Instagram Ads Update ตรงจาก Facebook Thailand

เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา การตลาดวันละตอนได้รับเชิญจากทาง Facebook Thailand ให้ร่วมงาน How Ads Work ของสองแพลตฟอร์มสำคัญอย่าง Facebook และ Instagram ก่อนหน้านี้ผมได้อัพเดทเนื้อหาในส่วนเบื้องหลังการทำของงาน Facebook Ads ว่ามันทำงานอย่างไร และมันดักฟังเราจริงมั้ย ในวันนี้ผมจะมาอัพเดทเรื่อง Instagram Ads ว่ามีอะไรใหม่ มีอะไรน่าสนใจ เพื่อที่นักการตลาดและคนโฆษณาจะได้รู้ว่าเล่นอะไรบน Instagram ได้บ้างครับ

Instagram Stories เรื่องราวความยาวสั้นๆแต่กลับโตขึ้นทุกวัน

Facebook Thailand ออกมายืนยันว่าจำนวนผู้ใช้ Instagram โตขึ้นทุกวันๆ ดังนั้นนี้เป็นโอกาสดีที่จะเอางบโฆษณาไปใช้กับสิ่งที่คนรุ่นใหม่ชื่นชอบกันบ้างให้มากขึ้น จากตัวเลขจะเห็นว่าจำนวนผู้ใช้งาน IG Stories จากที่มีแค่ 100 ล้านในเดือนตุลาคมปี 2016 ผ่านมาต้นปี 2019 มีผู้ใช้เพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า ไปอยู่ที่ 500 ล้านแล้วในวันนี้

และทาง Facebook ประเทศไทยยังบอกอีกว่า ผู้ใช้งานกว่า 80% นั้นติดตามแบรนด์ที่ตัวเองชื่นชอบบน Instagram โดยมีคนมากถึง 370 ล้านคนที่แวะเข้าไปเยี่ยมชม Instagram ของแบรนด์ทุกวันทีเดียวครับ

และด้วยความฮอตฮิตของ Stories บน Instagram ย่อมทำให้เกิดโฆษณารูปแบบใหม่ๆขึ้นมาเพื่อเรียกเงินจากนักการตลาดที่อยากจะเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่จริงๆในวันนี้มากขึ้น กับโฆษณารูปแบบใหม่ที่มีชื่อว่า Interactivity in Instagram

INTERACTIVITY IN INSTAGRAM STORIES ADS

โฆษณารูปแบบใหม่ล่าสุดจาก Instagram นี้จะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มจะ engage กับแบรนด์มากกว่าปกติ และ Facebook Thailand ยังเคลมอีกว่าจะทำให้คนดูโฆษณาประเภทนี้นานขึ้น ทำให้ Cost-per-video-view ถูกลงกว่า 20%

แต่ที่ผมเห็นว่าน่าสนใจคือ การให้คนดูสามารถ Interactive กับ Ads ได้นี่แหละครับ จากตัวอย่างโฆษณาโดนัทในภาพจะเห็นว่า เป็นการตั้งคำถามให้คนดูตอบว่าอยากได้โดนัทแบบไหน ซึ่งทางนักการตลาดสามารถเก็บรวบรวมคำตอบไว้ประหนึ่งเป็นการ survey ทางการตลาดย่อมๆก็ว่าได้ครับ

และโฆษณาบน Instagram รูปแบบใหม่อีกอันที่น่าสนใจคือ Dynamic Ads in Instagram Stories

DYNAMIC ADS IN INSTAGRAM STORIES

ซึ่งเป็นโฆษณาประเภทที่จะแทรกเข้ามาในส่วนของ IG Stories เช่นเดียวกัน แต่ที่ผมคิดว่าแอดตัวนี้น่าสนใจคือ background หรือพื้นหลังของหน้าจอ Stories จะเปลี่ยนสีไปตามสีหลักบนรูปภาพบนโฆษณาโดยอัตโนมัติ จะเห็นว่ารองเท้ากับพื้นหลังในรูปแอดนี้เป็นสีออกโทนเขียว ดังนั้นพื้นหลังส่วนอื่นของหน้าจอก็จะปรับเป็นเขียวโดยอัตโนมัติ

และถ้ารูปที่เราใช้ลงโฆษณาออกโทนสีม่วง แน่นอนว่าพื้นหลังของหน้าจอก็จะปรับเป็นสีม่วงอัตโนมัติ เป็นการทำให้โฆษณานั้นดูดีขึ้นโดยไม่ต้องตั้งค่าอะไรให้ยุ่งยาก หลังจากนี้ต้องลองดูกันว่าผลลัพธ์จากโฆษณาใหม่ประเภทนี้จะเป็นอย่างไรครับ

และจากการที่ผมคุยกับเพื่อนในเอเจนซี่พบว่า พวกเขาหลายคนพยายามเสนอให้ลูกค้าทำแคมเปญผ่าน Instagram Stories ไม่น้อย แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ทำเพราะคิดว่าคนไม่ใช้ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ว่าคนส่วนใหญ่ไม่ใช้ แต่เพราะบรรดาลูกค้าเหล่านั้นเองที่ไม่ได้ใช้ Stories เหมือนเด็กๆทั่วไป หรือเหมือนคนรุ่นใหม่ที่เล่น Stories บน Instagram อย่าง Crazy มากครับ

ดังนั้น marketer คนไหนที่ยังไม่ทำ Stories ทั้งที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนรุ่นใหม่ หรือวัยรุ่นที่มีกำลังพอจะซื้อสินค้าหรือบริการของแบรนด์ตัวเองได้ บอกเลยนะครับว่าถ้าเอเจนซี่ของคุณเอา IG Stories มาเสนอ ผมว่าคุณควรต้องเปิดใจฟังให้มากขึ้น อย่าเอาประสบการณ์ตัวเองเป็นตัวตัดสินโดยไม่ดู data ประกอบครับ

และจากข้อมูลการสำรวจของทาง Instagram ต่อผู้ใช้เองก็น่าสนใจไม่น้อย เค้าพบว่ากว่า 83% ของคนเล่น Instagram นั้นเจอแบรนด์ใหม่ๆทางนี้เป็นประจำ และกว่า 81% ก็ยังใช้ Instagram เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการหาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อ สุดท้ายคือกว่า 80% บอกว่าตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการก็ด้วย Instagram นี่แหละครับ

จะเห็นว่าโลกของ Instagram นั้นเปลี่ยนไปเยอะมาก และไวมากกว่าที่เราคิดเยอะ ผมยอมรับว่าผมคนนึงเป็นคนที่ไม่เคยเล่นฟีเจอร์ Stories มาก่อนเลย แล้วถ้าถามว่าผมจะเล่นมั้ยก็คงจะไม่ แต่ถ้าถามว่าเวลาผมจะลงโฆษณากับกลุ่มวัยรุ่นหรือคนรุ่นใหม่ผมจะลงผ่าน Stories มั้ย ตอบได้เลยว่าแน่นอนครับ

เพราะตอนนี้ Instagram เปิดให้เราปิดการขายผ่านโพสต่างๆ ทั้งแบบธรรมดาและ Stories โดยไม่ชาร์จเงินเพิ่มแต่อย่างไร ดังนั้นโอกาสมาถึงแล้วที่จะใช้ Instagram ปิดการขายให้ได้มากขึ้นครับ

และอีกเรื่องสุดท้ายที่ทาง Instagram อยากผลักดันคือ ตอนนี้เค้าอยากให้แบรนด์หันมาทำ Branded Content Ads มากขึ้น มากกว่าการไปเนียนๆจ่ายเงินให้กับทาง Influencer เองเหมือนที่เคยทำมาตลอด

ซึ่งทาง Instagram บอกว่าผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ต่างจากที่เคยเสียเงินให้ Influencer ไปบูทโพสให้แต่อย่างไร แต่ทางแบรนด์สามารถควบคุมการบูทโพสได้เต็มที่โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกหมกเม็ดอีกด้วยครับ

ซึ่งเรื่องนี้ผมก็เห็นด้วย ไม่ใช่ว่าผมหมกเม็ดเวลาลูกค้ามาบูทโพสแต่อย่างไร(บางงานบูทให้เกินด้วยซ้ำครับ) แต่เพราะมันเป็นการแสดงออกถึงความจริงใจต่อผู้อ่านและผู้ติดตามจริงๆ

และพอเราดูในรายละเอียดระหว่างการโพสแบบ Organic กับโพสแบบ Paid ด้วย Branded Content Ads แล้ว จะพบว่าแทบไม่มีอะไรต่างกันเลย นอกจากการบอกว่าโพสนี้มีสปอนเซอร์นะเท่านั้นเองครับ

และผมก็ขอทิ้งท้ายด้วยภาพจบของงานในวันนี้ สิ่งที่ Facebook Thailand อยากบอกเราคือ ใช้ Instagram ให้หลากหลายมากขึ้น เพราะ Instagram ในวันนี้มีอะไรให้เล่นเยอะ ไม่ได้มีแค่ฟีดอย่างเดียว จากนั้นก็คิดอะไรแนวตั้ง ตั้งเข้าไว้ ตั้งเข้าไว้ และสุดท้ายคือการใช้ฟีเจอร์ Shopping ให้เป็นประโยชน์ และก็ลงบูทโพสผ่าน Branded Content จะดีที่สุดครับ

ขอบคุณทาง Facebook ประเทศไทยสำหรับคำเชิญในครั้งนี้ครับ

อ่านสรุปเนื้อหาส่วนแรกของงาน How Ads Work ต่อ > https://www.everydaymarketing.co/update-news/facebook-ads-2019-how-it-work/