ไขข้อข้องใจ Metaverse คืออะไร? เกี่ยวอะไรกับเกมส์และคริปโต?

ไขข้อข้องใจ Metaverse คืออะไร? เกี่ยวอะไรกับเกมส์และคริปโต?

Metaverse คืออะไร?

ถึงแม้ว่าคำนี้เราจะได้ยินมาอย่างหนาหูกันมามากแล้ว แต่ก็คิดว่ามีไม่น้อยเลย ที่ยังสงสัยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง Metaverse กับ Buzz words อีกหลายคำ ไม่ว่าจะเป็น Cryptocurrency, Game ดังๆ อย่าง Pokemon Go หรือแม้กระทั่ง Land บนโลกเสมือน หลายคนอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไรจนไม่กล้าถามเพื่อนเพราะกลัวตกเทรนด์ แต่ในบทความนี้เราจะมาเล่าให้ฟังกันค่ะ

ก่อนจะไปรู้จักกับความหมาย วันนี้ขอเกริ่นถึงที่มาที่ไปก่อน สมัยก่อนที่เราเริ่มมีคอมพิวเตอร์ การส่งคำสั่งต่างๆ อาจจะต้องใช้มือในการขยับสายคอมพิวเตอร์ หรือการใช้ Punch card ในการส่งคำสั่ง จนต่อมาเราสามารถทำทุกอย่างผ่าน Graphical user interface (GUI) หรือการที่คลิปรูปเพื่อให้มันทำงานอย่างที่เราต้องการ

โดยวิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์เปลี่ยนไปมากตั้งแต่ศตวรรษที่ 20 ซึ่งในยุคนี้คอมพิวเตอร์ก็ทำให้หลายอย่างมันง่ายขึ้น เข้าถึงดีขึ้น และคนส่วนใหญ่จะต้องใช้งานได้ ลองนึกถึงผู้สูงอายุ อย่างคุณตา คุณยายของเรา จะมาเล่นเกมผ่าน Console ได้ไหม ก็อาจจะทำได้แต่ก็ต้องหัด ขณะที่หากเล่นผ่าน Wifi ก็จะทำได้ง่าย แค่ทำท่าทางเท่านั้น

ซึ่งตัว Pokemon Go เองนั้นก็คือส่วนหนึ่งของ Metaverse

โดยมันจะเกิดแบบ 3 มิติมากขึ้น ทำให้โลกออนไลน์มาอยู่ในชีวิตจริงมากขึ้น จะเห็นได้ว่าการทำสิ่งที่เชื่อมต่อระหว่างโลกออนไลน์และออฟไลน์ จะทำผ่าน Game engines หรือส่วนของการสร้างเกมจากระบบที่มีอยู่ก่อนแล้ว

เช่น บริษัท Unity หรือ Unreal ซึ่งก็คือ Platform ในการสร้าง 3D Project ได้ ซึ่งถูกใช้ในเกม หรืองานในส่วนต่างๆ เช่น สถาปัตย์ รถยนต์ เกม และอนิเมะ ซึ่ง Platform เหล่านี้ก็คือ Game engines ตัวอย่างที่เห็นได้คือ บริษัท Beyond sport ในการเอาเหตุการณ์ในการเล่นกีฬาจริงๆ มาทำเป็นรูปแบบ Virtual ให้คนดูกีฬาแบบสด ซึ่งภาพจะเป็นแนว Animation

Game engines เป็นรากฐานของการเกิด Virtual environment หรือสภาพแวดล้อมแบบเสมือน ซึ่งเกิดได้สองแบบคือเป็นแบบเราอยู่ในชีวิตจริง แต่มีปฎิสัมพันธ์ใน Virtual ได้เช่นเกมชื่อดังที่หลายคนคงคุ้นเคย นั่นก็คือ Pokemon Go หรือในอีกรูปแบบคือการใช้คอมผิวเตอร์ และปฎิสัมพันธ์ผ่านแว่น VR Game engines เป็นรากฐานของการเกิด Virtual environment หรือสภาพแวดล้อมแบบเสมือน ซึ่งเกิดได้สองแบบคือเป็นแบบเราอยู่ในชีวิตจริง แต่มีปฎิสัมพันธ์ใน Virtual ได้เช่นเกมชื่อดังที่หลายคนคงคุ้นเคย นั่นก็คือ Pokemon Go หรือในอีกรูปแบบคือการใช้คอมผิวเตอร์ และปฎิสัมพันธ์ผ่านแว่น VR

กลับมาที่ความหมาย ซึ่งมันก็คือ Next Level of Internet เกิดจากการที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้คนสามารถเข้าถึงได้ และเล่นกับมันได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องผ่านตัวกลางอีกด้วย สามารถที่จะปฎิสัมพันธ์ได้กับคนอื่นได้ ผ่านโลกเสมือน ซึ่งถูกสร้างผ่าน Game Engine

ทำไมถึงเป็น Next Level of Internet?

ต้องบอกก่อนว่า Internet นั้นปัจจุบันแบ่งเป็น Web 1 คือการเข้าถึง Web Page เท่านั้น Web 2 คือการที่เราสามารถมีปฎิสัมพันธ์ เกิดสังคม การแชร์กัน แต่ยังเป็นระบบปิด หรือระบบที่มีตัวกลาง ส่วน Web 3 คือการเกิด Digital Ownership มี Digital Currency และเป็นระบบเปิดมากขึ้น ขณะที่ Metaverse คือวิวัฒนาการอีกขั้นคือไม่มีตัวกลาง ถ้าดูจากด้านล่างก็จะเห็น Evolution ของ website ที่เกิดขึ้นค่ะ

Metaverse ไม่ใช่แค่เกมหรือภาพการ์ตูน Animation เท่านั้น

แต่มันอาจจะเกิดสังคม หรือเศรษฐกิจเลยก็ว่าได้ ยกตัวอย่าง Second Life คือเกมแบบ Virtual Reality ให้คนมาเล่นโดยใช้ Avatar สามารถสร้างปฎิสัมพันธ์กันได้ หรือมีการซื้อขาย ของผ่านที่เป็น Virtual ได้ในเกม ผ่านสกุลเงินของเกมเอง ซึ่งสามารถแลกมาเป็นดอลลาร์ได้ มูลค่าการซื้อขายในเกมมีมูลค่ามากมายมหาศาลได้ สิ่งเหล่านี้เองทำให้เกิดเป็น Virtual Economy หรือเศรษฐกิจแบบเสมือน พวกนี้แหละทำให้เราอาจจะนำเอาคริปโต มาใช้ในการซื้อขายของผ่านในโลกเสมือน

ซึ่งการซื้อขายของในโลกเสมือนอย่าง Second Life หรือ Fortnite ปัจจุบันมันทำได้อยู่แล้ว แต่ในอนาคตก็สามารถทำ NFT มาใช้ได้เช่นกัน เพื่อใช้ในการเป็นโครงสร้างในการแลกเปลี่ยนข้อมูลหรือสินทรัพย์ได้ ผ่านระบบ Blockchain แต่อย่างที่เห็นคือภาพแต่ก่อน Second Life หรือ Fortnite ก็สามารถทำได้ด้วยตัวมันเองอยู่แล้วโดยไม่ได้มี NFT เข้ามา

ในอนาคตนั้น Metaverse จะมีความเสมือนจริงมากๆ จะเห็นได้จาก Game engines เดียวนี้ ไม่ได้ทำกราฟฟิคที่เป็นกราฟิคอีกต่อไป แต่เหมือนเป็นรูปภาพจริงๆ เหมือนในชีวิตจริงมากขึ้น โลกเสมือนเดียวนี้อาจจะเป็นโลกอีกโลก ที่ทุกอย่างเหมือนในชีวิตจริงมาก ไม่ก็เป็นอีกโลกที่เป็น Avatar แล้วเราสามารถมีปฎิสัมพันธ์กันภายในโลกเสมือนนี้ได้ ทุกอย่างเป็นแบบ 3D

แน่นอนว่าในอนาคต จะไม่ได้มีแค่ Metaverse อันเดียว แต่จะมีหลายอัน ซึ่งแต่ละอันสามารถเชื่อมต่อกันได้ จะเป็นการ Decentralized คือไม่มีตัวกลาง และทุกคนสามารถทำได้แทบทุกอย่างที่สามารถทำได้ในชีวิตจริง มีเศรษฐกิจจริงๆ ในโลกของ Metaverse อย่างที่บอกว่าคนสามารถซื้อขายของกันได้ หารายได้กันได้ เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่แค่เกมหรือ Virtual Reality เท่านั้น

ซึ่งเมื่อมันเป็นโลกแบบ Decentralized ทำให้ต้องมี Infrastructure หรือโครงสร้างของตัวเอง โดยอาจจะต้องใช้ Blockchain เข้ามาช่วย อีกทั้งยังมี NFT ตามที่ได้บอกไว้ในตอนแรก คือมาใช้ในการบอกถึงกรรมสิทธิ หรือความเป็นเจ้าของในบางอย่างในโลกเสมือน รวมถึงการเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงตัวตนในโลก Metaverse ด้วยผ่าน Unique ID และ Avatar

ฉะนั้นในมันจะเป็นพื้นที่ที่คนสามารถมาพบปะกันได้ เล่น ทำงาน เกิดธุรกรรม หรือสร้างไรบางอย่าง ปัจจุบันเราสามารถแบ่งเป็น 3 กลุ่ม หลักๆ คือ เน้นความเป็นเจ้าของและ Virtual World เช่น Sandbox การเป็นเจ้าของ Land ในโลกเสมือน หรือ เน้นไปที่เกม หรือ Foundational ซึ่งตัว Foundational สามารถแบ่งเป็นกลุ่ม Social ก็คือ Discord Twitter หรือแพตฟอร์มสำหรับทำธุรกรรมในตลาด Virtual เช่น OpenSea เป็นต้น

ในเมื่อโลกเสมือนคล้ายคลึงกับโลกของจริง ย่อมมีการตลาดมาเกี่ยวข้องแน่นอน เมื่อไหร่ที่มีเศรษฐกิจแบบเต็มรูปแบบในโลกเสมือน มีการซื้อ ขาย หรือทำรายได้กัน การตลาดก็ต้องมาเป็นส่วนหนึ่ง ไม่ต่างจากโลกของจริง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามถึงวิวัฒนาการในอนาคต นักการตลาดเองอาจจะต้องปรับตัว เมื่อวันนั้นมาถึงอย่างแน่นอนค่ะ

ขอขอบคุณบทความ จาก Coin Base และ Singularityhub

Pitchakorn Sirimonta

Freelance at Everyday Marketing.co and current social media management who has a passion for business innovation and believe in data-driven marketing.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

คุณคิดว่าปัญหา PM 2.5 ที่เชียงใหม่วิกฤตหรือยัง ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถามก่อนอ่านการตลาดวันละตอน แล้วเราจะเอาไปทำเป็น Infographic โชว์หน้าเพจให้รู้ด้วยกัน