วิเคราะห์ลงลึก Lazy Consumer หรือลูกค้าไม่ได้ขี้เกียจ แต่อาจจะ Busy มากขึ้น
จากงานสัมมนาการตลาด Lazy Consumer ของวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล หรือ CMMU ในหัวข้อ ตลาดคนขี้เกียจ : Lazy Marketing ที่ว่าทำอย่างไรให้ขายได้ในยุคที่คนอยากซื้อ แต่ไม่อยากขยับตัว เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา ผม การตลาดวันละตอน ได้รับเชิญให้เข้าร่วมฟังผลสรุปจากงานวิจัยในครั้งนี้ และก็พบว่ามีหลายประเด็นที่น่าสนใจ จากการวิเคราะห์ในอีกมุมมองของตัวเองที่เป็นที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์การตลาด ให้กับเพื่อนๆพี่ๆนักการตลาดได้จับประเด็นสำคัญไปทำงานกันต่อดังนี้ครับ
ความขี้เกียจนั้นไม่ได้เป็นแค่นิสัยส่วนบุคคล แต่เป็นไปถึงระดับพันธุกรรมหรือยีนด้วยซ้ำครับ
และเจ้ายีนตัวนี้ก็มีชื่อว่า SLC35D3 ที่คอยสั่งการให้มนุษย์เราหาทางขี้เกียจอยู่เสมอเมื่อสบโอกาส เพราะฉะนั้นถ้าใครบอกว่าคุณช่างขี้เกียจเหลือเกิน ครั้งหน้าก็ให้บอกว่า เราแค่เป็นไปตามธรรมชาติ เท่านั้นเองครับ แต่ถ้าหัวหน้าพูดก็อย่าสวนแบบนี้ล่ะ เดี๋ยวโดนสั่งให้เก็บของกลับบ้านทันทีจะโทษกันไม่ได้นะครับ
เพราะ Bill Gates ยังเคยบอกว่า “I choose a lazy person to do a hard job. Because a lazy person will find an easy way to do it.” หรือแปลเป็นไทยง่ายๆว่า เขาเลือกที่จะจ้างคนขี้เกียจ เพราะคนขี้เกียจมักจะหาทางที่สั้นที่สุดและง่ายที่สุดในการทำงานี่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จครับ
แต่อย่าเผลอไปจ้างคนขี้เกียจมั่วซั่งนะครับ ต้องเอาคนขี้เกียจที่มีความรับผิดชอบส่งงานตรงเวลาด้วยครับถึงจะได้ข้อนี้
ที่น่าสนใจคือกระแสความขี้เกียจไม่ได้มีแค่ในเมืองไทย แต่ยังไปไกลถึงระดับโลก เพราะจากเว็บช้อปปิ้งออนไลน์ชื่อดังของจีนอย่าง Taobao.com พบว่าเมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา ยอดขายสินค้าที่ช่วยเรื่องความสะดวกสบายขายดีขึ้นถึง 70% หรือคิดเป็นเงินกว่า 2.31 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือตีเป็นเงินไทยก็ไม่ต่ำกว่า 70,000 ล้านบาท และที่น่าสนใจอีกอย่างคือส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Generation Z หรือเป็นนักช้อปที่เกิดหลังปี 1995 เป็นต้นไปครับ
อ่านถึงตรงนี้แล้วคุณอาจสงสัยแล้วใช่มั้ยครับว่า “ไอ้ของประเภทที่ว่านั้นคืออะไร?” ผมมีรายการสินค้าของคนขี้เกียจมาให้ดู แล้วคุณจะทึ่งเหมือนที่ผมทึ่งมาแล้วในงานครับ
อายแชโดว์แบบปาดครั้งเดียวจบ ก็คนมันอยากสวยแต่ไม่มีเวลาอะ! นี่คือผลิตภัณฑ์ที่มีความนิยมสูงสุดใน Taobao บอกตรงๆตอบได้ยินครั้งแรกผมทึ่งมาก ไม่คิดว่าความขี้เกียจจะกลายเป็นอุปสรรค์ของความสวย เห็นโอกาสทางธุรกิจอีกมากมายเลยใช่มั้ยครับ ถ้าคุณสามารถทำให้ความสวยนั้นง่ายขึ้นได้อีกนิด รับรองว่าเงินจะไหลมาเทมาแน่นอนครับ
อันที่ 2 เป็นหม้อร้อนอเนกประสงค์ อยากทำอาหารแต่ขี้เกียจล้างเยอะ
อันที่ 3 เก้าอี้เล่นเกมปรับนอนได้ อยากนั่งเฉยๆไม่อยากลุกไปไหน
อันที่ 4 หุ่นยนต์ทำความสะอาดในบ้าน อยากให้บ้านสะอาดแต่ขี้เกียจทำ ข้อนี้จริงมากครับ เชื่อมั้ยครับว่าขนาดผมมีเจ้า iRobot ที่บ้านเป็นรุ่นที่ยังไม่สามารถตั้งเวลาทำงานอัตโนมัติเองได้ แต่เพียงแค่กดปุ่มเบาๆครั้งเดียวมันก็จะวิ่งไปกวาดทั่วห้องนอนด้วยตัวเอง มันง่ายขนาดนี้ผมยังขี้เกียจก้มลงไปกด หรือบางครั้งฝุ่นเต็มตัวเครื่องผมยังขี้เกียจถอดไปล้างทำความสะอาดเลยครับ
นักการตลาดครับ คุณเห็นโอกาสในการพัฒนาหุ่นยนต์ทำความสะอาดรุ่นใหม่ ที่ทำลายฝุ่นผงเองได้ด้วยแล้วเห็นมั้ยครับ
และจากความขี้เกียจหรือ Lazy Consumer ก็เลยทำให้เกิดเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Lazy Economy ที่โตแรงแซงความขี้เกียจมากครับ เช่น โดรนส่งกาแฟให้อัตโนมัติเมื่อรู้ว่าคุณเหนื่อย หรืออาหารที่ส่งเข้าตู้เย็นเมื่อคุณไม่อยู่บ้าน และบริการเติมน้ำมันถึงรถคุณไม่ว่าคุณจะจอดติดอยู่ที่ไหน
ช่างเป็นความขี้เกียจที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อชาติในด้านเศรษฐกิจจริงๆนะครับ
จากข้อมูลในงานนี้ก็บอกอีกว่า นี่เลยเป็นโอกาสครั้งใหม่และครั้งใหญ่ของบริษัท Startup มาใหม่เพื่อเอาใจคนขี้เกียจโดยเฉพาะ เพราะจากข้อมูลบอกว่า 34% นั้นเป็นบริษัทที่ทำมาเพื่อตอบโจทย์คนขี้เกียจ (ผมว่าตัวเลข 66% น่าจะเป็นไม่ตอบโจทย์ความขี้เกียจนะครับ เพราะไม่อย่างนั้นคงมีแต่บริษัทเพื่อคนขี้เกียจจนไม่เหลือให้คนปกติเหลือที่ยืนบ้างเลยครับ)
Stitch Fix สร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาความขี้เกียจคิดว่าจะซื้อหรือจะใส่อะไรดีนะ โดย Stitch Fix นี้จะส่งชุดตั้งแต่หัวจรดเท้ามาให้คุณประหนึ่งมี Stylist เป็นเพื่อนสนิทอยู่ตรงข้ามบ้านเลยครับ
หมดปัญหาซักทีกับประโยคเดิมๆที่คุณผู้หญิงชอบบอกว่า “ไม่มีชุดจะใส่” ทั้งๆที่มีชุดอยู่เต็มตู้นี้นะ ผมแนะนำว่าหนุ่มๆควรสมัครสมาชิก Stitch Fix นี้ให้แฟนสาวถึงจะดีที่สุดครับ
Blue Apron สำหรับคนที่อยากทำอาหารดีๆกินเองที่บ้าน แต่ก็ขี้เกียจออกไปตลาด ไหนจะต้องจอดรถ ไหนจะต้องเดินเลือก ไหนจะต้องต่อแถวจ่ายเงิน ไหนจะต้องขนขึ้นรถ ไหนจะต้องกลับบ้าน เพียงแค่คุณบอกในระบบของ Blue Arpon ว่าคุณอยากกินอะไร เพียงเท่านี้วัตถุดิบชั้นดีทุกอย่างที่คุณต้องมีก็จะมาส่งถึงบ้านครับ
แต่ถ้าคุณขี้เกียจขนาดขี้เกียจโหลดแอพ ผมว่าอันนี้คงไม่มี Startup ล้ำโลกไหนจะช่วยได้แล้วล่ะครับ
หรือไม่ใช่แค่บริษัทสตาร์อัพที่มอบบริการใหม่ๆให้แก่ Lazy Consumer เท่านั้น แต่ยังมีนวัตกรรมใหม่ๆที่ทำมาเพื่อคนขี้เกียจอย่างเราๆด้วยครับ เริ่มต้นที่ Foldimate
FoldiMate เครื่องพับผ้าอัตโนมัติ ปัญหาการซักแล้วขี้เกียจพับของคุณจะหมดไปในพริบตา ถ้าคุณขยันหาเงินเพิ่มอีกนิดเพื่อซื้อเจ้าเครื่องพับผ้าเครื่องนี้ สนนราคาก็เบาๆ แค่ประมาณสามหมื่นบาทเท่านั้นเองครับ
หรือถ้าคุณจะขี้เกียจเสียเวลาวันละ 2 นาทีเพื่อแปรงฟันก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เพราะวันนี้โลกเรามีนวัตกรรมเพื่อคนขี้เกียจแปรงฟันเรียบร้อยแล้ว
Y-Brush เครื่องแปรงฟันอัจฉริยะที่ใช้เวลาแค่ 10 วินาทีเท่านั้น แถมแค่กัดแล้วคาบไว้เฉยๆ ไม่ต้องขยับข้อมือข้อแขนให้รู้สึกเมื่อยล้าอ่อนเพลียแต่อย่างไรครับ
และจากการสำรวจผ่านการสัมภาษณ์ และเก็บข้อมูลผ่านแบบสอบถาม จากคนมากกว่า 1,200 คน โดยแบ่งผู้ตอบคำถามในแต่ละช่วงวัยออกมาเป็นดังนี้ครับ
Babyboomer 109 คน
Gen X 319 คน
Gen Y 510 คน
Gen Z 262 คน
โดยแบ่งออกเป็นผู้ชาย 346 คน และผู้หญิง 854 คนครับ
และนี่คือ 10 อันดับที่คนไทยขี้เกียจมากที่สุดครับ
- ออกกำลังกาย 84%
- รอคิวซื้อของ 81%
- ทำความสะอาดบ้าน 77%
- อ่านหนังสือ 70%
- ทำอาหาร 70%
- พูดคุยหรือเจอคนเยอะๆ 68%
- ดูแลผิวพรรณตัวเอง 68%
- เรียน/ทำงาน 65%
- ออกไปช้อปปิ้ง 64%
- เดินทางไปไหนมาไหน 60%
จากตัวเลขทั้งหมดนี้ผมถึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมบริการ Food Delivery ไม่ว่าจะ Grab, Lineman และ Get ถึงโตเอาโตเอาในบ้านเรา จนจากข้อมูล insight ของทางผู้บริหาร Get ที่มาร่วมในงานนี้แชร์ว่า ตอนนี้ร้านอาหารบางร้านนั้นแทบไม่ต้องพึ่งยอดขายจากทางหน้าร้านแล้ว เพราะลำพังแค่ทำส่งออเดอร์จากแอพต่างๆก็ทำไม่ทันแล้วครับ
และอีกข้อมูลที่น่าสนใจในงานคือ มีวิดีโอสัมภาษณ์หญิงคนหนึ่งที่ทำอาชีพรับจ้างต่อคิว เรียกว่าทำเป็นอาชีพหลัก แถมเธอยังมีเรทการ์ดในการคิดค่าบริการตามชั่วโมงหรือเหมาวัน และจะชาร์จเพิ่มในกรณีที่ต้องต่อคิวข้ามวันและแถวนั้นไม่มีที่นอน หรือคิดเพิ่มถ้าเธอต้องนอนข้างถนนริมฟุตบาทนั้นเองครับ
ลองดูคลิปผู้ที่ทำอาชีพรับจ้างต่อคิวนี้ก่อนก็ได้ครับ
แล้วพอแยกความขี้เกียจของแต่ละเพศก็จะพบว่า ผู้ชายนั้นขี้เกียจต่อคิวซื้อชองเป็นอันดับ 1 ส่วนอันดับหนึ่งของผู้หญิงนั้นเป็นเรื่องขี้เกียจออกกำลังกายครับ
แต่ความขี้เกียจข้อที่ 4 ของผู้หญิงนี้น่าสนใจครับ ตรงที่พวกเธอกว่า 72% บอกว่าขี้เกียจอ่านหนังสือ ถ้ามองผ่านๆก็คงเป็นเรื่องตลก แต่ถ้ามองให้ลึกจะเห็นโอกาสในธุรกิจครับ เพราะนั่นหมายความว่าลึกๆแล้วพวกเธออยากอ่านหนังสือ อยากเสพย์หาความรู้ความบันเทิงอื่นๆเพิ่มเติม ใครถ้าสามารถเข้ามาแก้ปัญหาตรงนี้ทำให้การอ่านหนังสือไม่น่าเบื่อ หรือเปลี่ยนการอ่านให้เป็นวิธีอื่น อย่างการฟัง หรือการดูได้ ตลาดของพวกเธอคงโตขึ้นอีกมากเลยทีเดียวครับ
แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าคุณเป็นคนขี้เกียจอ่านหนังสือ ผมมีอีกหนึ่งเพจมาแนะนำให้ เพจนี้มีชื่อว่า อ่านแล้วเล่า ครับ เพจนี้จะสรุปหนังสือที่เจ้าของเพจอ่านไว้แล้วมากมายหลากหลายแนว ให้คุณได้อ่านสรุปที่สนุกไม่แพ้อ่านเองครับ
ปล. เพจผมเอง ขอแอบขายของหน่อยนะครับ รอแล้วรู้อะไรอยู่เล่า รีบเข้าไปกดไลก์ซิครับ!
เข้าสู่คำถามสำคัญคือ ใครกันคือยอดมนุษย์ขี้เกียจ และผลที่ได้ก็คือผู้หญิงครับ โดยเป็นผู้หญิง Gen Y ที่มีความขี้เกียจสูงสุด ทีมงานมอบมงให้เลยครับ
โดยความขี้เกียจอันดับหนึ่งคือ “มนุษย์อยากดูดี แต่ไม่มีแรง“
เรื่องนี้ไม่ต้องมองไปไหนไกลตัว มองดูผู้หญิงใกล้ๆตัวที่เป็นนักออกกำลังกายสาย Prop ก็ได้ครับ เราจะเห็นว่าพวกเธอนั้นมักจะมีอุปกรณ์ทุกอย่างครบชุด แต่กลับใส่ไปถ่ายรูปไม่กี่ครั้ง จากนั้นก็เข้ายิมที่สมัครไว้ไม่กี่ที หรือแม้แต่เสื่อโยคะผืนโตราคาแพงก็บางคนยังไม่เคยแก้ออกจากม้วนด้วยซ้ำ
และ Insight ของมนุษย์อยากดูดีแต่ไม่มีแรงก็ฟังดูมีเหตุมีผลนะครับ เพราะเหตุผลอันดับหนึ่งบอกว่า “น่าเบื่อ” สั้นๆง่ายๆแค่นี้ไม่ต้องอธิบายอะไรต่อ จบนะ!
ส่วนอันดับที่สองและสามคือไม่มีเวลาและรู้สึกเหนื่อย จริงๆสองข้อนี้ผมว่ารวมตึงเป็นข้อเดียวเลยก็ได้ครับ
จากการสำรวจพบว่าพวกเธอมีแอพออกกำลังกายเต็มเครื่องไปหมด แต่ส่วนใหญ่โหลดทิ้งไว้แล้วแทบไม่ค่อยได้เปิดใช้ ดังนั้นถ้าดูให้ลึกจะเข้าใจว่าแท้จริงแล้วพวกเธอรู้แหละว่าการออกกำลังกายนั้นสำคัญ
เพราะผลจากการสำรวจพบว่าแอพเพื่อสุขภาพทั้งหลายกว่า 68% ไม่มีการใช้งานใดๆเลยครับ
ความขี้เกียจอันดับสองคือ มนุษย์ชอบช้อปแต่ไม่ชอบรอ
น่าหงุดหงิดใช่มั้ยครับเวลาที่ต้องต่อแถวรอจ่ายคิวนานๆ ผมเองก็เป็นคนนึงมี่เป็นประจำ จนอยากให้มีร้าน
และจากพฤติกรรมการขี้เกียจรอนี้ ส่งผลให้คนไทยเป็นชาติที่ใช้งาน Mobile Banking มีสัดส่วนสูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก เพราะคนไทยมากถึง 74% ที่ใช้งาน Mobile Banking เป็นประจำครับ
มนุษย์ขี้เกียจอันดับที่ 3 มนุษย์บ้านรก สกปรกค่อยทำ (แต่จากภาพจะเห็นว่านี่มันไม่ใช่แค่คำว่ารก แต่มันควรใช้คำว่า “โคตรรก” แล้วครับ)
จาก Insight ที่พบของมนุษย์บ้านรก สกปรกค่อยทำ ก็ช่างน่าปวดหัวมาก เพราะเหตุผลอันดับหนึ่งคือรู้สึกเหนื่อย แต่พอลงรายละเอียดแล้วบอกว่า “ไม้กวาดไม้ถูพื้นมันสั้น ทำแล้วปวดหลัง” What!?
ถ้าบริษัทใครผลิตไม้กวาดผมว่าคุณเจอโอกาสทองแล้วล่ะ แค่ทำไม้กวาดให้สามารถปรับระดับความยาวได้ตามสัดส่วนความสูง น่าจะขายคนกลุ่มนี้ได้ไม่น้อยเลย(มั้งครับ)
และจากข้อมูล insight ที่น่าสนใจบอกว่า แม้วันนี้เราจะมีแอพให้บริการทำความสะอาดบ้านมากมาย แต่กลับมีคนที่ใช้บริการจริงๆแค่ 7% เท่านั้น โดยเหตุผลหลักคือไม่ค่อยสบายใจที่จะมีคนแปลกหน้าเข้ามายุ่มย่ามในบ้าน ดังนั้นผมเลยเห็นโอกาสว่า ถ้าแอพทำความสะอาดบ้านรายไหนสามารถสร้างความไว้วางใจให้เกิดกับผู้บริโภคที่ยังลังเลใจได้ รับรองว่าเงินจะไหลมาเทมาแน่นอนครับ
จากประสบการณ์ตรงผมข้อนี้ก็เคยเป็นเหมือนกัน แต่พอได้แม่บ้านที่มีเพื่อนบ้านในหมู่บ้านแนะนำให้ก็ไว้ใจที่จะให้เข้ามาทำความสะอาดบ้าน หลังๆผมถึงขนาดทิ้งบ้านไว้ให้เธอทำแล้วผมออกไปเที่ยวเล่นนอกบ้านด้วยซ้ำครับ ลองดูการใช้ Referal ที่เป็นคนที่รู้จักของผู้ใช้แอพนะครับ หรือลองกระตุ้นให้ผู้ใช้แอพแนะนำกัน ผมว่าน่าจะช่วยปลดล็อคอันนี้ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
มนุษย์ขี้เกียจประเภทที่ 4 มนุษย์ไม่ชอบอ่าน แค่ผ่านๆก็พอ
จาก Insight จะพบว่าแท้จริงแล้วพวกเธออยากอ่านนะ เพียงแต่พวกเธอขาดแรงจูงใจ หรืออ่านไปได้ไม่กี่หน้าก็ง่วงยิ่งกว่ากินยานอนหลับชั้นดี หรือเหตุผลรองของพวกเธอก็คือเหนื่อยและไม่มีเวลา ดังนั้นเหมือนที่ผม การตลาดวันละตอนบอกว่า ลึกๆแล้วพวกเธออยากอ่าน แต่ใครล่ะที่จะสามารถทำให้ง่ายขึ้นได้
นั่นก็คือเพจอ่านแล้วล่า https://www.facebook.com/Summaread เป็นเพจดีๆที่คอยสรุปหนังสือต่างๆไว้มากมาย จนถึงวันนี้ก็หลายร้อยเล่มแล้วครับ โดยเพจนี้จะสรุปหนังสือออกมาเป็นหนึ่งโพสที่คุณสามารถอ่านแล้วเข้าใจเนื้อหาสำคัญทั้งหมดของเล่มได้ และจากการอ่านสรุปนี้อาจทำให้คุณเกิดแรงจูงใจมากพอที่จะหยิบหนังสือในมือขึ้นมาอ่านก็ได้นะครับ
และสุดท้าย มนุษย์ขี้เกียจประเภทที่ 5 มนุษย์ชอบกิน แต่ไม่ชอบทำอาหาร
เลยเป็นที่มาของ Food Delivery ที่แข่งขันกันดุเดือดมากมายในวันนี้ เพื่อตอบสนองทุกความขี้เกียจที่เป็นอุปสรรคความหิวและของอร่อยครับ
และนี่ก็คือ 5 Lazy Consumers ที่นักการตลาดยุคใหม่ และนักธุรกิจไม่ควรมองข้ามที่จะคว้าโอกาสตอบสนองความขี้เกียจของพวกเขาเหล่านี้ครับ
และ Strategy พิชิตใจคนขี้เกียจก็คือ SLOTH ครับ
S มาจาก Speed ต้องรวดเร็ว อย่าให้พวกเขาต้องรอ
L มาจาก Lean ต้องลด ลัด ตัด ย่อ
O มาจาก enjOy ต้องสนุก เร้าใจ
T มาจาก convenienT ต้องสะดวก เพราะเป็นคนรักสบาย
H มาจาก Happy ต้องสุขกาย สบายใจครับ
หรือสรุปง่ายๆได้ว่า “เร็ว กระชับ สนุก สะดวก แฮปปี้” เพราะความสุขของลูกค้าคือความสุขของเราครับ
จากนั้นก็เป็นช่วงของ Speaker ที่ได้รับเชิญในงาน และนี่ก็เป็นข้อมูล insight ที่น่าสนใจจากปากผู้บริหารจาก 3 บริษัทดังครับ
Get บอกว่าระยะทางในการสั่งอาหารที่ใกล้ที่สุดนั้นใกล้ยิ่งกว่าเซเว่นหน้าหมู่บ้าน แต่เป็นการสั่งอาหารจากชั้นล่างให้ขึ้นมาส่งชั้นบนครับ โอ้โห ขี้เกียจขั้นเทพจริงๆ
และ Get เองก็ยังเผย Insight อีกว่า ปัญหาใหญ่ของลูกค้าที่จะสั่งอาหารคือไม่รู้ว่าจะกินอะไรดี ดังนั้นหน้าแอพของ Get ของลูกค้าแต่ละคนก็จะไม่เหมือนกัน เพราะตัวระบบจะทำการแนะนำอาหารที่แต่ละคนน่าจะชอบ เมื่อดูจากประวัติการกินที่ผ่านมา เรียกได้ว่า Get เป็นบริษัทที่ Data-Driven Delivery จริงๆครับ
และอีกข้อคิดนึงที่น่าสนใจจากผู้บริหาร Ookbee คือการบอกว่า แท้จริงแล้วผู้บริโภคเหล่านี้อาจจะไม่ได้ขี้เกียจหรือ Lazy ขนาดนั้น แต่ความจริงแล้วคนเหล่านี้อาจจะ Busy มาก มากจนไม่อยากเสียเวลาให้กับเรื่องที่พวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรเหล่านี้ ไม่ว่าจะซื้อข้าว ต่อคิว ทำความสะอาดบ้าน พับผ้า แปรงฟัน หรืออะไรก็ตาม เพราะพวกเขาเหล่านี้เลือกที่จะเอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่สำคัญกว่า และหนึ่งในความสำคัญกว่าที่ว่าก็คือการพักผ่อนเพื่อชาร์จพลังกลับไปหาเงินอีกรอบครับ
ตรงนี้ผมเคยเขียนเคสการตลาดหนึ่งของผงซักฟอก Tide ที่เปิดร้านซักรีดแทนการขายสินค้าเดิมๆที่อเมริกา เพราะ Tide พบว่าผู้บริโภครุ่นใหม่ตั้งแต่ Gen Me ลงไปนั้นยอมจ่ายเพื่อการไม่ต้องทำงานบ้าน แล้วเอาเวลาไปหาเงินเพิ่มขึ้นครับ
และทั้งหมดนี้ก็เป็นการสรุปแบบลงลึกจากงาน Lazy Consumer ในหัวข้อ Lazy Marketing หรือ ตลาดคนขี้เกียจ ทำอย่างไรให้ขายได้ในยุคที่คนอยากซื้อ แต่ไม่อยากขยับตัว จากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล หรือ CMMU เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2562 ที่ผ่านมาครับ
ใครที่สนใจอยากได้ไฟล์งานสัมมนานี้เต็มๆเชิญดาวน์โหลดได้ที่ลิงก์นี้ครับ
อ่านสรุป Insight อื่นต่อได้ที่ https://www.everydaymarketing.co/category/trend-insight/
การตลาดวันละตอนขอขอบคุณ CMMU และทีมงาน Lazy Consumer สำหรับงานสัมมนาดีๆแบบนี้ด้วยครับ