมื่อเห็นแล้วเราเชื่อว่าเราไปจริง ใช้จริง กินจริง และก็สามารถทำตามได้ ซื้อตามได้ จ่ายได้ ก็ทำให้หลายร้านอาหารลูกค้าทะลัก หรือหลายโรงแรมที่ถูก Celeb รีวิวหรือโพสถึงนั้นมียอดจองเต็มยาวข้ามปีได้สบายๆ (จากที่ก่อนหน้าว่างกระจาย)

ดังนั้นจำไว้ให้ขึ้นใจว่า จำนวน Followers ไม่สัมพันธ์กับพลังของความ Influence ถ้าจะเลือกใช้ใครสักคน ให้เลือกว่าเราอยากได้ผู้ติดตามเขา โดยใช้เขาเป็นกระบอกเสียงให้แทนเรา อย่าพยายามให้เขาพูดแบบเรา แต่ปล่อยให้เขาพูดถึงเราในแบบของเขาไปครับ

Influencer คืออะไร? คนแบบไหนถึงเป็น Influencer

Influencer คือคนที่ใช้ชีวิตแล้วมีคนตาม หรือขายการใช้ชีวิตของตัวเอง ทำอะไรสักอย่างแล้วอยากแชร์ แชร์แล้วบังเอิญสนใจมีคนอยากตามดู การเป็น Influencer ง่ายๆ แบบนั้นเลย

แต่ในขณะเดียวกันเมื่อมีคนตามเยอะขึ้นก็อาจจะส่งผลให้ Influencer เลือกใช้ชีวิตในแบบที่คนตามอยากดู จนอาจจะสูญเสียความเป็นตัวเองในตอนต้น ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ Influenecer ต้องระวังและอย่าหลงไปกับความดังจนลืมตัวตนไป

ส่วนหนึ่งเพราะ Feed Algorithm ของ Social media platform ต่างๆ นั้นเปลี่ยนไป จากเดิมเคยแสดงโพสตามลำดับเวลา แต่เมื่อเรามีเพื่อนเยอะขึ้นเรื่อยๆ ติดตามเพจต่างๆ มากขึ้นทุกทีแบบไม่เคยลบเพจเก่า ผลคือการแสดงผลตามลำดับเวลาการโพสแบบเดิมไม่ตอบโจทย์ของฟีดที่มีมากมาย บรรดาโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่างๆ จึงหันมาแสดงผลของโพสแบบลำดับตามความสัมพันธ์แทน

ถ้า Facebook รู้ว่าเราสนิทกับคนนี้ ไป Engage กันบนโซเชียลบ่อยๆ ก็จะเลือกให้เราเห็นโพสจากเพื่อนคนนี้มากกว่าเพื่อนคนอื่น กับเพจก็เช่นกัน ถ้าเราไป Engage กับเพจไหนบ่อยๆ เราก็จะมีโอกาสเห็นโพสจากเพจนั้นมากขึ้น และมากกว่าเพจอื่นหรือ Influencer คนอื่นครับ

แล้วด้วยความสัมพันธ์นี้เองยิ่งส่งผลให้คนเลือกจะติดตามและใช้เวลาไปกับ Influencer มากกว่า Celebrity ที่แม้จะตามเหมือนกันแต่ปฏิกิริยาการมีส่วนร่วมจะไม่เท่ากัน เพราะคนจะรู้สึกว่า Influencer เป็นอะไรที่ Real กว่า จริงกว่า จับต้องได้มากกว่า ผิดกับเซเลปคนดังที่เราได้แต่แหงนหน้ามองแล้วบอกว่าชีวิตเขาดีจริง เราจะมีบุญได้เป็นแบบเขาสักครั้งในชีวิตบ้างไหมนะ

InflueBuyer = Influencer + Buyer ค้นหาลูกค้าตัวจริงที่เป็นคนดัง แล้วชวนเขามาดันแบรนด์ให้เรา

ดังนั้นการตลาดแบบ Influencer Marketing จึงเป็นการตลาดที่เน้นความจริง คนจริง หรือตัวจริง ถ้าจะเลือกจ้างใครสักคนให้เลือกจากการดูแนวโน้มว่าเขาจะเป็นลูกค้าคุณจริงๆ มันเป็นคนละแนวคิดกับการจ้างดาราเป็นพรีเซนเตอร์

เช่น เวลาเราเห็นเบลล่าโฆษณากาแฟกระป๋องสักแบรนด์ เราคงไม่คิดว่าตื่นเช้ามาเขาจะกินกาแฟกระป๋องหรือกาแฟซองเหล่านั้นหรอกใช่ไหมครับ มันไม่ใช่เรื่องจริงในชีวิตเขา แต่เราถ้าไปจ้างคนจริงๆ ที่เป็นผู้รับเหมา วิศวกรก่อสร้าง หรือใครก็ตามที่ดูแล้วว่าเขาน่าจะกินของเราจริงๆ ได้ แบบนี้จะทำให้คนเชื่อและอยากลองเลียนแบบทำตาม นี่คือจุดต่างระหว่าง Influencer Marketing กับ Presenter Marketing ครับ

ดังนั้นคำแนะนำเพิ่มเติมจากผมจากประสบการณ์จริงคือ จงพยายามค้นหาว่าในบรรดาลูกค้าทั้งหมดของคุณ มีใครบ้างที่แอบเป็น Infleuncer อยู่โดยที่คุณไม่รู้ตัว ผมจึงคิดคำใหม่ขึ้นมาได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ว่า Influebuyer มาจากคำว่า Influencer + Buyer นั่นก็คือลูกค้าตัวจริงของเราที่ดูมีแนวโน้มจะเป็น Influencer ได้ จะปล่อยโอกาสนี้ไปทำไม ก็ชวนเขามาเป็น Influencer ให้แบรนด์เราด้วยซิ

การตลาดแบบนี้จะมีแต่วินกับวิน เพราะลูกค้าเดิมทีที่เคยถูกมองข้ามก็จะรู้สึกประทับใจมากเมื่อแบรนด์มองเห็นคุณค่าในตัวเขา แล้วยิ่งเขาเป็นลูกค้าตัวจริงผู้ใช้จริงของเราด้วย ก็ยิ่งทำให้คำแนะนำจากเขาน่าเชื่อถือยิ่งกว่าการจ้างใครที่ดังแต่ไม่ได้อินกับสินค้าหรือบริการของเราแต่อย่างไร

และข้อสำคัญที่นักการตลาดต้องจำไว้เวลาคิดจะทำ Influencer Marketing คือเรากำลังไปเช่าพื้นที่เขาเพื่อคุยกับคนของเขา ไม่เหมือนกับการซื้อบิลบอร์ดโฆษณาแต่อย่างไร อย่าใช้ Traditional Marketing Mindset ในการทำ Digital Marketing แบบทุกวันนี้

หนังสือเล่มนี้ยังให้แง่คิดที่ดีและน่าสนใจว่า บรรดา Celeb เองอาจไม่เหมาะกับการดันแบรนด์คนอื่นเท่าไหร่ แต่ดูจะเหมาะกับการสร้างแบรนด์ของตัวเองแล้วขายมากกว่า ทำให้เห็นภาพว่าทำไมดาราคนดังในบ้านเราออกสินค้ามากมายเต็มตลาด ส่วนหนึ่งเพราะเขามีฐานความดังของตัวเองอยู่แล้ว ทำให้ต้นทุนทางการตลาดเขาต่ำมาก เขาสามารถโพสถึงหรือพูดเชียร์สินค้าตัวเองได้ตลอดเวลา ในแบบที่แบรนด์ใดก็จ้างให้โพสทุกวันไม่ไหว

แต่ความน่าสนใจเมื่อ Influencer คนไหนเริ่มดังก็จะเริ่มมองหาสื่อกระแสหลัก เพื่อย้อนกลับไปสร้างความน่าเชื่อถือมากขึ้น และก็เพื่อสร้างฐานรายได้ที่มั่นคงมากกว่างานที่อาจจะมาแค่ชั่วครั้งชั่วคราว

เริ่มต้นเป็น Influencer อย่างไร?

นี่เป็นคำถามสุดคลาสสิกที่ผมเองก็โดนถามประจำ อยากเป็น Influencer ทำอย่างไร อยากทำเพจเริ่มอย่างไร คำตอบนั้นเรียบง่ายเหมือนในหนังสือ Influence เล่มนี้ นั่นก็คือแค่เริ่มลงมือทำ อย่าคิดเยอะ ทำก่อน ทำแล้วคอยดูผลลัพธ์ว่าควรทำอะไรต่อ เพราะถ้ามัวแต่คิดก็จะไม่ได้ทำ ทำไป ปรับปรุงไป เดี๋ยวดีเอง ง่ายๆ แค่นี้ครับ เพจการตลาดวันละตอนผมก็เริ่มจากแบบนี้แหละ

ดังนั้นจากตอนที่หนึ่ง มาถึงตอนที่พัน เมื่อเอาคอนเทนต์มาเทียบกันจะรู้ว่าคนละเรื่องเลย เพราะโตขึ้นมาก ดีขึ้นเยอะ แต่ก็ยังมีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะพอมาถึงคอนเทนต์ที่สองพัน

อย่าเชิญแต่ Influencer จนลืม Customer ตัวจริง

หนังสือเล่มนี้ยกตัวอย่างของแบรนด์ดัง Dior ในปี 2019 ตอนเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ ปรากฏว่าทีมการตลาดเชิญแต่บรรดา Influencer คนดังมากมาย แต่กลับลืมให้ความสนใจคนสำคัญอย่างบรรดากูตูร์ลูกค้าตัวจริงที่สนับสนุนแบรนด์มาโดยตลอด

ผลคืองานนั้นแบรนด์โดยบรรดาลูกค้าตัวจริงที่เป็นกูตูร์ออกมาเรียกร้องหาคำขอโทษ การใช้ Influencer ไม่ผิด แต่อย่าลืมดูแลลูกค้าตัวจริงของแบรนด์ให้ดี ให้เขารู้สึกว่าการใช้เงินกับคุณมันช่างคุ้มค่ากว่าเอาไปให้แบรนด์อื่นจริงๆ ครับ

หรือจะกลับมาหา InflueBuyer คนดังในกลุ่มลูกค้าตัวจริงเราก็ได้

Influencer Marketing Strategy ที่ดีต้องเน้น Niche ไม่เน้น Mass

เพราะถ้าคุณจะเน้น Mass เข้าถึงคนจำนวนมาก การตลาดแบบ Influencer อาจไม่ใช่คำตอบที่ดี คุณควรใช้ Celeb มากกว่า ดังนั้นจำให้ขึ้นใจว่าถ้าคุณมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะเอาคนกลุ่มนี้ แบบนี้ ไลฟ์สไตล์เฉพาะทางแบบนี้เท่านั้น คุณควรทำ Influencer Marketing แต่ก็อย่าลืมเลือกคนที่ใช่จริงๆ เลือกคนที่มีผู้ติดตามแบบที่คุณอยากได้ แล้วจะคุ้มกับ ROI ที่ลงทุนไปครับ

Influencer Gen Z เลือกแบรนด์ที่ดีมากกว่าเงิน

ท่ามกลางความวุ่นวานบนโลก ในสังคม ส่งผลให้ Influencer Gen Z จะไม่สนับสนุนหรือรับงานจากแบรนด์ที่ทำตัวไม่ดี หรือธุรกิจที่ทำตัวแย่ๆ มีข่าวฉาวบ่อย เอาเปรียบสังคมเป็นประจำ ดังนั้นไม่ใช่ว่าคุณมีเงินแล้วคุณจะได้งานจากพวกเขา แต่คุณต้องเป็นแบรนด์ที่ดีในความคิดของเขาด้วย

Influencer ตัวจริงเน้น Community มากกว่า Commercial

Influencer สมัยใหม่ทุกวันนี้ไม่ได้เน้นการเฝ้ารอเงินจากแบรนด์มาสนับสนุนเหมือน Influencer สมัยก่อน เพราะแพลตฟอร์มอย่าง YouTube เปิดโอกาสให้ Content Creator หาเงินได้โดยไม่ต้องง้อแบรนด์ แค่ทำคอนเทนต์ดีๆ ที่ผู้ติดตามอยากดูนานๆ เพียงเท่านี้ก็จะได้ส่วนแบ่งค่าโฆษณาจาก YouTube อยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้ YouTuber หลายคนทำเงินได้มากมายจากวิธีการนี้ เรียกได้ว่ารวยโดยไม่ต้องง้อแบรนด์ เพราะตราบใดที่ Community สนับสนุนเขาอยู่ตลอด เขาก็สามารถคอนเทนต์ให้คนที่ชอบได้เสมอ

ทาง Facebook เองก็เริ่มปรับให้มีรูปแบบการ Subscribe ให้ Follower เลือกจ่ายเงินสนับสนุนรายเดือนได้ว่าอยากให้ใครบ้าง ส่วนทาง Creator เองก็สามารถกำหนดได้ว่าจะเก็บค่าสมาชิกเท่าไหร่ ส่วนตัวการตลาดวันละตอนเองเปิดไว้เดือนละแค่ 169 บาท ทุกวันนี้ก็มีผู้ติดตามมา Subscribe แล้วหลายสิบคน ทั้งที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษให้กว่าคนที่อ่านฟรีเลย แต่ผมต้องขอบคุณจริงๆ นะ เพราะแม้ตัวเงินจะไม่ได้มากอะไร แต่มันก็ทำให้ผมหัวใจพองฟูได้ทุกครั้งที่เห็นการสนับสนุนจากเค้า

สรุปหนังสือ Influence เจาะลึก Influencer Marketing การตลาด คนดัง ตัวจริง

หนังสือเล่มนี้ทำให้ผมได้เห็นที่มาที่ไปของ Influencer ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นในปี 2015 ว่ามีวิวัฒนาการอย่างไรจนถึงทุกวันนี้ แน้วโน้มของ Influencer ที่เปลี่ยนไปจากรอแบรนด์สนับสนุนมาสู่การสร้างฐาน Community ของตัวเอง ซึ่งทั้งหมดล้วนเริ่มต้นจากคนธรรมดาที่อยากแชร์หรือแบ่งปันอะไรสักอย่าง จนได้รับการยอมรับจากคนจำนวนมากว่าเขาคนนี้คือตัวจริงในด้านนี้ และที่สำคัญความต่างระหว่าง Influencer กับ Celeb คือการรู้สึกว่าเขาเป็นตัวจริง คนจริง ที่สามารถเข้าถึงได้จริงมากกว่าดาราคนดัง

นักการตลาดคนไหนที่ใช้งบกับการทำ Influencer Marketing เป็นจำนวนไม่น้อยในแต่ละปี ผมแนะนำหนังสือเล่มนี้ แล้วคุณจะเข้าใจอย่างแท้จริงว่าควรทำการตลาดคนดัง ตัวจริง กับ Influencer อย่างไรครับ

อ่านแล้วเล่า เล่มที่ 3 ของปี 2022

สรุปหนังสือ Influence อินฟลูเอนเซอร์ พลังการขายให้เหมือนไม่ได้ขาย เจาะลึกการตลาดคนดัง ตัวจริง Influencer Marketing ต่างจาก Celeb อย่างไร

สรุปหนังสือ Influence อินฟลูเอนเซอร์ พลังการขายให้เหมือนไม่ได้ขาย
How social media influencers are shaping our digital future
หนังสือที่คุณต้องอ่าน ไม่ว่าคุณจะขายของ ขายแบรนด์ หรือกระทั่งขายตัวคุณให้โลกจำ เมื่ออินฟลูเอนเซอร์คืออิทธิพลใหม่ที่โลกการขายไม่อาจปฏิเสธ
Sara McCorquodale เขียน
ไอริสา ชั้นศิริ แปล
สำนักพิมพ์ Amarin Howto

สั่งซื้อหนังสือเล่มนี้ > https://click.accesstrade.in.th/go/oAf7U00m

Nattapon Muangtum

เจ้าของเพจการตลาดวันละตอน / อาจารย์พิเศษวิชา Data-Driven Communication / เขียนหนังสือมาแล้ว 5 เล่ม Personalized Marketing, Data-Driven Marketing, Data Thinking, Contextual Marketing และ Social Listening / ที่ปรึกษา Data-Driven Advisor

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ใช้ Social Listening บ้างไม่ ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถาม ว่าปกติใช้ Social Listening บ้างหรือไม่ แล้วถ้าใช้ ใช้ตัวไหนอยู่