สัดส่วนการใช้เงินของ Gen Z แบ่งให้เสื้อผ้าเป็นอันดับ 1

สัดส่วนการใช้เงินของ Gen Z แบ่งให้เสื้อผ้าเป็นอันดับ 1

ล่าสุดมีผลการสำรวจและวิจัยของธนาคารเพื่อการการลงทุนอิสระอย่าง Piper Sandler ในประเทศอเมริกาที่ออกมาเผยแพร่ว่า สัดส่วนการใช้เงินของ Gen Z ในวันนี้นั้น พวกเค้าแบ่งให้กับการซื้อเสื้อผ้ามาเป็นอันดับแรกเลย โดยหากแบ่งสัดส่วนของกระเป๋าสตางค์ (Wallet Share) ออก เสื้อผ้านั้นครองพื้นที่ค่าใช้จ่ายไปกว่า 22% ซึ่งสูงกว่าค่าอาหาร ของกินต่างๆ ที่ปกติแล้วอยู่อันดับแรกมาตลอดด้วยค่ะ

ต้องบอกว่าปกติแล้ว Report ของ Piper Sandler ที่เรียกว่า Taking Stock With Teens เนี่ย เป็นหนึ่งในผลสำรวจที่บ่งบอกถึง Taste หรือความชอบของกลุ่มวันรุ่นได้ค่อนข้างมาก ซึ่งหลังจากที่เรื่องของโรคระบาดเริ่มซาลงไป แล้วเหล่าวัยรุ่น Gen Z ทั้งหลายก็ถยอยกลับมาใช้ชีวิตตามปกติเหมือนเมื่อก่อนหน้านั้น รายงานก็พบว่ามีพฤติกรรมการใช้เงินบางอย่างของเด็กเจนใหม่ที่เปลี่ยนไปด้วยในชีวิตประจำวันของพวกเค้า

อย่างแรกเลยก็คือ อัตราการใช้เงินกับเสื้อผ้า โดยเฉพาะกับเสื้อผ้าเพศหญิงที่ผลสำรวจพบว่ามันเพิ่มขึ้นแซงหน้าค่าอาหารและเครื่องดื่มไปเลย สาเหตุหลักของการเติบโตในครั้งนี้ก็มาจากการที่เหล่าเด็กวัยรุ่นได้เริ่มกลับเข้าสู่สังคมในโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าบ้างไม่เข้าบ้างแบบแบ่งวันกันไป (Hybrid format) หรือบางโรงเรียนที่เปิดให้นักเรียนไปเรียนออฟไลน์แบบเต็มตัวแล้วก็มีเช่นกัน โดยตีมูลค่าเงินที่เด็กรุ่นใหม่ใช้ไปกับเสื้อผ้าเฉลี่ยต่อเด็กหนึ่งคนอยู่ที่ประมาณ 2,274 ดอลล่าร์สหรัฐต่อปี หรือราวๆ 70,000 บาทไทยต่อปีเลยค่ะ

โดยแบรนด์เสื้อผ้าที่เด็ก Gen Z ชื่นชอบและยอมทุ่มตัวจ่ายเงินให้อันดับ 1 ก็คือแบรนด์ Nike ที่ยังคงรักษาตำแหน่งได้อย่างมั่นคงต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของแบรนด์เสื้อผ้า Apparel และในแง่ของแบรนด์รองเท้าหรือ Footwear ด้วย นอกจากไนกี้แล้วแบรนด์อย่าง Converse / Crocs / Pacsun / Hey Dude / Zara / Shein และ Gymshark ล้วนแต่ได้ส่วนแบ่งทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น หรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็นที่นิยมและขายดีขึ้นนั่นเอง ในขระที่กลับกัน แบรนด์ Footwear อย่าง Vans กลับกำลังเสียส่วนแบ่งลงไป

ในส่วนของแบรนด์ร้านอาหารและเครื่องดื่ม Survey พบว่าร้านแบรนด์อย่าง Chick-sill-A / Starbucks และ Chipotle ยังคงโดนใจกลุ่มวัยรุ่นในอันดับต้นๆ อยู่ และหากพูดถึงเรื่องของ Beauty หรือความสวยความงาม แบรนด์อย่าง Ulta ได้รับความชื่นชอบไปกว่า 46% เมื่อเปรียบเทียบกับ Sephora ที่อยู่ที่ 21% ค่ะ

นอกจากเรื่องของการช้อปปิ้ง ใช้จ่าย ไลฟ์สไตล์แล้ว ใน Survey ของ Piper Sandler อีกด้วยว่า เด็กรุ่นใหม่นั้นค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องรอบตัวอื่นๆ เพิ่มขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นประเด็นทางการเมือง ปัญหาทางสังคม เรื่องของสิ่งแวดล้อม และปัญหาด้านความเท่าเทียมกันของเชื้อชาติต่างๆ ที่เป็นประเด็นอันดับต้นๆ ที่พวกเค้าสนใจเลยก็ว่าได้ ทำให้เกิดเป็น Pattern ของพฤติกรรมใหม่ๆ อย่างการซื้อเสื้อผ้ามือสอง 62% และการขายเสื้อผ้ามือสอง 51% ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดการ Reuse ส่งต่อและลดปัญหาขยะแฟชั่นด้วย

ถึงแม้ว่าเด็กหลายคนจะเริ่มกลับมาใช้ชีวิตที่โรงเรียน มหาลัยและห้างกันแล้ว แต่พวกเค้าเหล่านี้ก็ยังเชื่อมต่อและพูดคุยกันผ่านสื่อออนไลน์อย่างต่อเนื่องด้วยเหมือนเดิม โดยเฉลี่ยแล้วพวกเค้าใช้เวลาไปกับการเสพสื่อโซเชียลอยู่ที่ราวๆ 4 ชั่วโมงต่อวัน โดยแพลตฟอร์มที่เล่นแล้วพวกเค้าติดลมบนมากที่สุดก็คือ Snapchat 35% รองลงมาก็คือแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นอย่าง TikTok 30% ส่วน Instagram พบการใช้งานที่น้อยลงและครองพื้นที่ไปแค่ 22% ค่ะ

ในส่วนของพฤติกรรมการเสพเนื้อหาวิดีโอหรือ Video Streaming ก็พบว่า Netflix เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งที่กลุ่มวัยรุ่นชอบมากที่สุด อยู่ที่ 32% ถัดมาคือแพลตฟอร์มวิดีโอที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีอย่าง YouTube 30% นอกจากนั้นก็ยังมีกลุ่มผู้ให้บริการอื่นๆ ร่วมวงด้วย ไม่ว่าจะเป็น Hulu หรือ Disney+ ที่เริ่มค่อยๆ เข้ามากินส่วนแบ่งมากขึ้นค่ะ

ทั้งหมดนี้ก็คือสรุปของรีพอร์ตจากธนาคาร Piper Sandler ที่อ้างอิงข้อมูลจาก สัดส่วนการใช้เงินของ Gen Z รวมไปถึงการทำ Survey กับกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้กว่า 10,000 คน ทั้งหมด 44 States ในประเทศอเมริกา โดยเฉลี่ยอายุของเด็กกลุ่มนี้ทั้งหมด 10,000 คนนั้นอยู่ที่ราวๆ 15.8 ปี แถม 38% ของวัยรุ่นกลุ่มนี้ยังเป็นคนที่รับงาน Part-time ทำด้วยตัวเองด้วย

ต้องบอกว่าไม่รู้ที่ไทยจะพบพฤติกรรมการใช้เงินที่เปลี่ยนไปไหม หากเด็กไทยเริ่มถยอยกลับสู่สังคมแบบ Offline ที่ต้องมาเจอหน้ากันกับเพื่อนฝูงแล้ว ดังนั้นตลาดแฟชั่นก็ต้องเตรียมตัวรับโอกาสทางนี้ให้ดี ส่วนร้านอาหารต่างๆ ก็อาจจะต้องระวังส่วนแบ่งที่หายไป ทำให้เรามี Value ในเรื่องของสถานที่ Sit-in เพิ่ม รองรับความปลอดภัย ความสะอาดให้ดี ก็น่าจะเอาอยู่แล้วค่ะ ยังไงก็รอดูในไทยกันต่อไปนะคะ

อ่านเทรนด์ Fashion สำหรับกลุ่ม Gen Z เรื่องการใช้ Avatar ต่อ คลิกตรงนี้

Source: Marketing Dive

Plearn Wisetwongchai

Marketing Strategic Planner ในเครือการตลาดวันละตอน | A Creator สาวพลัสไซส์ @Fabfatkid | A Travel Lover ที่หมดเงินเกือบ 80% ไปกับการเดินทางแบบแมสๆ | An Instagrammer @theplearn ที่ชอบเล่น Story เป็นชีวิตจิตใจ | สุดท้ายคือ Data Researcher ทั้ง Social และ Search Data etc. ค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

คุณคิดว่าปัญหา PM 2.5 ที่เชียงใหม่วิกฤตหรือยัง ?

#การตลาดวันละโพล ขอหนึ่งคำถามก่อนอ่านการตลาดวันละตอน แล้วเราจะเอาไปทำเป็น Infographic โชว์หน้าเพจให้รู้ด้วยกัน