The Single Age เทรนด์ความโสด ที่นักการตลาด New Gen ไม่ควรพลาด

The Single Age เทรนด์ความโสด ที่นักการตลาด New Gen ไม่ควรพลาด

The Single Age หรือ “คนโสดจะเดินขอทางหน่อย” เมื่อคนรุ่นใหม่ที่ก้าวเข้าสู่วัยทำงานและเริ่มเป็นผู้ใหญ่เริ่มมองชีวิตเปลี่ยนไป ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องการแต่งงานหรือมีคู่ เท่ากับคนรุ่นก่อนอีกต่อไป นี่เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ใหม่ที่การตลาดวันละตอนอยากอัพเดทนักการตลาดไทย New Gen ให้รู้ก่อนใครครับ

ยินดีต้อนรับเข้าสู่ยุคโสดครองเมือง หรือ The Single Age ยุคที่ความเป็นปัจเจกนั้นเติบใหญ่ ในยุคที่ค่านิยมเดิมๆอย่างการมีคู่ผัวตัวเดียวหรือการแต่งงานเหลือความสำคัญน้อยลงไปทุกที เพราะในวันที่เรามีอิสระอย่างเต็มที่ๆจะเลือก ไม่ว่าจะเลือกที่จะเป็นตัวเองให้สุดโต่ง และแคร์สายตาคนรอบข้างน้อยลงกว่าคนรุ่นพ่อแม่

The Single Age

การโสดหรือ The Single Age ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแต่เรื่องชีวิตคู่ แต่หมายถึงชีวิตที่ไม่ต้องการที่จะผูกมัด ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจถ้าจะเห็นคนรุ่นใหม่สมัยนี้เปลี่ยนงานบ่อยจนน่าตกใจ เรียกได้ว่าบางคนอยู่บางที่ไม่ถึงปีก็กระโดดไปที่ใหม่อีกแล้ว รวมถึงการเปิดกว้างเรื่องความหลากหลายทางเพศหรือ LGBT ที่กำลังเป็นประเด็นมากขึ้นในวงกว้าง ยังรวมถึงชาว Digital-Nomad หรือคนยุคใหม่สมัยนี้ที่หันมาทำงานอิสระแบบไม่เป็นลูกจ้างใคร เช่น สร้างเพจของตัว หรือเป็น Influencer ที่ได้เป็นตัวเองเต็มที่และก็มีคนมาจ้างงานด้วยครับ

คนรุ่นใหม่หวงแหนความเป็นโสดหรืออิสระอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันความคิดนี้ก็ถูกท้าทายโดยคนรุ่นเก่าที่ยังมีอำนาจ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะต่าง gen มักจะต่างความคิด ต่างทัศนคติเป็นเรื่องธรรมดา

ดังนั้นค่านิยมความเชื่อเดิมในมาตรฐานสังคมเริ่มไม่ใช่มาตรฐานของสังคมในวันนี้อีกต่อไป เพราะวัฒนธรรมนั้นมีวิวัฒนาการตามผู้คน หาใช่เรื่องที่ต้องถูกแช่แข็งไว้กับความคิดของคนยุคใดยุคหนึ่ง

เมื่อคนสมัยนี้ไม่คิดจะมีลูก ไม่แปลกที่คนในยุคก่อนหน้าจะมองว่าแปลก ในคนในวันนี้ไม่ได้มองว่าแปลก แต่กลับมองว่า ไม่มีก็ไม่มี ฉันก็แค่สนุกกับชีวิตที่เลือกจะโสดหรือไม่ผูกมัดเท่านั้นเอง

The Single Age
The Single Age

จากการสำรวจพบว่ามุมมองต่อความโสดของคนทั้งโลกนั้นเริ่มเปลี่ยนไป แต่ก่อนการโสดอาจหมายถึงความไม่เป็นที่ต้องการหรือยอมรับ บอกถึงแง่ลบที่อาจจะหมายถึงว่าเป็นคนที่ไม่มีใครเอา แต่ความโสดในวันนี้คือการช่างเลือก พิถีพิถัน อาจมีความหมายใหม่ว่าก็ยังไม่มีที่ดีพอที่ชั้นจะต้องหยุดเท่านั้นเอง โสดเลยกลายเป็นเสน่ห์ใหม่ของคนยุคใหม่ ที่สวยและโสดหมายถึงความเจ๋ง ไม่ใช่จับเจ่าแบบชุดความคิดเก่าๆอีกต่อไป

แบรนด์และนักการตลาด ควรต้องเริ่มศึกษาใส่ใจ และให้ความสำคัญกับกลุ่มคนที่รักอิสระที่จะโสดมากขึ้น เพราะคนกลุ่มนี้พร้อมที่จะจ่ายอย่างเต็มที่ หรือจะบอกว่า Work Hard Pay Harder ก็ไม่ผิดหนัก เพราะชีวิตไม่มีภาระ ไม่มีพันธะ 

จากรายงานที่ทำการสำรวจของผู้บริโภคในอเมริกา อังกฤษ และเอเซียอย่างประเทศจีน กับกลุ่มคนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปบอกให้รู้ว่า

84% ของคนโสดในสหรัฐอเมริกาบอกว่า การโสดทำให้คุณไม่ต้องทะเลาะกับใครว่าจะใช้เงินอย่างไร “ก็ชั้นโสดและนี่มันเงินชั้น ดังนั้นชั้นจะใช้มันยังไงก็ได้!”

86% ของคนโสดในสหรัฐอเมริกาบอกว่า จะใช้เงินเพื่อทำให้ตัวเองดูดีมีอำนาจ หรือน่าเชื่อถือขึ้น ดังนั้นสินค้าหรือบริการประเภททำให้เค้ารู้สึกว่า Empowering จะยิ่งได้ใจและได้เงินของคนโสดยุคใหม่ได้มาก

90% ของคนโสดที่จีนบอกว่า ชอบที่จะคิดและตัดสินใจเรื่องเงินด้วยตัวเอง ไม่ต้องการให้ใครมายุ่งและก้าวก่าย ข้อนี้ก็เหมือนกับคนโสดที่อเมริกาครับ

79% ของวัยรุ่นในสหรัฐอเมริกาบอกว่า สังคมในวันนี้ยอมรับความโสดมากขึ้น ดังนั้นการจะอยู่เป็นโสด หรือแก่โดยไม่แต่งงาน ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเหมือนคนยุคก่อนอีกต่อไป

84% วัยรุ่นในจีนบอกว่า สังคมนั้นให้กดดันเรื่องการให้ความสำคัญกับชีวิตครอบครัวให้การแต่งงานมากเกินไป

สุดท้ายนี้เมื่อการเลือกที่จะโสดไม่ใช่เรื่องแปลก หรือเรื่องแย่ในสังคมอีกตอ่ไป ผู้บริโภคกลุ่มนี้ก็เลือกที่จะปฏิเสธหรือไม่ซื้อแบรนด์ที่ใช้ทัศนคติแบบการมีครอบครัว หรือมีคู่มากขึ้น ดังนั้นแบรนด์คุณอาจจะต้องเลือก ว่าจะเอากลุ่มคนโสดหรือไม่โสดแล้วล่ะครับต่อไปนี้

The Single Age

ลองดูกรณีศึกษาเรื่อง The Single Age นี้เพิ่มเติมจากแคมเปญ Single, Not Sorry หรือ “โสดซิดี” ที่ผมเคยนิยามไว้เมื่อเขียนถึงครั้งแรกที่เพจการตลาดวันละตอนเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา https://www.everydaymarketing.co/target/millennials/tinder-single-is-a-terrible-thing-to-waste/

Souce : https://www.jwtintelligence.com/2019/06/new-trend-report-the-single-age/

Nattapon Muangtum

เจ้าของเพจการตลาดวันละตอน / อาจารย์พิเศษวิชา Data-Driven Communication / เขียนหนังสือมาแล้ว 5 เล่ม Personalized Marketing, Data-Driven Marketing, Data Thinking, Contextual Marketing และ Social Listening / ที่ปรึกษา Data-Driven Advisor

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

คุณคิดว่าปัญหา PM 2.5 ที่เชียงใหม่วิกฤตหรือยัง ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถามก่อนอ่านการตลาดวันละตอน แล้วเราจะเอาไปทำเป็น Infographic โชว์หน้าเพจให้รู้ด้วยกัน