TASTY จับมือ Wallmart กับโอกาสขายที่มากยิ่งขึ้น

Problem – ทำอย่างไรให้ content สามารถขายได้มากขึ้นกว่าเดิม

คงไม่มีใครไม่รู้จัก Tasty เพจที่ทำวีดีโอสอนทำอาหารแบบเร็วๆง่ายๆ ที่ตอนนี้มีแฟนเพจมากกว่า 92ล้านคนแล้ว Tasty เปลี่ยนวิธีการทำวีดีโอสอนทำอาหารที่เคยยุ่งยากน่าเบื่อ ให้กลายเป็นวีดีโอสั้นๆเข้าใจง่ายๆ ดูแล้วน่าจะทำตามได้ไม่ยากจนถูกใจทั้งฝรั่งและคนไทยมาแล้ว (สารภาพตรงๆในงานเกี่ยวกับเครื่องครัวและการทำอาหารครั้งนึงผมก็เคยใช้วิธีของ tasty นี่แหละที่เป็นต้นแบบมาแล้ว)

จากเดิมการทำ content อาจจะทำได้แค่ tie-in สินค้าของลูกค้าเข้าไป หรือขายแอดโฆษณาอื่นๆแทรกเข้ามา แต่วันนี้รูปแบบการตลาดเปลี่ยนไปเพราะผู้บริโภค เลยเกิดวิธีขายใหม่ๆขึ้นมา

Walmart ยักษ์ใหญ่ที่ไม่มีใครไม่รู้จัก ขายตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบจริงๆในต่างประเทศ และยังมี jet.com ที่เป็นเวปขายข้าวของเครื่องใช้ออนไลน์อยู่ในมือก็ต้องการจะขยายโอกาสในการขายเพิ่มขึ้นในยุคที่ใครๆก็ซื้อออนไลน์มากขึ้นทุกวันๆ

Solution – Tasty และ Walmart เลยร่วมมือกันคนนึงช่วยทำอีกคนนึงช่วยขาย Tasty ยังคงทำ content สอนทำอาหารในแบบที่ตัวเองถนัดและแฟนๆชื่นชอบเหมือนเดิม ผ่านแอพๆเดิมของ Tasty แต่สิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือ ของทุกอย่างในวีดีโอที่กำลังดูอยู่ สามารถกดซื้อได้เลยไม่ต้องจำชื่อออกไปเสริชให้วุ่นวาย ผ่านการเชื่อมโยงของสองแอพระหว่าง Tasty และ Jet.com ที่เป็นแอพขายสินค้าออนไลน์จาก Walmart

เมื่อการดูสนุกทำให้น่าซื้อ และการซื้อก็ง่ายขนาดนี้ ยอดขายของ Jet.com จาก Walmart ก็ต้องเพิ่มขึ้นตามแน่ๆ และก็เดาได้เลยว่าเบื้องหลังโมเดลธุรกิจนี้ทาง Tasty ก็ต้องได้ส่วนแบ่งจากยอดขายที่มาจาก Tasty ด้วยเช่นกัน

สมัยก่อนเวลาสินค้าหรือบริการเอาเข้าไปโฆษณาผ่านทางผู้ผลิตคอนเทนต์ต่างๆนั้น ยากจะวัดผลได้ว่ายอดขายที่เกิดขึ้นนั้นมาจากคอนเทนต์ชิ้นนั้นจริงๆมากน้อยแค่ไหน แต่ในวันนี้ วันที่ทุกอย่างเป็นดิจิทัล 4.0 ไปหมดแล้ว Jet.com และ Tasty สามารถรู้ได้เลยว่าคลิปไหนที่คนคลิ๊กตามเข้าไปซื้อมากที่สุด

ถึงเวลาแล้วที่เราต้องคิดให้หลุดออกจากกรอบเดิมๆมากขึ้น ในยุคที่อะไรๆก็ 4.0 แล้ว อย่ามัวคิดแบบ 0.4 หรือ 3.0 อยู่เลยครับ

ลองดูคลิปการร่วมมือกันระหว่าง Tasty และ Walmart ได้ที่นี่เลยครับ
https://www.youtube.com/watch?v=bQYKVBXcBlk