Humandroid มนุษย์ หุ่นยนต์ ปฏิวัติ

Humandroid มนุษย์ หุ่นยนต์ ปฏิวัติ

บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกทางนิตยสารรายวัน Rabbit Today เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2018 เป็นบทความพิเศษที่ทางการตลาดวันละตอนเขียนให้จากโจทย์ที่ว่า อนาคตของมนุษย์กับหุ่นยนต์จะเป็นอย่างไร ในวันที่กระแสเรื่อง AI มาแรงเหลือเกิน

ก่อนเขียนผมนึกถึงครั้งที่เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่อังกฤษ เมื่อครั้งที่เครื่องจักรทอผ้าเข้ามาแทนที่คนงาน จนเกิดการปฏิวัติและทำลายเครื่องจักรเหล่านั้น เพราะเครื่องจักรเหล่านั้นทำให้อาชีพคนงานทอผ้ามากมายต้องหายวับไปกับตา แต่ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง นั่นหมายความว่าย่อมมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นตามมา และนั่นก็คือการเกิดอาชีพใหม่ๆ เกิดเศรษฐกิจที่ร้อนแรงที่เริ่มต้นจากประเทศอังกฤษ และทำให้เกิดการผลิตจำนวนมาก จนทำให้คุณภาพชีวิตพื้นฐานของผู้คนดีขึ้นกว่าเดิมมากครับ

เชิญคุณอ่านเนื้อหาทั้งหมดที่ตีพิมพ์ในตอนนั้น ลองมาดูกันซิว่า 1 ปีผ่านไปมีอะไรเปลี่ยนไป และเกิดขึ้นจริงจากที่ผมเขียนไว้แล้วบ้างครับ

AI ที่ใครหลายคนพูดถึงผ่านหลายช่องทางจนเกิดเป็นกระแสถึงความฉลาดที่เพิ่มขึ้นจนน่าทึ่ง จนเริ่มทำให้เราเป็นกังวลว่า อีกไม่นานนี้คนส่วนใหญ่คงต้องตกงานเพราะ AI มาแย่งงานไปทำ

ก็เพราะ AI ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ไม่รู้จักบ่น และไม่รู้จักเรียกร้องเงินเดือนเพิ่ม โบนัสประจำปี หรือสวัสดิการใดๆ เพิ่มจากนายจ้าง แน่นอนว่า ถ้าคุณเป็นเจ้าของกิจการในวันนี้ คุณคงอยากได้ลูกน้องแบบนี้แน่ๆ แต่ถ้าคุณไม่ใช่เจ้าของกิจการเหมือนกับผมล่ะ ใครกันที่จะต้องตกงานเพราะ AI แล้วคนแบบไหนกันที่จะยังมีงานทำอยู่

แรกเริ่มเดิมทีเราเคยฝันถึงหุ่นยนต์ หรือโปรแกรมแสนอัจฉริยะที่คอยบริการเอาใจเรา ทำให้เรามีชีวิตที่สะดวกสบายขึ้นเหมือนในหนัง Sci-fi หลายๆ เรื่อง อย่าง Starwars ที่มีหุ่นยนต์ C3PO หุ่นสีทองๆ ที่เดิน 2 ขา และพูดได้เหมือนคน แต่มีนิสัยขี้กลัวและดูไม่ค่อยฉลาดเท่าไรในเรื่อง หรือโปรแกรมอัจฉริยะอย่าง Jarvis ใน Iron  Man ภาคแรกๆ ก่อนจะมีร่างเป็นของตัวเองในตอนหลัง ที่ไม่มีตัวตนเป็นหุ่นยนต์ แต่เป็นเสียงจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ฉลาดจนเป็นคู่หูที่ขาดไม่ได้เลยของ Tony Stark

ทั้งหมดนี้คือ AI ที่กำลังพูดถึงครับ แม้บางชนิดอาจมีรูปร่างเหมือนคน บางชนิดอาจมีแค่อุปกรณ์บางส่วน หรือบางชนิดอาจไม่มีตัวตนให้จับต้องได้ แต่อยู่ในรูปแบบเสียง หรือตัวอักษรทางหน้าจอเท่านั้น

เมื่อจุดเด่นของ AI คือความสามารถในการเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว และไม่มีวันเหนื่อยล้า ลองเป็นคนฉลาดแค่อ่านหนังสือวันละ 10 เล่มยังยากที่จะทำได้ แต่เจ้า AI สามารถอ่านได้วันเป็นพันๆ หมื่นๆ เล่ม หรืออาจจะมากกว่านั้น ถ้ายิ่งพัฒนาอุปกรณ์และโปรแกรมให้ดีขึ้น เช่น AI ของ IBM ที่ชื่อ Watson สามารถอ่านประวัติข้อมูลทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับโรคร้ายอย่างมะเร็งย้อนหลังเป็นแสนๆ เคส ได้หมดภายในแป๊บเดียว แล้วก็เรียนรู้จากข้อมูลทั้งหมดจนสามารถวินิจฉัยผู้ป่วยได้แม่นยำ จนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญยังเสียวสันหลังกันเป็นแถว

แล้วอาชีพแบบไหนล่ะที่จะต้องตกงานเพราะ AI ก็บรรดาอาชีพที่ไม่ต้องคิดอะไรใหม่หรือสร้างสรรค์อะไรเพิ่ม ใช้แค่ทักษะการทำซ้ำหรือคิดซ้ำแบบเดิม ก็สามารถถูกแทนที่ได้หมด อย่างอาชีพคนขับรถ ไม่ว่าจะแท็กซี่ รถขนส่ง กระบะ สิบล้อ ที่กำลังค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติในรถยนต์ รู้ไหมครับว่า แท็กซี่ในประเทศสิงคโปร์นั้นใช้รถอัตโนมัติเรียบร้อยแล้ว หรืออาชีพพนักงานให้บริการลูกค้าที่ต้องคอยตอบคำถามโน่นนี่นั่นก็กำลังถูกแทนที่อยู่ทุกวันนี้ด้วย AI ที่เรียกว่า Chatbot ที่พร้อมจะตอบคำถามลูกค้าได้เป็นพันๆ คนพร้อมกัน ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่มีอารมณ์เสียใส่ลูกค้ากลับแต่อย่างไร 

หรือแม้กระทั่งผู้ช่วยส่วนตัวอย่างเลขาฯ ที่ก็กำลังจะถูกแทนที่ในเร็วๆ นี้ ล่าสุดระบบ AI ของ Google ที่ชื่อว่า Google Assistant สามารถโทรศัพท์แทนคุณออกไปจองคิวโต๊ะร้านอาหารที่ดีที่สุดในอาทิตย์หน้าให้คุณได้ โดยถ้าร้านไม่ว่างในวันและเวลาที่คุณบอกไว้แต่แรก เจ้า Google Assistant นี้จะกลับมาเช็กตารางงานของคุณโดยอัตโนมัติ แล้วแจ้งเวลาที่คุณว่างให้กับทางร้าน พอได้เวลาที่ลงตัวกับตารางงานของคุณ ก็จะส่งอีเมลแจ้งนัดให้คุณและเพื่อนๆ ได้รับทราบพร้อมกัน ฟังดูดีใช่ไหมครับ

แม้แต่หมอ อาชีพที่ขึ้นชื่อว่าเรียนยากและรายได้ดี ก็มีแนวโน้มว่าจะถูกแทนที่เร็วกว่าใคร เพราะในต่างประเทศเริ่มมีบริการให้แชตคุยกับหมอที่เป็น AI แล้วจะวินิจฉัยโรคเบื้องต้นออกมาได้ แล้วก็บอกได้ว่าคุณต้องไปซื้อยาอะไรมากินบ้าง หรือถ้าคุยแล้ว AI คิดว่าคุณอาการท่าจะหนักกินยาเองไม่หาย ก็จะนัดให้คุณได้เจอกับหมอตัวเป็นๆ

Humandriod AI ปฏิวัติ

ทั้งหมดนี้ไม่ได้เล่าเพื่อให้คุณกลัว แต่อยากให้คุณเข้าใจว่า AI คือการปฏิวัติครั้งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในชีวิตเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เหมือนวันนี้ที่อินเทอร์เน็ตเข้ามาเป็นปัจจัย 5 ในชีวิตเราอย่างขาดไม่ได้แล้ว สิ่งสำคัญคือคุณควรยอมรับกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิด และคุณต้องรู้จักพัฒนาตัวเองให้ AI ไม่สามารถแทนคุณได้ ถ้าจุดแข็งของ AI คือการเรียนรู้ ผมก็อยากจะบอกว่าจุดแข็งของคุณก็คือการสร้างสรรค์ การค้นพบสิ่งใหม่ๆ และริเริ่มสิ่งใหม่ๆ มองทุกอย่างให้เป็นโอกาส นี่แหละครับจุดแข็งของมนุษย์อย่างคุณและผม

ทั้งหมดนี้ทำให้ผมคิดย้อนไปช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรมเมื่อร้อยกว่าปีก่อน ตอนที่เครื่องจักรและพลังงานไอน้ำเข้ามาเปลี่ยนแปลงกระบวนผลิต ทำให้แรงงานต้องตกงานมากมาย เกิดการกลัวและต่อต้านเครื่องจักรเหล่านั้นมากมาย บ้างประท้วง บ้างจุดไฟเผาโรงงาน แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีใครต่อต้านหรือยับยั้งการปฏิวัติครั้งนั้นได้ ผลที่ตามมาคือ หลายคนต้องตกงานเพราะงานเก่าๆ ถูกลบหายไป อาชีพคนทอผ้าที่เคยมีความสำคัญก็ถูกแทนด้วยเครื่องจักรทอผ้า แต่เช่นเดียวกันก็เกิดอาชีพใหม่ๆ ขึ้นมามากมาย อย่างช่างซ่อมบำรุงเครื่องจักร หรือคนที่สามารถคิดค้นอุปกรณ์เสริมสมรรถภาพเครื่องจักรเหล่านี้ให้ดีขึ้น

การปฏิวัติ AI ครั้งนี้ผมว่าก็ไม่ต่างกัน หลายอาชีพที่เคยมีต้องหายไปอย่างไม่มีวันกลับ แต่อาชีพใหม่ๆ ก็จะเกิดขึ้นตามมามากมาย สิ่งสำคัญคือ การยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิด และการยอมรับว่าตัวเราเองก็ต้องเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ถ้า AI ยังอัพเกรดตัวเองได้ เราก็ต้องรู้จักอัพเกรดมีวิวัฒนาการด้วยเช่นกัน

ถ้าไม่อยากถูก AI ปฏิวัติ ก็ต้องรู้จักวิวัฒนาการตัวเองตั้งแต่วันนี้ครับ

AI คืออะไร

AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ที่ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบหุ่นยนต์ เครื่องจักร โปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือแอปฯ ในโทรศัพท์มือถือ ถ้าสิ่งนั้นสามารถเรียนรู้แล้วปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นได้ ล้วนนับว่าเป็น AI ทั้งนั้นครับ เช่น ระบบแท็กใบหน้าอัตโนมัติของเฟซบุ๊กก็เป็นส่วนหนึ่งของ AI เพราะยิ่งเราอัพโหลดภาพตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ หรือแท็กเพื่อนในรูปเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันก็จะยิ่งแยกแยะเราออกดีขึ้นเรื่อยๆ

คุณอาจเคยสงสัยว่าทำไมเวลาถ่ายรูปหมู่ทีไร มันถึงแท็กเราและเพื่อนในรูปได้เก่งจริงๆ นั่นแหละครับ AI เรียนรู้ได้เองและปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้นได้เอง

หรือแม้กระทั่ง AI ที่ชื่อ Alpha Go สามารถเรียนรู้การเล่นโกะหรือหมากล้อม จากการเล่นกับมืออาชีพมากมายจนสามารถพัฒนาการเล่นและเอาชนะแชมป์โลกอย่าง Lee Sedol ได้  ทำให้หลายคนบนโลกทึ่งกับความสามารถที่เกินคาดเดาได้ในการเรียนรู้ของ AI ไปแล้ว

Humandriod AI ปฏิวัติ

แล้ว AI ปฏิวัติคืออะไร

ก็เมื่อเจ้า AI ยิ่งเรียนรู้ก็ยิ่งเก่งและก็เก่งขึ้นเรื่อยๆ จนคาดเดาไม่ได้ จากเดิมที่เราเคยชื่นชมเมื่อคอมพิวเตอร์ฉลาดขึ้น กลายเป็นเริ่มมีการหวาดระแวงว่างานบางส่วนจะถูก AI เข้ามาแทนที่ หรืออาจถึงขั้นถูก AI ปฏิวัติรูปแบบการทำงาน เพราะมันฉลาดมากขึ้นเรื่อยๆ จนอาจทดแทนคนได้ทั้งหมดก็ได้ใครจะรู้

อย่างที่เราเคยเห็นคลิปของโรงงานทำอาหารอย่างขนมจีบแห่งหนึ่ง ที่ทั้งโรงงานไม่มีคนงานเลยแม้แต่คนเดียว มีแต่เครื่องจักรกับโปรแกรมที่คอยทำทุกอย่างออกมาเป็นขนมจีบอร่อยๆ ให้เรากิน หรือเว็บฯ ขายของออนไลน์ระดับโลกอย่าง Alibaba ก็ใช้ AI ในการเขียนคำโฆษณาเชิญชวนให้คนกดเข้ามาซื้อของ จากเดิมหน้าที่นี้ต้องเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์เท่านั้นที่ทำได้ ไม่ใช่ว่าจะใครก็ทำได้ด้วยซ้ำ นี่แหละครับเมื่องานของเราโดนปฏิวัติโดย AI

ทำไม AI ต้องปฏิวัติ

เพราะมนุษย์เองพยายามคิดเพื่อหาทางเอาชนะข้อจำกัดของตัวเองอยู่เสมอ สมัยก่อนเรารู้ดีว่าเราไม่สามารถเอาชนะความไม่แน่นอนของธรรมชาติเวลาไปหาของป่าหรือล่าสัตว์ เพราะใช่ว่าจะโชคดีเจอผลหมากรากไม้ให้กินทุกวัน ก็คิดค้นการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ขึ้นมาเพื่อเอาชนะความหิว หรือในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมที่มนุษย์เราคิดค้นเครื่องจักรและพลังงานไอน้ำขึ้นมา ก็เพื่อเอาชนะข้อจำกัดทางด้านพละกำลังในการผลิตสร้างสิ่งของต่างๆ

จนตอนนี้ก็มนุษย์เราเองนี่แหละที่คิดหาทางเอาชนะข้อจำกัดด้าน ‘การคิด’ ‘ความจำ’ หรือ ‘การเรียนรู้’ ของสมองและการทำงานของเราด้วยการสร้างปัญญาประดิษฐ์ หรือเจ้า AI มาช่วยเรียนรู้แทนเราขึ้นมา ตัวอย่างเช่น Watson ที่เป็น AI ของบริษัทคอมพิวเตอร์ชื่อดังอย่าง IBM ที่สามารถวินิจฉัยโรคลูคิเมียที่เป็นเคสหายากภายในเวลาเพียง 10 นาที

เทียบกับกระบวนการทางการแพทย์ปกติที่ใช้เวลาวินิจฉัยถึง 2 สัปดาห์ ด้วยการป้อนฐานข้อมูลให้ Watson ที่มีข้อมูลทั้งด้านเนื้องอก มะเร็ง ลูคีเมีย นับไม่ถ้วน เข้าไปเพื่อให้เรียนรู้การวินิจฉัยโรคออกมาได้ หรือ AI ของ Google เอง ที่สามารถทำนายข้อมูลของคนไข้ได้จากดวงตา ไม่ว่าจะอายุ เพศ เบาหวาน น้ำหนักส่วนสูง หรือความดันเลือด โดยแม่นยำถึง 95% จากการป้อนข้อมูลมหาศาลให้ AI เรียนรู้ แล้วพัฒนาความสามารถให้แม่นยำอย่างที่มนุษย์ทำไม่ได้

เพราะคนเรานั้นมีข้อจำกัดด้านร่างกายและสมอง เราเหนื่อยได้ เราล้าเป็น แต่กับคอมพิวเตอร์นั้นไม่ จะให้อ่านเคสหรือข้อมูลเป็นแสนเป็นล้านเพื่อเรียนรู้หรอ สบาย!

Humandriod AI ปฏิวัติ

AI ปฏิวัติอะไรอยู่บ้าง

หลายอย่างในตอนนี้เรากำลังค่อยๆ ถูก AI ปฏิวัติไปโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนเองอัตโนมัติอย่าง Tesla ที่เคยมีคลิปเจ้าของนอนหลับอยู่บนทางหลวงโดยรถก็ขับของมันเองไปเรื่อยๆ ทำให้บรรดาคนที่ต้องขับรถเพื่อเลี้ยงชีพอย่างคนขับแท็กซี่ หรือคนขับรถบรรทุกขนส่งนั้น มีแนวโน้มจะถูก AI เข้ามาแทนที่ทั้งหมดในเร็ววัน หรือระบบ Chatbot ที่สามารถตอบคำถามลูกค้าทางออนไลน์ได้ทันทีพร้อมกันเป็นพันคนตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องพัก ก็ค่อยๆ เข้ามาแทนที่บรรดาพนักงาน Customer Service ไปเรื่อยๆ หรือ AI ที่เป็นระบบช่วยวิเคราะห์อารมณ์ของลูกค้าที่โทรเข้ามาให้พนักงานที่เป็นคนตัวเป็นๆ รู้ว่าลูกค้ากำลังรู้สึกอย่างไร นี่ก็เป็นการปฏิวัติรูปแบบการทำงาน จากเดิมที่ต้องมีหัวหน้างานผู้เชี่ยวชาญในการฝึกอบรมพนักงานบริการลูกค้าทางโทรศัพท์แบบตัวต่อตัว ให้เหลือแค่ AI ที่สามารถให้คำแนะนำพนักงานทุกคนได้พร้อมกันโดยไม่บ่น

ใครที่จะถูก AI ปฏิวัติ

พออ่านถึงตรงนี้คุณอาจชักกังวลแล้วว่าคุณจะเป็นหนึ่งในอาชีพที่ถูก AI เข้ามาปฏิวัติการทำงานด้วยการแย่งงานจากคุณไปหรือเปล่า ผมบอกคุณไม่ได้ แต่ผมบอกได้แค่ว่า อาชีพไหนที่มีการทำงานแบบแพตเทิร์น หรือมีการทำงานแบบซ้ำๆ เดิมๆ ไม่ว่าจะด้วยการลงมือทำหรือการใช้ความคิด ก็มีสิทธิ์ที่จะโดน AI เข้ามาแทนที่ได้ทั้งนั้น

ไม่ว่าจะหมอ ทนายความ นายธนาคาร หรือนักบัญชี ทุกอาชีพล้วนเสี่ยงทั้งหมด เสียใจด้วยครับที่ต้องบอกว่าคุณอาจเป็นหนึ่งในนั้น แล้วคุณจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร

คุณต้องมีวิวัฒนาการถ้าไม่อยากถูกปฏิวัติ

เพราะ AI ถูกคิดขึ้นมาจากการต้องการก้าวข้ามข้อจำกัดทางด้านความคิดหรือสมอง หลังจากเราสามารถปฏิวัติเรื่องแรงงานด้วยการใช้พลังงานจากไฟฟ้าและเครื่องจักรมาแล้ว เมื่อ AI เข้ามาอาจต้องมีใครหลายคนจากไป หลายอาชีพอาจต้องหายไป

แต่เช่นเดียวกัน โอกาสหรืออาชีพใหม่ๆ ก็ย่อมต้องเกิดขึ้นมา ทั้งหมดนี้ทำให้ผมนึกย้อนไปตอนปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ผ่านมา ในตอนนั้นเครื่องจักรทอผ้าถูกนำมาใช้ทดแทนแรงงานทอผ้าด้วยมือออกไป ทำให้คนมากมายหลายล้านที่ยึดอาชีพทอผ้ามาช้านานต้องตกงาน จนเกิดการจลาจลตามมา แต่ไม่นานนักก็มีโอกาสใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีตามมา ไม่ว่าจะช่างดูแลเครื่องจักร ผู้ปรับปรุงระบบการทอผ้า และอื่นๆ อีกมาก

เป็นอย่างไรครับกับการปฏิวัติของ AI คำถามสำคัญคือ คุณพร้อมจะปฏิวัติตัวเองก่อนที่จะถูกปฏิวัติแล้วหรือยัง? เพราะ AI ด้วยกันก็ยังต้องแข่งกันเอง แล้วนับประสาอะไรกับมนุษย์เรา จริงมั้ยครับ?

อ่านเรื่องเกี่ยวกับ AI ต่อ https://www.everydaymarketing.co/tag/ai/

Nattapon Muangtum

เจ้าของเพจการตลาดวันละตอน / อาจารย์พิเศษวิชา Data-Driven Communication / เขียนหนังสือมาแล้ว 5 เล่ม Personalized Marketing, Data-Driven Marketing, Data Thinking, Contextual Marketing และ Social Listening / ที่ปรึกษา Data-Driven Advisor

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

คุณคิดว่าปัญหา PM 2.5 ที่เชียงใหม่วิกฤตหรือยัง ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถามก่อนอ่านการตลาดวันละตอน แล้วเราจะเอาไปทำเป็น Infographic โชว์หน้าเพจให้รู้ด้วยกัน