Nike ทำ Print Ad ที่ให้คนที่สนใจ สามารถลองรองเท้ารุ่นไหนก็ได้ของ Nike จากที่ไหนก็ได้ แค่มีโทรศัพท์มือถือและต่อเน็ตได้ ขั้นตอนก็ง่ายๆ ไม่ต้องโหลดแอพให้ยุ่งยาก แค่มีโฆษณาหน้านั้นของ Nike แล้วเข้าไปที่เวป https://nike.trafego.biz
Category: Visual Ad
Huggies แบรนด์ผ้าอ้อมสำเร็จรูประดับโลกเปลี่ยนมุมขายใหม่เป็นชุดกีฬาสำหรับเบบี๋ทางเอเจนซี่ผู้ดูแลก็เลยทำเป็น 4 ตอนออนไลน์ เปิดให้คนทางบ้านได้ร่วมเชียร์ ร่วมลุ้นไปพร้อมๆกัน กับความน่ารัก สดใสของเด็กๆ และยังมีนักพากษ์กีฬาแบบสดๆมาทำให้บรรยากาศยิ่งสนุกขึ้นด้วย… ไอเดียทั้งหมดนี้ไม่ได้มาจากการมโนไปเองของลูกค้าและเอเจนซี่ และมาจากผลการวิจัยว่าในแต่ละวันเด็กเบบี๋ที่คลานได้นั้น จะคลานเป็นระยะทางถึง 3 กิโลเมตรในแต่ละวัน ทางแบรนด์และเอเจนซี่ก็เลยเอาจุดนี้มาทำให้สินค้าตัวเองแตกต่างมากกว่าและสนุกมากขึ้น
เมื่อ Prospan ยาแก้ไอในออสเตเลียมีงบโฆษณาจำกัด ก็ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มากขึ้นว่าจะทำอย่างไรให้คนคลิ๊กเข้ามาซื้อยาแก้ไอมากขึ้น และผลก็คือมีคนคลิ๊กมากขึ้นกว่า 54% จ่ายค่าคลิ๊กน้อยลง 67% และที่สำคัญคือยอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 27% ยาแก้ไอชื่อ Prospan ในประเทศออสเตรเลียมีปัญหาว่าตัวเองมีงบมีเดียไม่เท่ากับแบรนด์คู่แข่งอื่นๆที่สามารถถล่มแอดหาผู้บริโภคได้ เลยต้องหาทางคิดนอกกรอบแต่ยังตอบโจทย์ว่า ทำอย่างไรถึงจะส่งโฆษณาไปหาเฉพาะคนที่น่าจะเป็นลูกค้าเราได้
IKEA PEE Ad โฆษณาเตียงที่ลดให้ถ้าคุณท้อง แล้วจะรู้ได้ไงว่าท้องล่ะ? ก็เป็น print ad ที่สามารถให้คุณตรวจครรภ์ได้เลยทันที ลองดูจากภาพหรือจากคลิปเลยก็ได้ เพราะถ้าตรวจดูว่าท้องก็รับส่วนลดที่จะปรากฏขึ้นในโฆษณาหน้านั้นเลย ทั้งหมดนี้ถ้าวิเคราะห์ดูก็จะพบว่าด้วยไอเดียนี้มันสามารถโฆษณาได้ด้วยตัวมันเอง กลายเป็นข่าวในตัวมันเองได้ ไม่ต้องพึ่งงบโฆษณาที่มากเท่ากับคนอื่น และที่สำคัญการจับกลุ่มคนที่เพิ่งท้องได้ถือว่าสำคัญมาก
ปัจจุบันผู้บริโภคนั้นให้ความสนใจในตัวโฆษณาน้อยลงมาก บางคนอาจรำคาญจนถึงขั้นเลือกที่จะข้ามหรือหลีกเลี่ยงการชมไปเสียอย่างนั้น ทำให้แบรนด์ต่างๆ จำเป็นต้องหากลยุทธ์ในการทำการตลาดเหมาะจะใช้กับการสร้างโฆษณา เพื่อให้คนกลับมาสนใจในสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น ซึ่ง Contextual Marketing ก็เป็นอีกหนึ่งในกลยุทธ์ที่น่าสนใจไม่น้อย วันนี้ #การตลาดวันละตอน เลยยกตัวอย่างเคสที่ใช้กลยุทธ์นี้ในการทำโฆษณาให้น่าสนใจมาฝากกันครับ จับกลยุทธ์ Contextual Marketing
ลองคิดดูเล่นๆ ว่าพิพิธภัณฑ์ หรือแกลอรีถูกปิดแบบถาวรแล้วเราจะไปเสพงานศิลปะกันที่ไหน ศิลปินจะให้พื้นที่ไหนในการแสดงออกทางความคิด เรื่องนี้ฟังดูอาจจะไม่ใช่ปัญหายิ่งใหญ่ระดับชาติ แต่ก็เป็นปัญหาสำคัญในแง่ของการปลอบประโลมจิตใจของคนในเมืองได้ ถ้าเกิดแบบนี้ดับบ้านเมืองเราจริงๆ คิดว่าเราจะมีวิธีแก้ไขกันอย่างไร? ใช้สื่อ Out of Home ให้เกิดประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ ซึ่งเหตุการณ์นี้นั้นเคยเกิดขึ้นจริงแล้วที่เมืองเบลเกรด ประเทศเซอร์เบีย