รวบตึงเทรนด์และ Consumer Behavior 2023 Hand Book จาก MI GROUP เพื่อกลยุทธ์การตลาด

รวบตึงเทรนด์และ Consumer Behavior 2023 Hand Book จาก MI GROUP เพื่อกลยุทธ์การตลาด

มาติดอาวุธให้แบรนด์กันด้วย 2023 Hand Book จาก MI GROUP ซึ่งจะรวบรวมเทรนด์และพฤติกรรมต้องรู้ของคนไทยที่กำลังเปลี่ยนไปหลังจากยุควิกฤตโควิด19

แม้จะผ่านวิกฤติโรคระบาดครั้งใหญ่มาแล้ว แต่ทุกธุรกิจยังต้องตื่นตัวและอัปเดตอยู่เสมอนะคะ อย่างที่นุ่นและทีมงานการตลาดวันละตอนมักคอยอัปเดตเทรนด์ รวมทั้ง Consumer Behavior อย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แผนการตลาดมีประสิทธิภาพ ทันต่อคู่แข่งค่ะ 

และแน่นอนว่าสำหรับนักการตลาด นักสื่อสาร แม้กระทั่งธุรกิจเล็กใหญ่ SMEs ต่างผ่านบททดสอบที่ตลาดและลูกค้าเปลี่ยนแปลงไปกระทันหันมาแล้ว ทำให้ทราบกันดีว่า ‘Data’ เป็นอาวุธสำคัญที่ใช้ในการสร้างความได้เปรียบให้ธุรกิจตัวเองยังสามารถไปต่อ และเติบโตอย่างแข็งแรงในโลกที่หมุนเร็วสุด ๆ

แต่ไม่ต้องกังวลว่าการเข้าถึง Data จะเป็นเรื่องไกลตัวและราคาแพง ในบทความนี้มีข่าวดีสำหรับนักการตลาดไทยค่ะ

เพราะล่าสุด MI GROUP ในฐานะ เอเจนซี่ ที่ให้คำปรึกษาและช่วยวางแผนกลยุทธ์การตลาดและสื่อสารการตลาด มีโอกาสสร้างสรรค์โครงการดี ๆ ตั้งแต่เมื่อปี 2022 ในการส่งมอบคู่มือฝ่าวิกฤตโควิด-19  ไปสู่มือของผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่ รายย่อย รวมไปถึงผู้บริโภค ซึ่งได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากๆ 

สำหรับปีนี้ MI GROUP ยังคงต่อยอดในการกระจายองค์ความรู้สำคัญ ๆ ในด้านการตลาดให้กับนักการตลาดเช่นเดิมค่ะ  

2023 Hand Book: Post-Pandemic Study

ซึ่งในปีนี้ได้จัดทำคู่มือเล่มใหม่ในชื่อ “2023 Hand Book: Post-Pandemic Study  ต้องรู้ทลายวิกฤตโควิดเพื่อชิงความได้เปรียบทางธุรกิจ” 

เป็นคู่มือหนังสือเพียงเล่มเดียวที่รวมประเด็นสำคัญและสัญญาณบวกลบของอุตสาหกรรมสื่อที่ส่งผลต่อการตลาด ใครอยากให้แผนกลยุทธ์การตลาดปัง พัฒนาธุรกิจได้อย่างตรงเป้าต้องรู้ค่ะ ซึ่งมี highlight ที่น่าสนใจมาสรุปให้ดังนี้

  1. ต้องรู้ เทรนด์การเสพสื่อของคนไทย : ภาพรวมสื่อในไทยที่ผู้บริโภคให้ความนิยม, จำนวนผู้ใช้งานโซเชี่ยลในแพลตฟอร์มต่างๆ 
  2. ต้องรู้ 4 Behavior และวิถีชีวิตใหม่หลังวิกฤตโรคระบาด
  3. ต้องรู้ หัวใจสำคัญ 4 ข้อ ที่นักการตลาดไม่ควรมองข้าม
  4. ต้องรู้ โอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ สำหรับนักการตลาด

เพื่อเป็นองค์ความรู้และข้อมูล เป็นการติดอาวุธให้กับผู้ประกอบการรวมไปถึงผู้บริโภค ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ให้เข้ากับธุรกิจของตัวเอง เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนในยุคหลัง Covid-19 

เราจะค่อย ๆ มาดูทีละหัวข้อกันเลย ก่อนที่ทุกคนจะดาวน์โหลดตัวเต็มไปต่อยอดกัน

#1 ต้องรู้ เทรนด์การเสพสื่อของคนไทย

– รวมความนิยมของสื่อสังคมดิจิทัล

หากนักการตลาดไม่อยากให้แบรนด์ยืนงง ในดงคู่แข่ง ก็ต้องอัปเดตว่าตอนนี้คนไทยใช้สื่อในอยู่บ้างค่ะ 

โดยภายในเล่ม ได้แสดงข้อมูลภาพรวมสื่อในไทยในช่วงปลายปี 2022 ที่ผ่านมา เมื่อผู้บริโภคเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติมากขึ้น 3 สื่อหลักที่มีอิทธิพลต่อคนไทย คือ 

  • สื่อโทรทัศน์ ที่เข้าถึง 75% ของประชาการในประเทศไทย 
  • สื่อออนไลน์ 80%  
  • สื่อนอกบ้าน 35% ตามลำดับค่ะ

และถึงแม้ตัวเลขของสื่อโทรทัศน์จะลดลง แต่การรับชม Video on Demand หรือแอปพลิเคชัน และวิดีโอสตรีมมิ่งต่าง ๆ กลับเพิ่มขึ้น เพราะคนไทยนิยมเสพเนื้อหาประเภทวิดีโอนั่นเองค่ะ

เห็นแบบนี้แล้วแบรนด์ไหน ธุรกิจใดยังไม่ลองใช้วิดีโอคอนเทนต์มาเป็นสื่อหนึ่งในการโปรโมต ก็อยากให้เริ่มศึกษาได้เลยนะคะ  

ที่สำคัญคือเราเห็นถึงสัญญาณบวก ของเม็ดเงินโฆษณา โดยมูลค่ารวมการใช้สื่อจนถึงสิ้นปี 2022 คาดว่าจะจบที่ 82,300 ล้านบาท เทียบแล้ว เติบโตขึ้นประมาณ 8.1% และประเมินว่าจะเติบโตต่อเนื่องอีกประมาณ 4.2% ในปี 2023

ในส่วนของสื่อดิจิทัลเราจะเห็นการเติบโตมาตลอดโดยเฉพาะช่วงโควิด-19 โดย 3 ตัวเลือกที่นักการตลาดนิยมใช้มากสุด คือ Meta 33%  YouTube 15% และ Online VDO 10%  ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ไม่เกินคาดเท่าไหร่ค่ะ

– แพลตฟอร์มที่คนไทยชอบใช้

ตัวเลขแต่ละแพลตฟอร์มไม่น้อยเลยใช่ไหมคะ การเสพสื่อวิดีโอบน Youtube ยังไม่ล้มหายตายจากแม้ TikTok จะมาแรงเหลือเกินใน 2-3 ให้หลังมานี้ ทั้งนี้นอกเหนือจาก 6 แพลตฟอร์มนี้ยังมีอีก 2 เจ้าที่น่าจับตามอง เฉลยอยู่ใน 2023 Hand Book ตัวเต็ม จะได้เห็นโอกาสของการสร้าง Community ที่น่าสนใจเพิ่มเติมอีกด้วยน้า 

#2 ต้องรู้  4 พฤติกรรมและวิถีชีวิตใหม่หลังวิกฤตโรคระบาด

เพราะโรคระบาดทำให้ Consumer Behavior 2023 เป็นที่น่าจับตามอง จะใช้ข้อมูลเดิมมาประกอบการตัดสินใจไม่ได้แล้วน้า มาอัปเดตกันค่ะว่าจะมีอะไรบ้าง ที่เป็น 4 พฤติกรรมที่ยังคงส่งผลต่อความคิด ทัศนคติ รวมถึงการใช้ชีวิตในปัจจุบันของผู้บริโภคสมัยนี้

  1. ชีวิตที่มีสมดุลและสุขภาวะที่ดี (Well-Balanced & Wellness)
  2. พฤติกรรมไร้สัมผัส (Contactless)
  3. ผู้สูงวัยดิจิทัล (Senior Go Digital)
  4. ความโหยหาถึงอดีต (Nostalgia)

ซึ่งภายในเล่มตัวเต็มจะอธิบายให้อย่างละเอียก พร้อม 8 เทรนด์ยอดนิยม และ 2 เทรนด์ใหม่มาแรง สปอยให้ว่ามีกลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยง ที่ไม่อยากให้นักการตลาดมองข้ามค่ะ จะขายคอนโด หรือทำคาเฟ่ หากมีสเปซให้สัตว์เลี้ยงคุณจะได้ใจลูกค้ากลุ่มนี้ไปเต็ม ๆ เป็นต้น

#3 ต้องรู้ หัวใจสำคัญ 4 ข้อ ที่นักการตลาดไม่ควรมองข้าม

1. Phygital Marketing

: โลกยุคหลังโรคระบาดใหญ่ ผู้คนต่างโหยหาการปฏิสัมพันธ์กับคนผ่านการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ค่ะ โดยเฉพาะประสบการณ์จริงในการซื้อของ หรือที่เราเรียกว่า REAL-LIFE Shopping Experience คำว่า Phygital จึงเกิดขึ้นเพื่อสร้างสะพานเชื่อมโลกจริง (Physical) และ โลกเสมือน (Digital) เข้าไว้ด้วยกัน

2. Influencer Marketing

: รูปแบบการตลาดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะ KOL (Key Opinion Leaders) ไม่ว่าคนธรรมดาที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก หรือคนที่มีคนรู้จักติดตามในวงกว้าง ก็สามารถมีอิทธิพลกับผู้คนทั้งในเรื่องความเชื่อ ความชอบ และความผูกพันในแง่ต่าง ๆ

เช่น เราจะเห็นคอนเทนครีเอเตอร์หน้าใหม่ ๆ คนธรรมดาจากทางบ้าน ทำคลิปไวรัล สร้างเอนเกจได้มากมายเช่นเดียวกัน

3. ROAS (Return on Ad Spend)

การประเมินประสิทธิภาพของแคมเปญผ่าน ROAS (Return On Ad Spend) ถูกนำมาใช้การตลาดยุคนี้ นอกจาก E-commerce แล้ว สื่อแบบดั้งเดิมก็วัด ROAS ได้เช่นกันนะคะ

4. Real Brand Experience

เมื่อผู้คนกลับมาใช้ชีวิตกันอย่างปกติ แบรนด์เองก็ต้องกลับมาสร้างประสบการณ์จริงกับผู้บริโภคเช่นกันค่ะ เพราะการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ส่งผลต่อการออกแบบกิจกรรมทางการตลาดในทุกมิติ

เพราะฉะนั้นนักการตลาดและแบรนด์ต้องเร่งศึกษาและปรับกุลยุทธ์และวิธีการในตามยุคสมัยและพฤติกรรมของผู้บริโภคให้ทันน้า

#4 ต้องรู้ โอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ สำหรับนักการตลาด

สุดท้าย ที่สำคัญไม่แพ้ข้อมูลคือการหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ค่ะ ถ้าเราหยุดนิ่งเราจะทันคู่แข่งได้อย่างไร ?

ซึ่งการขยายน่านน้ำสู่ตลาด CLMV ซึ่งก็คือกลุ่มประเทศ กัมพูชา (Cambodia) สปป.ลาว (Lao PDR) เมียนมา (Myanmar) และเวียดนาม (Vietnam) เป็นโอกาสที่ดีของแบรนด์ไทยต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคตค่ะ 

เพราะกลุ่มประเทศ CLMV มีกำลังซื้อมหาศาลด้วยจำนวนประชากรการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงโควิด รวมทั้งผู้บริโภคมีวัฒนธรรมและรสนิยมคล้ายกันค่ะ

ในส่วนของการใช้งานอินเตอร์เน็ตก็ครอบคลุมและเอื้อต่อการทำการตลาดนะคะ ฉะนั้นประเทศไทยจึงได้เปรียบเพราะเปรียบเหมือนเป็นศูนย์กลางภูมิภาคที่สำคัญ สินค้าไทยเป็นที่ยอมรับทั้งด้านคุณภาพและความน่าเชื่อถืออยู่แล้ว ขอแค่เราเริ่มมองตลาดเพื่อนบ้านในกลุ่ม CLMV ก็จะสามารถขยายกลุ่มเป้าหมายได้เพิ่มถึง 178 ล้านคนเลย

สุดท้ายนี้ หลังจาก 3 ปีที่เราต้องเผชิญกับวิกฤตโรคระบาด ทำให้เราต้องกักตัว ลดการเดินทาง และเว้นระยะทางสังคม ปีนี้เราอยากให้ทุกคนได้กลับสู่วิถีชีวิตเดิมที่เราเคยเป็นก่อนที่ทุกคนจะรู้จักกับ Covid-19 แม้จะมีหลายอย่างเปลี่ยนไป ควบคู่กับนักการตลาดเองก็ต้องใช้ Data Insight ที่เก็บอย่างถูกต้องเช่นกันนะคะ

ดังนั้น MI Group จึงสร้างสรรค์กล่อง Box Set ภายใต้แนวคิด  I’m Out-Goer สนับสนุนให้ทุกคนออกไปใช้ชีวิตออกไปทำกิจกรรม เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยจุดประกายเล็กๆ ให้ทุกท่าน ชวนเพื่อน ชวนครอบครัวออกไปท่องเที่ยว 

และยังได้เป็นส่วนในการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศอีกอีกด้วย โดยใน Box Set ประกอบไปด้วยอุปกรณ์สำหรับการออกไปใช้ชีวิตข้างนอกไม่ว่าจะเป็น หมวก, ร่ม, ครีมกันแดด, สมุดแพลนเนอร์ และ 2023 Hand Book: Post-Pandemic Study เพื่อกลยุทธ์ทางการตลาดที่นำมาเล่า Highlight สำคัญให้ฟังในบทความนี้

สุดท้ายขอแปะให้นักการตลาดคนไหนที่สนใจ Box Set ชุด I’m Out-Goer สามารถติดตามกิจกรรมร่วมสนุกเพื่อลุ้นรับ Box Set กับทางเฟสบุ๊คแฟนเพจ MI GROUP ได้เร็ว ๆ นี้ค่ะ  

แต่สำหรับใครต้องรับคู่มือ 2023 Hand Book: Post-Pandemic Study ฉบับเต็ม เพื่ออัปเดตเทรนด์ รวมทั้ง Consumer Behavior 2023 ให้เป็นตัวแม่สายกลยุทธ์การตลาด สามารถติดต่อขอรับ 2023 MI GROUP Handbook ฉบับเต็มได้ที่แล้ววันนี้ที่นี่ โหลดและอ่านไว้ได้เก็บไว้ใช้แน่นอนค่ะ สำหรับบทความหน้านุ่นจะมีอะไรดี ๆ มาอัปเดตนักการตลาดอีกอย่าลืมติดดาวเพจไว้ได้เลยนะคะ ^^

Noon Inch

นุ่น Business Data Research Analyst Specialist | Martech 🙋🏻‍♀️💻ใช้ชีวิตอยู่กับ Social Listening Tools เกือบทุกวันมาร่วม 6 ปี 🙋🏻‍♀️📈ทำงานด้าน Social Data Research ให้กับหน่วยงานรัฐและแบรนด์เอกชน 6 ปี 🙋🏻‍♀️✈️ชอบทำงานและชอบใช้เงิน แล้วก็เป็น K-POP🇰🇷 & Salmon Lover 🍣

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *