นักการตลาดจะทำอย่างไรเมื่อลูกค้ากว่า 1 ใน 3 อยากได้อะไรที่ Personalised จริงๆ

นักการตลาดจะทำอย่างไรเมื่อลูกค้ากว่า 1 ใน 3 อยากได้อะไรที่ Personalised จริงๆ

เมื่อความต้องการสินค้าหรือบริการแบบ Personalisation กำลังกลายเป็นเรื่องแมสๆที่ใครๆก็ต้องการเหมือนกันมากขึ้นทุกที เมื่อผู้บริโภคกว่า 36% บอกว่าอยากได้สินค้าหรือบริการที่เป็น Personalised หรือทำมาเพื่อชั้นเท่านั้น!

โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปีลงไปยิ่งต้องการสินค้าหรือบริการที่ Personalised มากกว่านั้นอีก เพราะในคนที่อายุระหว่าง 16-24 ปี มีความต้องการแบบ Personalised มากถึง 43% ส่วนคนที่อายุระหว่าง 25-30 ปีต้องการความเป็น Personalised มากถึง 46%

แต่ทั้งที่ผู้บริโภคมีความต้องการสินค้าหรือบริการแบบ Personalised มากขนาดนี้ กลับมีแค่ 1 ใน 6 เท่านั้นที่สามารถหาซื้อได้

ธุรกิจที่จะอยู่รอดและเติบโตได้ต่อจากนี้ ไม่ใช่แค่พัฒนาสินค้าหรือบริการที่ผู้บริโภคแต่ละคนอยากได้แบบเฉพาะคนเท่านั้น แต่ยังต้องดึงพวกเขาให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการคิด และการผลิตสินค้าเพื่อพวกเขาเองให้ได้ด้วย ไม่ใช่คุณมาบอกผมว่า “เฮ้ นี่ไง เราออกแบบเสื้อตัวนี้มาเพื่อคุณคนเดียวบนโลกเลยนะ” ผมได้ยินแบบนี้ก็คงทำหน้างงว่า “แล้วไอ้ดีไซน์นี้ที่ออกแบบมามันเกี่ยวกับผมยังไง?”

ด้วย data ของผู้บริโภคและเทคโนโลยีการผลิตที่ดีขึ้นมากมาย ส่งผลให้การผลิตแบบเฉพาะคนหรือ Personalisation นั้นมีต้นทุนต่ำลงกว่าเมื่อก่อนมาก

และหลายธุรกิจก็พยายามปรับปรุงสินค้าหรือบริการของตัวเองให้ไปสู่การปรับแต่งด้วยตัวเองได้ในแบบที่ลูกค้าแต่ละคนต้องการ และสิ่งนี้จะทำให้ระบบสินค้าคงคลังของหน้าร้านค้านั้นเกิดประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย อีกหน่อยร้านค้าไม่จำเป็นต้องสต็อกสินค้าหลายๆไซส์ไว้มากๆเพื่อเผื่อเหลือเผื่อขาดอีกต่อไป เพราะสามารถเอาของไซส์เดียวมาปรับแต่งได้ตามความต้องการของลูกค้าแต่ละคนได้ทันที หรืออย่างมากก็ไปเดินเล่นรอซัก 30 นาทีก็ได้

แต่อย่างไรก็ตาม การปรับแต่งให้ได้อย่างใจหรือ Customisation นั้นก็ยังไม่เทียบเท่ากับการทำให้สินค้าหรือบริการนั้นตรงใจโดยลูกค้าไม่ต้องทำอะไรเลย นั่นคือข้อได้เปรียบของการ Personalisation ที่เรากำลังพูดถึงในวันนี้

และ 3 ประเภทสินค้าที่ผู้บริโภคต้องการให้ Personalisation มากที่สุดก็คือ การท่องเที่ยว 25%, เสื้อผ้า 19% และ เฟอร์นิเจอร์ 18% ถ้าแบรนด์ไหนใน 3 ธุรกิจนี้สามารถให้บริการแบบ Personalised ได้ก่อน ก็เตรียมคว้าเงินในกระเป๋าลูกค้าไปก่อนได้เลยครับ เพราะผู้บริโภคกว่า 71% บอกว่ายินดีที่จะจ่ายแพงขึ้นถ้าได้อะไรที่ตรงใจโดยไม่ต้องพูดมาก

ดังนั้นถ้าธุรกิจหรือแบรนด์ไหนไม่ได้เตรียมตัวสำหรับการ Personalisation ไว้ ก็เตรียมตัวยอดขายตกกำไรหดหาย แม้กระทั่งลูกค้าเก่าจะบ้ายบายไปหาแบรนด์ใหม่ที่พร้อมจะเข้าใจได้ทันทีครับ

อ่านเทรนด์ Personalised Marketing ต่อ https://www.everydaymarketing.co/?s=personalize

Personalised marketing

Source: https://www2.deloitte.com/uk/en/pages/press-releases/articles/one-in-three-consumers-wants-personalised-products.html

Nattapon Muangtum

เจ้าของเพจการตลาดวันละตอน / อาจารย์พิเศษวิชา Data-Driven Communication / เขียนหนังสือมาแล้ว 5 เล่ม Personalized Marketing, Data-Driven Marketing, Data Thinking, Contextual Marketing และ Social Listening / ที่ปรึกษา Data-Driven Advisor

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

คุณคิดว่าปัญหา PM 2.5 ที่เชียงใหม่วิกฤตหรือยัง ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถามก่อนอ่านการตลาดวันละตอน แล้วเราจะเอาไปทำเป็น Infographic โชว์หน้าเพจให้รู้ด้วยกัน