สรุป 31 Thailand Digital Stat Insight 2023 จาก We Are Social

สรุป 31 Thailand Digital Stat Insight 2023 จาก We Are Social

กลับมาอีกครั้งกับบทความสรุป 31 สถิติข้อมูลพฤติกรรมออนไลน์สำคัญ Thailand Digital Stat Insight 2023 รายงาน Digital 2023 Global Overview Report ของ We Are Social ที่ผม การตลาดวันละตอนเอามาสรุปให้อ่านกันเป็นประจำทุกปี เรามาไล่เรียงดูกันดีกว่าครับว่าเข้าปีใหม่นี้ประเทศไทยมีอะไรเปลี่ยนแปลงและน่าสนใจบ้าง เพื่อนำไปสู่ช่องทางและโอกาสใหม่ๆ ทางการตลาดและธุรกิจในปีนี้

สรุปภาพรวม Global Digital Stat 2023

ประชากรโลกใกล้ถึงจุดอิ่มตัว และจำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตหน้าใหม่ก็เริ่มอิ่มตัวแล้วเช่นกัน

หนุ่ย การตลาดวันละตอน

จากสองภาพแรกทำให้เห็นว่าโลกเราวันนี้กระจุกตัวอยู่ในเมืองเหมือนเดิม ไม่ได้มีการกระจายตัวออกไปอยู่นอกเมืองอย่างที่เคยเชื่อกันว่าจะเกิดขึ้นตอนโควิด19 ระบาด ดูเหมือนว่า Mega Trends เรื่อง Mega City ยังคงอยู่และจะเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต เมื่อผู้คนกระจุกอยู่ในเมืองหลวงทั่วโลกเป็นจำนวนมาก ความท้าทายคือเราจะพัฒนาเมืองอย่างไรให้คนอยู่มีความสุขท่ามกลางความวุ่นวายในเมืองหลวงทั่วโลกครับ

จากนั้นอัตราการเติบโตของ Digital Population หรือผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วโลกดูเหมือนจะไม่ค่อยมีการเติบโตที่หวือหวาอีกต่อไป จำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเองเพิ่มขึ้นแค่ 1.9% จากปีก่อน หรือรวมๆ แล้วไม่ถึงหนึ่งร้อยล้านคนด้วยซ้ำ ดูเหมือนว่าลูกค้าหน้าใหม่จะไม่มีเพิ่ม กลยุทธ์การแข่งขันจะกลายเป็นแย่งชิงลูกค้าคนอื่นมาเป็นลูกค้าเราได้อย่างไรในปีนี้ครับ

เมื่อดูในรายละเอียดการเพิ่มของจำนวนประชากรทั่วโลกก็พบว่า อัตราการเพิ่มของประชากรโลกนั้นเริ่มต่ำกว่า 1% มาตั้งแต่ปี 2021 แล้ว ดูเหมือนว่าช่วงล็อกดาวน์ยาวๆ จะไม่ได้กระตุ้นให้เกิดการเพิ่มของประชากรโลกสักเท่าไหร่ กลายเป็นยิ่งลดลงไปอีก

นั่นบอกให้รู้ว่าตอนนี้เราอยู่ในยุคสังคมผู้สูงวัยทั่วโลกเรียบร้อยแล้ว สำคัญคือต้องรู้ตัวให้ไว การจะหากลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กรุ่นใหม่ดูจะหายากกว่าการจับกลุ่มผู้ใหญ่หัวใจวัยรุ่นในวันนี้เหลือเกิน

ประชากรจีนเริ่มหดตัว และอินเดียกำลังเป็นชาติที่มีประชากรเยอะสุดในโลก

จากเดิมที่เราเคยรับรู้กันว่าประเทศจีนเป็นชาติที่มีประชากรเยอะที่สุดในโลก ดูเหมือนภายในระยะเวลาอันสั้น อาจจะภายในปีหน้า ประเทศอินเดียจะแซงหน้าจีนขึ้นมาเป็นชาติที่มีจำนวนประชากรเยอะที่สุดในโลกแล้ว

และดูเหมือนหลายๆ ประเทศบนโลกจำนวนประชากรเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะรัสเซีย ญี่ปุ่น และเยอรมัน ส่วนประเทศที่ยังโตได้ดีก็อยู่ในระดับแค่ 2% หน่อยๆ ก็มีแค่ปากีสถาน ไนจีเรีย และเอธิโอเปีย กับคองโก ที่เติบโตถึง 3.3% ส่วนประเทศไทยเรานั้นมีอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรจากปีก่อนแค่ 0.2% เท่านั้น

1. ค่าเฉลี่ยอายุคนไทย 2023 อยู่ที่ 40.1 ปี

ประเทศไทยวันนี้ถ้าจะบอกว่าเป็นประเทศแห่งผู้สูงวัยก็ไม่ผิดแล้วหละครับ ด้วยค่าเฉลี่ยอายุคนไทยที่สูงถึง 40.1 ปี เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่อยู่แค่ 30.4 ถือว่าต่างกันสูงมาก

ซึ่งในค่าเฉลี่ยช่วง 40 ปีเท่ากับเรานั้น ส่วนใหญ่เป็นประเทศในกลุ่มพัฒนาแล้ว ความน่ากังวลคือไทยเรายังจัดอยู่ในประเทศกำลังพัฒนามาตั้งแต่ผมเกิดจนเข้าวัยกลางคน แล้วยิ่งเจอภาวะผู้สูงวัยเต็มประเทศ คิดภาพไม่ออกเลยครับว่าอนาคตประเทศนี้จะเป็นอย่างไรต่อ

แต่ทางการตลาดและธุรกิจก็หมายความว่า เราควรหันมาโฟกัสกับผู้บริโภคกลุ่วัยกลางคนให้มากขึ้น และก็คิดกลยุทธ์เผื่อช่วงสูงวัยเตรียมไว้แต่เนิ่นๆ ถ้ายังอยากให้ธุรกิจตัวเองอยู่รอดนะครับ

2. GDP ต่อหัวคนไทยในปี 2023 อยู่ที่เกือบ 700,000 บาท

เมื่อเอาค่า GDP หรือผลผลิตมวลรวมภายในประเทศตลอดทั้งปีมาหารด้วยจำนวนประชากรทั้งหมดที่มี พบว่าประเทศไทยเรานั้นไม่แย่ ถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก เพราะ GDP ต่อหัวในปี 2023 คนไทยเราอยู่ที่ 21,114 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 700,000 บาทครับ

แต่ถ้าเราดูจากบริบทของผู้คนในสังคมจริงๆ จะพบว่าไม่ได้ใกล้เคียงความเป็นจริงเลย คนส่วนใหญ่มีรายได้น้อยกว่าเดือนละ 60,000 บาทอย่างมาก นั่นบอกให้รู้ว่าความเหลื่อมล้ำของคนไทยสูงมาก มากจนใช้คำว่ารวยกระจุกจนกระจายได้เต็มปาก ยิ่งกว่าช่วงปีไหนๆ ที่ผ่านมาครับ

คำถามสำคัญคือเมื่อสภาพรวยกระจุกจนกระจายในบ้านเราไม่มีวี่แววจะลดลงในอนาคตอันใกล้ เราจะทำอย่างไรกับคนสองกลุ่มนี้ กลุ่มแรกมีเงินเหลือเฟือแต่ไม่มีที่ใช้ คนกลุ่มหลังมีจำนวนเหลือเฟือแต่ไม่มีเงินให้ใช้ หาโอกาสทางการตลาดและธุรกิจกับสองกลุ่มนี้ให้เจอครับ

3. ปี 2023 คนไทยเข้าถึงอินเทอร์เน็ต 85.3% แล้ว

ดูเหมือนว่าความเจริญทางออนไลน์ หรืออาจจะเรียกว่า Digitalization ประเทศไทยเราไม่น้อยหน้าใคร เพราะเรามีสัดส่วนคนที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้สูงถึง 85.3% แล้ว นั่นหมายความว่าแทบทุกคนในประเทศล้วนออนไลน์กันหมดแล้ว ถ้าใครยังคิดว่าลูกค้าเราไม่ออนไลน์ คุณกำลังคิดผิดและผมอยากให้รีบคิดใหม่

และอยากให้ตั้งคำถามใหม่ว่า “กลุ่มเป้าหมายเรานั้นออนไลน์แบบไหน และอย่างไร?” เพื่อที่เราจะได้เข้าถึงเค้าด้วย Digital Marketing ได้มากขึ้น และมีประสิทธิภาพมากกว่าปีก่อนที่ทำมาครับ

4. ปี 2023 คนไทยออนไลน์ลดลงจากปีก่อน เหลือ 8 ชั่วโมง 6 นาที

แม้คนไทยจะออนไลน์เยอะขึ้น แต่จำนวนชั่วโมงที่ออนไลน์กลับลดลงอย่างน่าตกใจ เพราะในปี 2022 คนไทยเฉลี่ยแล้วออนไลน์วันละ 9 ชั่วโมง 6 นาที ในปี 2023 นี้เหลือแค่ 8 ชั่วโมง 6 นาทีเท่านั้น

เท่ากับว่าหายไปหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ โอกาสที่นักการตลาดเราจะใช้ช่องทางการตลาดออนไลน์ Digital Marketing เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย แต่เทรนด์นี้ก็เกิดขึ้นในภาพรวมทั่วโลกอย่างน่าสนใจ เมื่อจำนวนชั่วโมงที่คนทั่วโลกออนไลน์ก็ล้วนลดลงเหมือนๆ กัน

นั่นอาจเป็นเพราะว่าเราออนไลน์กันมาเยอะมากพอจากช่วงล็อกดาวน์เพื่อลดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 พอเราเริ่มกลับมาเปิดเมือง เปิดประเทศอย่างเต็มที่ ก็ทำให้ผู้คนอยากออกไปใช้ชีวิตทำกิจกรรมที่ไม่ออนไลน์มากขึ้นแทนก็เป็นได้ครับ

ดังนั้นตอนนี้เรารู้แล้วนะครับว่าคนออนไลน์น้อยลงกันถ้วนหน้า แล้วเราจะทำอย่างไรให้การตลาดเรายังอยู่ตรงหน้าลูกค้าด้วยเวลาไม่ลดลงครับ

5. คนไทยที่มีมือถือเล่นอินเทอร์เน็ตถึง 95.3% ในปี 2023

Digital Stat ข้อนี้อ่านดีๆ นะครับ คนไทยที่มีมือถือทั้งหมด เข้าอินเทอร์เน็ตด้วยมือถือตัวเองถึง 95.3% แต่ไม่ใช่คนไทย 95.3% ที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตนะครับ

แต่นั่นก็บอกให้รู้ว่าเมื่อทุกคนมีมือถือ ก็ตีความต่อได้ว่าเกือบทุกคนเล่นอินเทอร์เน็ตเหมือนกันหมด เรียกได้ว่าไม่น้อยหน้าชาติใดในโลก คนไทยวันนี้เล่นอินเทอร์เน็ตกันเป็นปกติครับ

6. ปี 2023 คนไทยใช้เน็ตบนมือถือเป็นอันดับ 4 ของโลก

นอกจากคนไทยเราจะเล่นอินเทอร์เน็ตบนมือถือได้เก่งไม่แพ้ชาติใดในโลกแล้ว เรายังใช้เวลาในการเล่นเป็นอันดับ 4 ของโลก คือนานถึง 5 ชั่วโมง 5 นาที เรียกได้ว่าแทบไม่ละสายตาจากหน้าจอไปไหนเลย ส่วนชาติที่ใช้เวลาในการเล่นเน็ตบนมือถือน้อยที่สุดกลับเป็นญี่ปุ่น ชาติที่ดูเจริญแล้วมากๆ พวกเขา

7. ปี 2023 คนไทยเข้าเน็ตผ่านคอมพิวเตอร์น้อยกว่าค่าเฉลี่ยโลก

แม้ในเรื่องการเข้าถึงเน็ตผ่านมือถือของคนไทยจะติดอันดับต้นๆ ของโลก แต่พอเป็นเรื่องการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านคอมพิวเตอร์กลับน้อยมากจนน่าตกใจ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลกไปเยอะมากครับ

เพราะค่าเฉลี่ยโลกอยู่ที่ 65.6% แต่ประเทศไทยเรานั้นกลับอยู่แค่ 47.6% ดังนั้นเวลาจะทำคอนเทนต์ เวลาจะปรู๊ฟงาน อย่าลืมเช็คจากหน้าจอมือถือเป็นหลัก ไม่ใช่ทำบนคอมแล้วตรวจบนคอม ทำให้หลายครั้งเนื้อหาในภาพมันเล็กเกินจะเข้าใจ จนกลุ่มเป้าหมายเห็นแล้วจับใจความไม่ทัน และแน่นอนว่าไม่มีใครจะตั้งใจมาดูคอนเทนต์ที่คุณทำขนาดนั้นครับ

ง่าย ชัด ใหญ่ๆ จำให้ขึ้นใจ แล้วก็เอาทีละประเด็น ไม่ต้องยัดทุกอย่างในโพสเดียวเหมือนโบชัวร์สมัยก่อนนะครับ

8. ปี 2023 คนไทยออนไลน์ผ่านคอมพิวเตอร์วันละ 3 ชั่วโมง 1 นาที

แม้สัดส่วนการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านคอมพิวเตอร์จะน้อย แต่จำนวนชั่วโมงในการใช้อินเทอร์เน็ตเราไม่ขี้เหร่นะครับ เพราะค่าเฉลี่ยการใช้อินเทอร์เน็ตด้วยคอมพิวเตอร์ทั่วโลกนั้นอยู่ที่ 2 ชั่วโมง 51 นาที แต่คนไทยเราขยับไปถึง 3 ชั่วโมง 1 นาที ส่วนชาติที่ใช้อินเทอร์เน็ตผ่านคอมพิวเตอร์นานที่สุดกลับเป็นแอฟริกาใต้ นานถึง 4 ชั่วโมง 21 นาทีครับ

9. สัดส่วนการใช้เวลาเล่นอินเทอร์เน็ตระหว่างคอมพิวเตอร์กับมือถือของคนไทยในปี 2023

ภาพนี้ทำให้เห็นว่าจากเวลาที่คนไทยออนไลน์ทั้งหมดนั้นเมื่อนับเป็นสัดส่วนเปอร์เซนต์ระหว่างคอมพิวเตอร์กับมือถือ คนไทยเล่นอินเทอร์เน็ตบนมือถือมากถึง 62.8% และอีก 37.2% นั้นเล่นผ่านคอมพิวเตอร์แทน

สรุปง่ายๆ ได้ว่าเวลาที่ออนไลน์ทั้งหมดเกือบ 2 ใน 3 นั้นเข้าผ่านมือถือเป็นหลัก รู้แบบนี้ยิ่งต้องหันมาโฟกัสกับ Mobile Experience First นะครับ

แต่ในขณะเดียวกันเมื่อดู Data แยกตามช่วงอายุของสัดส่วนการออนไลน์ด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ก็พบว่ายิ่งสูงวัยมากเท่าไหร่ ยิ่งมีสัดส่วนการออนไลน์ด้วยอุปกรณ์หน้าจอใหญ่อย่างคอมพิวเตอร์มากขึ้นเท่านั้น

ทีนี้ก็ต้องกลับมาสำรวจกลุ่มเป้าหมายลูกค้าหลักของธุรกิจเรานิดนึง ว่าพวกเขาอยู่ในวัยไหน ถ้าวัยรุ่นก็ต้องเน้นมือถือให้มาก ถ้าวัยกลางชราขึ้นไปก็ต้องเน้นคอมพิวเตอร์ให้มากขึ้นครับ

10. ความเร็วอินเทอร์ของคนไทยในปี 2023

จากข้อมูลในรายงาย Digital Report 2023 ล่าสุดบอกให้รู้ว่าความเร็วในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านมือถือของคนไทยวันนี้อยู่ที่ 37.85 Mbps สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกเล็กน้อย

แต่เมื่อเทียบกับความเร็วเน็ตบ้านไทยเรานั้นยังสูงติดอันดับต้นที่ 4 ของโลก เฉลี่ยอยู่ที่ 206 Mbps แต่ถ้าดูจากป้ายโฆษณาเน็ตบ้านไฟเบอร์ส่วนใหญ่ที่เราเห็นมักจะอยู่ที่ 500 Mbps ไปจนถึง 1 Gbps แล้วด้วยซ้ำ

แล้วเมื่อเอามาเทียบเป็นสัดส่วนระหว่างกันพบว่าความเร็วเน็ตบ้านเราสูงกว่ามือถือถึง 5.4 : 1 ครับ

11. เหตุผลในการออนไลน์ 2023

  1. หาข้อมูล 57.8%
  2. ติดต่อกับเพื่อนหรือคนในครอบครัว 53.7%
  3. ติดตามข่าวสาร 50.9%
  4. ดูวิดีโอ หนัง หรือรายการทีวี 49.7%
  5. หาข้อมูลวิธีทำอะไรสักอย่าง 47.6%
  6. หาไอเดียใหม่ๆ 44.3%
  7. หาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือแบรนด์ที่กำลังสนใจ 43.4%
  8. ฟังเพลงออนไลน์ 43.2%
  9. เล่นเน็ตฆ่าเวลาว่าง 41%
  10. เรียนออนไลน์ 38.3%

12. เหตุผลในการเข้าเว็บหรือแอป 2023

  1. แชท 94.8%
  2. โซเชียลมีเดีย 94.6%
  3. Google 81.8%
  4. ช้อปปิ้งออนไลน์ 76%
  5. ดูแผนที่ 55%
  6. Email 48.9%
  7. ฟังเพลง 46.3%
  8. อ่านข่าว 41.4%
  9. เช็คสภาพอากาศ 41.1%
  10. Entertainment 39.7%

13. สัดส่วนการเข้าเว็บจากมือถือของคนไทยในปี 2023

สัดส่วนการเข้าเว็บผ่านมือถือของคนไทยมีมากถึง 68% สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่อยู่ที่ 59% และเมื่อดูข้อมูลชุดนี้ย้อนหลังจะเห็นว่าสัดส่วนการเข้าเว็บผ่านมือถือของคนทั่วโลกนั้นไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นแต่อย่างไร แถมยังมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อย ถ้าให้สรุปว่านิ่งที่ตัวเลขประมาณ 59-60% ก็ไม่ผิดครับ

14. Voice Search Trend 2023 ลดลงจากปีก่อน

น่าแปลกใจที่เทรนด์การใช้ Voice Search หรือการใช้เสียงเพื่อหาข้อมูลผ่าน Google หรือ Siri เรากลับลดลงจากปีก่อนๆ จากค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่มีผู้ใช้งาน 21.7% แต่ในไทยเรากลับมีผู้ใช้เหลือแค่ 18.4% เท่านั้น และดูเหมือนแนวโน้มทั่วโลกก็จะไม่ได้มีการใช้งาน Voice Search เพิ่มขึ้นแต่อย่างไร

แล้วยิ่งดูจากข้อมูลด้านอายุที่ใช้งานกลับพบว่าคนรุ่นใหม่ วัยรุ่นไม่ได้ใช้ระบบการค้นหาข้อมูลด้วยเสียงแบบ ok google เพิ่มขึ้นตามวัยที่น้อยลงอย่างที่เคยคาดการณ์กัน จากที่เคยต้องโฟกัส Voice Search เป็นหนึ่งใน Customer Experience หลัก ก็อาจวางใจลงได้บ้าง แต่ก็อย่าลืมว่ามีผู้ใช้งานตั้งเกือบ 1 ใน 5 ของคนไทยที่ใช้ Voice Search ผ่านการพูดว่า Ok Google หรือ Hey Siri ไม่น้อยนะครับ

15. 34.8% ของคนไทยใช้การถ่ายรูปหรืออัพโหลดภาพเพื่อหาข้อมูลแทนการพิมพ์ในปี 2023

ดูเหมือนเทรนด์การหาข้อมูลจะพัฒนาจากเสียงมาเป็นการถ่ายรูปหรืออัพโหลดภาพเพื่อหาข้อมูลแทน เพราะจากค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 28.4% แต่คนไทยเรากับพัฒนาไปกว่านั้น เพราะมีการใช้ภาพหาข้อมูลมากถึง 34.8% ติดอันดับ Top 10 ของโลกในเรื่องนี้

ดูเหมือนว่าเมื่อเทคโนโลยี Computer Vision มีการพัฒนามากขึ้น โปรแกรมก็สามารถเข้าใจรูปภาพที่เราถ่ายอัพโหลดขึ้นไปได้ดีขึ้น โดยเฉพาะสายช้อปปิ้งออนไลน์ เสื้อผ้าแฟชั่นออนไลน์ ที่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้มาก เจอชุดสวยๆ ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องไปพิมพ์เสิร์จหา แต่ใช้การอัพโหลดภาพขึ้นไปหาชุดที่ดูสวยเหมือนกันแทน

และดูเหมือนพฤิกรรมนี้จะเป็นที่นิยมในหมู่คนอายุน้อยมากกว่าคนสูงอายุ โดยเฉพาะกับผู้หญิงก็มีสัดส่วนการใช้งานในช่วงวัยเดียวกันมากกว่าผู้ชายพอสมควร

16. คนไทยใช้แอปแปลภาษาหรือ Google Translator มากถึง 41.8% ในปี 2023

ดูเหมือนว่าการใช้แอปหรือเว็บแปลภาษานั้นจะเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่คนไทยไม่เสื่อมคลาย เพราะจากรายงาน Thailand Digital Stat Insight 2023 บอกให้รู้ว่ามีคนไทยใช้บริการแปลภาษาออนไลน์สูงถึง 41.8%

ดูเหมือนว่านอกจากทักษะเรื่อง Digital Literacy ที่หน่วยงานภาครัฐให้ความสำคัญจะอัพสกิลคนไทยแล้ว ดูเหมือนทักษะเรื่องการแปลภาษา การเข้าใจภาษาอังกฤษนั้นจะสำคัญไม่แพ้กัน ลองเอาไปใช้วางนโยบายปีถัดๆ ไปนะครับ

17. คนไทยเรียนรู้ผ่านวิดีโอออนไลน์แค่ 32.7% ในปี 2023

ตัวเลข 32.7% ดูเหมือนเยอะแต่ผมบอกว่าน้อยเพรา ะเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยการเรียนรู้ด้วยตัวเองผ่านออนไลน์ โดยเฉพาะวิดีโอออนไลน์จากทั่วโลกที่สูงถึง 43% บอกให้รู้ว่าเรายังเรียนรู้ผ่านวิดีโอออนไลน์ในเรื่องต่างๆ ได้ไม่มากพอ และยิ่งเมื่อเทียบกับอันดับหนึ่งอย่างประเทศฟิลิปปินส์ที่ดูใกล้เคียงกับไทยเรามากๆ กลับสูงอย่างน่าตกใจเพราะมากถึง 64% ครับ

ดูเหมือนเราต้องกระตุ้นเรื่องนี้กันให้มากขึ้น ให้คนไทยเรียนรู้ด้วยตัวเองผ่านวิดีโอออนไลน์กันให้มากกว่านี้

18. คนไทยและทั่วโลกแทบจะดูทีวีผ่านแอปหมดแล้วในปี 2023

การดูทีวีหรือรายการทีวีวันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นที่หน้าทีวีอีกต่อไป แต่เกิดขึ้นผ่านแอป หรือมือถือเป็นหลัก เพราะกว่า 95.4% ของคนไทยนั้นดูรายการทีวีผ่านอินเทอร์เน็ตเรียบร้อยแล้ว

แม้แต่คนที่มีทีวีที่บ้านแบบผมยังเลือกดูรายการทีวีผ่านแอปและอินเทอร์เน็ตอีกทีเลย ดูเหมือนการดูทีวีผ่านเสาสัญญาณแบบเดิมจะหมดไป ดังนั้นดูเหมือนว่าช่องทางการโฆษณาผ่านแอปดูทีวีที่นอกเหนือจากโฆษณาคั่นรายการทีวีทั่วก็ก็น่าจะทำรายได้ให้เจ้าของแอปดูทีวีไม่น้อยเลยทีเดียว

19. คนไทยฟังเพลงออนไลน์ 36.9% ในปี 2023

ดูเหมือน Insight การฟังเพลงออนไลน์ของคนไทยในปี 2023 นั้นอยู่ในระดับใกล้เคียงค่าเฉลี่ยของการฟังเพลงออนไลน์จากทั่วโลก เพราะของไทยเราอยู่ที่ 36.9% (มากกว่าหนึ่งในสาม) ส่วนทั่วโลกนั้นอยู่ที่ 39.1% ถือว่าตัวเลขไม่ห่างกันอย่างน่าเกลียดครับ

นั่นหมายความว่าการทำโฆษณาผ่านแอป Streaming Music ต่างๆ จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มองข้ามไม่ได้

แล้วตัวเลขการฟังเพลงออนไลน์เมื่อแยกตามช่วงวัยก็พบว่า กลุ่มวัยรุ่น Gen Z กับ Gen Y ให้ความนิยมในการฟังเพลงออนไลน์มาก จะมีน้อยที่สุดก็คือกลุ่ม Silver age 55 ปีขึ้นไป ที่มีการฟังเพลงออนไลน์อยู่แค่ 27.1% กับ 28.5% เท่านั้นเอง

แล้วเมื่อเทียบกับเทรนด์การฟัง Podcast หละเป็นอย่างไร

20. Insight การฟัง Podcast คนไทย 2023

คนไทย 21.8% ฟัง Podcast ในปี 2023 เทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่อยู่ที่ 21.2% ก็ถือว่ามากกว่าแค่เล็กน้อยเท่านั้น ดูเหมือนว่ากระแสความนิยม Podcast บ้านเรานิ่งมาสักระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้นใครจะลงทุนใน Podcast เพิ่มอาจต้องลองคิดคำนวนให้ดู ว่ามันตรงกับ Strategy และกลุ่มเป้าหมายเราจริงๆ หรือเปล่า

21. คนไทยเล่นเกมสูงเป็นอันดับ 4 ของโลก

จาก Thailand Data Stat Insight 2023 บอกให้รู้ว่าคนไทยเล่นเกมกันเยอะมากกกกกก มากขนาดว่าสูงถึง 92.3% จากผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั้งหมด นับเป็นอันดับ 4 ของโลก

ดูเหมือนผมจะเป็นแค่คนส่วนน้อยของ 7.2% ที่ไม่เล่นเกมใดๆ เลย ใครไม่เล่นเกมเราคือเพื่อนกันครับ และนั่นก็บอกให้รู้ว่าการตลาดผ่าน Esport เกมออนไลน์ นั้นเป็นช่องทางหลักในการเข้าถึงคนไทยจำนวนมาก หรือถ้าจะใช้คำว่า Game is New Mass ก็ไม่ผิดนัก

และอยากบอกว่าการตลาดผ่านเกมนั้นทำยอดขายได้ปังกว่าที่นักการตลาดรุ่นเก่าหลายคนคิด แต่ต้องเลือกเกมดีๆ แต่การจะเลือกเกมดีๆ ได้ก็ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่แพงไม่น้อย

แต่ถ้าลงในรายละเอียดของ Insight การเล่นเกมของคนไทยเพิ่มเติมให้อีกนิด ในเรื่องของการเล่นเกมคอนโซล หรือเครื่องเกมอย่าง PS4 หรือ PS5 คนไทยเราก็ใช้เวลาเฉลี่ยวันละ 1 ชั่วโมง 43 นาทีในการเล่นเกมผ่านเครื่องเกมจริงจัง

ถือได้ว่านานเป็นอันดับสองของโลก เยอะกว่าค่าเฉลี่ยโลกมากกว่าที่คิด สรุปสั้นๆ ได้ว่าคนไทยเรารักการเล่นเกมไม่แพ้ชาติใดในโลก นักการตลาดคนไหนรู้จุดนี้แล้วอย่าลืมทำการตลาดผ่านช่องทางเกมทั้งหลายที่คนไทยชอบเล่นกันด้วยนะครับ

22. Insight Smart Home Device อุปกรณ์ IoT ของคนไทยในปี 2023

ดูเหมือนตลาดอุปกรณ์ Smart Home บ้านอัจฉริยะจาก IoT ในบ้านเรานั้นยังไม่โตมาก เพราะจากข้อมูลล่าสุดบอกให้รู้ว่ามีแค่ 6.7% ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตไทยเท่านั้นที่เป็นเจ้าของอุปกรณ์ดังกล่าว แล้วยิ่งเมื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมจากภาพด้านล่างจะเห้นว่า มีสัดส่วนของบ้านที่มีอุปกรณ์ Smart Home ภายในบ้านแค่ 12.9% เท่านั้น

อย่างบ้านผมก็มีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต่ออินเทอร์เน็ตได้หลายชิ้น ไม่ว่าจะหุ่นยนต์ดูดฝุ่น หลอดไฟเซนเซอร์ เครื่องสักผ้าสั่งงานผ่านแอป และทีวีต่ออินเทอร์เน็ตครับ

แม้ตัวเลขผู้ใช้งานจะดูน้อยจนน่าท้อใจ แต่อีกแง่มุมหนึ่งก็หมายความว่าโอกาสของตลาดที่จะเติบโตยังมีอยู่อีกมหาศาล

23. Insight คนไทยกับการใช้ QR Code ในปี 2023

จากข้อมูลบอกให้รู้ว่าคนไทยใช้ QR Code ได้ดีติดอันดับ 5 ของโลก สูงถึง 54.1% จากการสแกนจ่ายเงินในชีวิตประจำวันมากมาย สรุปง่ายๆ คือมากกว่าครึ่งสแกน QR Code เป็นประจำ ร้านคุณมี QR Code หรือยังครับ?

แต่ในขณะเดียวกันกลับมีคนไทยแค่ 30.5% เท่านั้นที่ทำธุรกรรมทางการเงินบนออนไลน์ หรือผ่านแอปมือถือ ไม่ว่าจะเป็นการทำบัญชี การลงทุน หรือการซื้อประกัน

คือเราต้องแยกระหว่างการสแกน QR Code ทั่วไปที่อาจหมายถึงการสแกนเพื่อรับข้อมูล หรือการสแกนเพื่อจ่ายเงิน กับการเปิดแอปธนาคารเพื่อทำธุรกรรมจริงจังอย่าง ฝาก จ่าย โอน ถอน ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจถ้าทำไมเวลาผ่านหน้าธนาคารสาขาต่างๆ จึงยังเห็นผู้คนชาวบ้านจำนวนมากต่อคิวกันยาวเหยียดจนล้นออกมานอกสาขาครับ

24. คนไทยถือครองคริปโตเป็นอันดับ 4 ของโลก

ดูเหมือนกระแสคริปโตในบ้านเรายังไม่แผ่ว แม้ตลาดจะแตกไปแล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าสัดส่วนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตของไทยนั้นมีมากถึง 21.9% ที่ถือครองคริปโตอยู่ แต่ข้อมูลนี้บอกแค่จำนวนผู้ถือครองเท่านั้นนะครับ ไม่ได้บอกว่าถือรวมกันเยอะเป็นอันดับ 4 ของโลกแต่อย่างไร

และยิ่งเอาไปเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกแล้วที่มีการถือครองคริปโตในหมู่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตแค่ 11.9% เท่านั้น เรียกได้ว่าคนไทยเรามีวิสัยทัศน์มองการไกลไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆ

25. เฉลี่ยคนไทยถือคริปโตแค่ 2,500 บาทเท่านั้น

แม้คนไทยเราจะถือคริปโตกันเยอะมากในแง่ของจำนวนผู้ถือ แต่พอดูดาต้าในมิติของจำนวนเงินที่ถือนั้นกลับมีมูลค่าแค่ 73.81 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยก็ราวๆ 2,400-2,500 บาทเท่านั้นเอง

ส่วนชาติที่ถือคลิปโตต่อหัวเยอะสุดคือสวิต สูงถึงสามหมื่นกว่าบาท สรุปง่ายๆ ว่าเราเล่นคริปโตกันเยอะมาก แต่เป็นมูลค่าตัวเงินจริงๆ กลับไม่ได้มากสักเท่าไหร่ (ยกเว้นพวกวาฬนะครับ)

26. Insight NFT กับคนไทยในปี 2023

รายงาน Digital Stat 2023 ปีนี้มีข้อมูลมูลค่าการถือครอง NFT มาเพิ่มจากปีก่อน ถือว่าดีครับ ทำให้เห็นว่าคนไทยถือชิ้นงาน NFT โดยเฉลี่ยแล้วเป็นมูลค่าเท่าไหร่ ณ ตัวเลขในต้นปี 2023 พบว่าคนไทยถือชิ้นงาน NFT เป็นมูลค่าแค่ 18 ดอลลาร์หน่อยๆ เท่านั้น ส่วนยอะสุดในโลกก็ยังคงเป็นชาวสวิต ที่ดูชีวิตจะดี๊ดีไปทุกด้าน ทั้งถือคริปโตก็เยอะ NFT ก็มากมูลค่าจริงๆ

27. คนไทย 15.8% หาหมอออนไลน์

ตั้งแต่โควิดมาคนทั่วโลกและคนไทยก็เรียนรู้ที่จะใช้บริการหาหมอออนไลน์กันมากขึ้น และนั่นก็ทำให้คนไทย 15.8% ในปี 2023 นั้นใช้บริการพบหมอออนไลน์ทุกสัปดาห์ แต่ยังถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยโลก ที่อยู่ที่ 24.9% แต่นั่นก็บอกให้รู้ว่ายังมีโอกาสทางธุรกิจด้านนี้อีกมากเช่นกันครับ

28. Insight คนไทยกับการเป็นเจ้าของ Smart Watch

คนไทยในวันนี้ใส่ Smart Watch กันมากถึง 19.1% ตีเป็นตัวเลขกลมๆ ก็เกือบ 1 ใน 5 ส่วนหนึ่งเพราะนอกจาก Apple Watch แล้วยังมีแบรนด์อื่นๆ ที่เข้ามาทำตลาดในราคาถูกๆ มากมาย อย่าง Mi เองก็เป็นแบรนด์หนึ่งที่คนนิยมไม่น้อย

ส่วนถ้าเพิ่มรายละเอียดเข้าไปอีกนิดในอุปกรณ์อย่าง Smart Wristband หรือสายรัดข้อมืออัจฉริยะอย่าง Fitbit ดูเหมือนว่าสัดส่วนการใช้อุปกรณ์เหล่านี้จะน้อยมาก อยู่ที่แค่ 8.2% เท่านั้น

อาจเพราะความสะดวกและความสามารถที่ใช้งานได้ครอบคลุมของ Smart Watch ต่างๆ ทำให้คนขยับไปซื้อเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้แทน ทำให้การซื้อแค่สายรัดข้อมือแบบเดิมไม่ตอบโจทย์ชีวิตประจำวันอีกต่อไป

30. Insight คนไทยกับการกังวลเรื่อง Privacy และ PDPA

เมื่อทำการสอบถามพบว่ามีคนไทยที่กังวลเรื่องข้อมูลส่วนบุคคลเพียงแค่ 27.3% เท่านั้น ยังน้อยกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่อยู่ที่ 32.2% นั่นหมายความว่าหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต้องให้ความรู้เรื่องข้อมูลส่วนบุคคลกับประชาชนให้มากขึ้น เพราะไม่อย่างนั้นเราคงเห็นข่าวข้อมูลหลุดรั่วไหลกันไม่รู้จบเป็นแน่

แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนไทยที่มากถึง 23.6% ที่ใช้ VPN เพื่อปกปิดตัวตนบนออนไลน์

แม้จะยังน้อยกว่าค่าเฉลี่ยโลกแต่ก็ไม่ได้ถือว่ามากแต่อย่างไร ก็ยังดีใจที่คนไทยจำนวนหนึ่งใส่ใจเรื่อง Privacy เป็นอย่างมาก เพราะวันนี้เรารู้แล้วว่า Digital Footprint นั้นสำคัญอย่างไรครับ

31. คนไทยใส่ใจเรื่อง Fake News เป็นอันดับ 9 ของโลก

จากดาต้าข้อนี้น่าชื่นใจ เพราะคนไทยกว่า 62.3% นั้นใส่ใจเรื่อง Fake News เป็นอย่างมาก ไม่แชร์อะไรง่ายๆ มั่วๆ เหมือนเมื่อก่อนสักเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งเพราะคนไทยเองก็เจอ Fake News จากทางภาครัฐในช่วงที่ผ่านมาไม่น้อย เช้าบอกอย่าง เย็นบอกอย่าง ทำให้คนไทยเรามีความระแวดระวังรอบด้าน แต่อีกด้านก็บอกให้รู้ว่ายังมีอีกกว่า 1 ใน 3 ที่ยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่อง Fake News อย่างจริงจังครับ

สรุป 31 Thailand Digital Stat Insight 2023 พฤติกรรมการออนไลน์ของคนไทยที่เปลี่ยนไป จากรายงาน We Are Social

ดูเหมือนว่าภาพรวมของพฤติกรรมการออนไลน์ของคนไทยจะสอดคล้องกับทั่วโลกอยู่ไม่น้อย ตั้งแต่การมีชั่วโมงออนไลน์ที่ลดลงจากปีก่อนเกือบชั่วโมง ส่วนเหตุผลในการใช้อินเทอร์เน็ตหลักๆ ยังคงเหมือนเดิม หาข้อมูล ติดต่อเพื่อน อัพเดทข่าว

สัดส่วนการใช้ Voice Search ที่ไม่ได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนแต่อย่างไร ส่วนการเรียนรู้ด้วยตัวเองผ่านวิดีโอออนไลน์ก็ยังไม่ได้เยอะมากอย่างที่ควรจะเป็น ส่วนรายการทีวีก็ยกมาดูบนออนไลน์หมดแล้ว

แต่ประเด็นที่แน่ๆ คือคนไทยเล่นเกมกันหนักมาก ถ้าภาษาชาวบ้านแบบผมคือ “บ้าเกมกันสุดโต่ง” ดังนั้นเกมคือช่องทางการตลาดที่สำคัญในปัจจุบัน ถ้าอยากเข้าถึงคนไทยที่ออนไลน์ 93% ต้องเตรียมกลยุทธ์ Game & Esport Marketing ที่จะนำไปสู่ยอดขายก้อนใหญ่ในปีนี้ครับ

และทั้งหมดนี้ก็เป็น 31 Thailand Digital Stat Insight 2023 สำคัญที่อยากให้เพื่อนๆ นักการตลาดและคนทำธุรกิจได้รู้ เข้าไปอ่านรายงานตัวเต็มต่อได้เลยครับ > https://wearesocial.com/uk/blog/2023/01/digital-2023/

อ่านสรุป 14 Thailand Social Stat Insight 2023 ล่าสุดในการตลาดวันละตอนต่อ

Nattapon Muangtum

เจ้าของเพจการตลาดวันละตอน / อาจารย์พิเศษวิชา Data-Driven Communication / เขียนหนังสือมาแล้ว 5 เล่ม Personalized Marketing, Data-Driven Marketing, Data Thinking, Contextual Marketing และ Social Listening / ที่ปรึกษา Data-Driven Advisor

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *